ในช่วงที่ซิสต้องทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home แบบนี้ เชื่อว่าหลายคนต้องเกิดอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ กันบ้างละ นั่นแหละค่ะ อาการออฟฟิศซินโดรมเริ่มถามหาแล้ว เพราะการทำงานที่บ้าน อาจมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อสุขภาพ เช่น นั่งทำงานผิดท่า ลืมลุกมาขยับร่างกาย หรือ เผลอเกร็งคอ บ่า ไหล่ ระหว่างนั่งทำงานโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น ซิสจึงมี 4 เทคนิคง่าย ๆ ที่จะชวนสาว ๆ มาคลายเมื่อย และลดความเสี่ยงที่จะส่งผลถึงกระดูก และกล้ามเนื้อในระยะยาว จากอาการของออฟฟิศซินโดรม จะได้ทำงานได้อย่างเฮลตี้ มีความสุข งานไม่สะดุด แถมร่างกายไม่ประท้วง มาฝากกันค่ะ

 

เทคนิคง่าย ๆ Work from Home ให้ Healthy

 

จัดอุปกรณ์ให้รองรับสรีระ

Work from Home
หน้าจอคอมพ์ต้องอยู่ในระดับสายตา แขนต้องตั้งได้ระดับ 90 องศา เพื่อให้ไม่ต้องเกร็งกล้ามเนื้อขณะทำงาน

นอกจากจะมีไอเดียจัดโต๊ะทำงานให้แจ่มว้าว เพื่อสร้างสีสันให้การทำงานที่บ้านไม่น่าเบื่อแล้ว สิ่งที่ซิสควรให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือ  ฟังก์ชันของอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ หรือ อุปกรณ์ไอที เพราะปกติซิสจะทำเพียงแค่ตอบอีเมล หรือส่งงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ใช่ไหมคะ แต่ตอนที่ต้องทำงานที่บ้านเต็มเวลา นั่นเท่ากับว่า ซิสต้องนั่งทำงานจริงจังวันละ 8 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นต่อให้ใจพร้อม แต่อุปกรณ์ไม่พร้อม ร่างกายก็อาจสู้ไม่ไหวเอาได้นะเออ

เริ่มจากอุปกรณ์ไอทีก่อนเลยค่ะ ไม่ว่าจะใช้โน้ตบุ๊ก หรือ คอมพิวเตอร์ ตำแหน่งที่เหมาะสมของหน้าจอ จะต้องอยู่ในระดับสายตา เพื่อให้ลำคอตั้งตรงขณะใช้งาน จำไว้เลยนะคะ ว่าถ้าซิสปล่อยให้หน้าจออยู่สูง หรือต่ำกว่าระดับสายตาเกินไป จะทำให้กระดูกต้นคอ และกล้ามเนื้อคอต้องรับบทหนัก ในการรองรับน้ำหนักของศีรษะที่ต้องก้มหรือเงยตลอดเวลา ปวดคอเอาง่าย ๆ เลยนะคะเนี่ย อีกอย่างคือ ควรปรับระยะห่างระหว่างจอกับสายตาประมาณ 2.5 ฟุต เพื่อเป็นการถนอมสายตาจากแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ค่ะ

มาถึงโต๊ะทำงานกันบ้าง โต๊ะทำงานควรอยู่ในระดับที่แขนและข้อศอกสามารถวางงอทำมุม 90 องศาได้ ส่วนเม้าส์และคีย์บอร์ด ควรอยู่ในระดับเดียวกับข้อมือและข้อศอก อย่าวางห่างเกินไป จนทำงานไม่ถนัดนะคะ ไม่งั้นซิสจะต้องเกร็งข้อมือ หรือยกไหล่และแขนขณะทำงาน ปวดไหล่ ปวดแขนกันไปอีก 

สำหรับเก้าอี้ ถ้าอยู่ในระดับสูงหรือเตี้ยไปอาจทำให้ปวดขาและน่อง ระดับความสูงของเก้าอี้ที่เหมาะสม คือ สามารถวางเท้าให้เข่าทำมุมตั้งฉากกับพื้น จะได้ลดอาการเกร็ง ถ้านั่งแล้วขาลอย ให้ซิสลองหาที่รองเท้ามาช่วยวางให้นั่งได้ถูกท่ามากขึ้น จะได้กระจายน้ำหนักตัวไปทั่ว ๆ จะได้ไม่ปวดขานะคะ

 

นั่งหลังตรง

พยายามนั่งโดยถ่ายน้ำหนักให้เต็มก้น หลังตั้งตรงติดพนักเก้าอี้ จะได้ไม่ปวดหลัง

ถึงจะไม่ต้องกลัวเสียลุคถ้านั่งหลังค่อม เพราะไม่มีใครมาเห็น แต่ก็ต้องเตือนตัวเองบ่อย ๆ นะคะ ว่าให้นั่งหลังตรง เพราะอันตรายของการนั่งหลังค่อม คือ ทำให้หมอนรองกระดูกเกิดแรงกดทับมากเกินไป จนทำให้เกิดอาการปวดเกร็ง เพราะกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นโดนกดทับ ซึ่งในระยะยาว อาจนำไปสู่ภาวะหมอนรองกระดูกเคลื่อน หรือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้ (น่ากลัว!) 

วิธีเช็คง่าย ๆ ว่านั่งหลังตรงหรือยัง คือ พยายามนั่งโดยถ่ายน้ำหนักให้เต็มก้น หลังตั้งตรงติดพนักเก้าอี้ หากนั่งแล้วรู้สึกยังมีพื้นที่เก้าอี้ลึกเกินไป อาจหาหมอนเล็ก ๆ มาวางหนุนบริเวณหลังส่วนล่าง ซึ่งเป็นบริเวณสำคัญที่รองรับน้ำหนักตัวขณะนั่ง หรือจะลงทุนซื้อเก้าอี้ใหม่ที่นั่งสบาย ๆ สักตัวก็ได้ค่ะ 

ที่สำคัญ ขณะที่ซิสนั่งทำงานอยู่ จะต้องไม่รู้สึกว่าโน้มตัวไปข้างหน้า หรืองอตัวลงจนเกินไปขณะมองหน้าจอ และไม่ควรนั่งไขว่ห้างหรือทิ้งน้ำหนักไปด้านใดด้านหนึ่ง เพราะจะทำให้หลังและสะโพกเอียงผิดท่าไม่สมดุลได้ เห็นไหมคะว่า แค่นั่งผิดท่าก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพไปมากโขแล้ว

 

 

ขยับตัวทุกชั่วโมง

Work from Home
ลองตั้งเวลาให้ตัวเองลุกขึ้นมาขยับตัวทุก 1 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดแรงกดทับจุดใดจุดหนึ่งนานเกินไป

สังเกตไหมคะว่า พอทำงานที่บ้าน กิจกรรมที่เคยทำหายไปทันตา แทนที่จะได้เดินไปทานมื้อกลางวัน หรือขยับลุกไปเม้าท์มอยกับเพื่อน ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกอย่างก็ถูกย่อมาไว้ในโลกออนไลน์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการประชุม หรือการชิทแชทกับเพื่อน ก็ต้องทำผ่านหน้าจอ จนบางทีซิสก็ไม่ได้ลุกจากหน้าจอเลยทั้งวัน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกต้องรองรับน้ำหนักและแรงกดทับนานเกินไป ระบบไหลเวียนเลือดหมุนเวียนไม่ดี ทำให้แขนขาอ่อนแรง อาการเหน็บชาเริ่มถามหา เอ้า สุขภาพพังอีกแล้ว!

ถ้าเป็นแบบนั้น ซิสลองตั้งเวลาให้ตัวเองลุกขึ้นมาขยับตัวทุก 1 ชั่วโมงดูค่ะ อาจจะลุกขึ้นมายกแขน ขา หมุนคอ เดินออกไปสูดอากาศหน้าบ้าน หรือบิดขี้เกียจก็ยังดี เพื่อให้กล้ามเนื้อหลังได้เหยียดคลาย และลดแรงกดบริเวณสะโพกและข้อเข่า ที่สำคัญ ยังเป็นการเผาผลาญแคลอรีไปในตัว และถ้าน้องซิสคนไหนต้องเพ่งหน้าจอนาน ๆ จนทำให้รู้สึกตาล้า อาจพักตาจากหน้าจอไปมองดูสิ่งรอบตัวประมาณ 10 วินาที มองต้นไม้ใบหญ้าก็ได้ค่ะ แล้วค่อยสลับกลับมามองจออีกครั้ง จะทำให้รู้สึกสบายตามากขึ้น

 

อย่าลืมเติมน้ำให้ร่างกาย

Work from Home
ต้องเตือนตัวเองให้ดื่มน้ำบ่อย ๆ โดยอาจจะตั้งขวดน้ำไว้ใกล้ ๆ ในจุดที่มองเห็นได้ง่าย เพื่อจะได้หยิบมาจิบได้ตลอดช่วงเวลาทำงาน

ซิสรู้กันไหมคะ ว่าการดื่มน้ำน้อยทำให้เกิดอาการปวดตามข้อและหลังได้ ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า บริเวณกระดูกอ่อนที่มีชั้นของคอลลาเจน มีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 80% นอกจากนี้ ข้อต่อต่าง ๆ ตามร่างกาย ซึ่งมีหน้าที่รองรับกระดูกสันหลัง และดูดซับแรงกระแทก ยังต้องอาศัยน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงข้อ ดังนั้นหากร่างกายขาดน้ำไปละก็ จะส่งผลให้กระดูกและข้อไม่สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดีเท่าที่ควร และเกิดการเสียดสีกันโดยไม่มีอะไรมากั้น เหมือนไม่มีกันชนนั่นแหละค่ะ ยิ่งถ้านั่งท่าเดิมนาน ๆ ยิ่งทำให้ร่างกายเจ็บปวดได้ง่ายขึ้นไปอีก

 

ซิสต้องเตือนตัวเองให้ดื่มน้ำบ่อย ๆ แล้วละค่ะ โดยอาจจะตั้งขวดน้ำไว้ใกล้ ๆ ในจุดที่มองเห็นได้ง่าย เพื่อจะได้หยิบมาจิบได้ตลอดช่วงเวลาทำงาน แนะนำให้เลือกน้ำขวด 1.5 ลิตรค่ะ เพราเป็นปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน แล้วอย่าลืมเตือนตัวเองด้วยนะว่า วันนี้ต้องดื่มให้หมดขวด เพื่อที่จะได้ทดแทนน้ำส่วนที่เสียไปได้อย่างเพียงพอ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กระดูกและข้อต่อ และยังช่วยหล่อเลี้ยงร่างกายให้รู้สึกสดชื่น สมองปลอดโปร่ง ทำงานได้ตลอดทั้งวันอีกด้วยค่ะ

 

วิธีง่าย ๆ เพียงเท่านี้ นอกจากจะช่วยให้ซิสสามารถทำงานที่บ้านได้โดยห่างไกลจากอาการออฟฟิศซินโดรมแล้ว ยังช่วยส่งเสริมให้มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น และมีร่างกายพร้อมทำงานที่บ้านได้ทุกวันอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นด้วย อย่าลืมนำไปทำตามกันนะคะ และอย่าลืมดูแลสุขภาพด้านอื่นให้ดี อย่าเครียดมากจนเกินไป หมดโควิดเมื่อไร ซิสจะได้เป๊ะทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจยังไงล่ะคะ  

 

Cr. Information from : Nestle

Cr. Pictures from freepik

Comments

comments