ต้องยอมรับว่า หน้ากากอนามัย เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในช่วงเวลานี้ แต่ชาวซิสก็น่าจะเคยเห็นอุปกรร์อีกแบบนึงใช่มั้ยคะ วันนี้เราจะมาดู และทำความรู้จักเจ้า Nose Filter คือ อะไร ใช้ยังไง ดีมั้ย แล้วควรจะต้องซื้อหรือป่าว ถ้าพร้อมแล้ว ไปอ่านกันเลย !!
Nose filter คือ อะไร?
Nose Filter คือ อุปกรณ์เล็กจิ๋วๆ ที่สามารถใส่เข้าไปในรูจมูก เพื่อจุดประสงค์ ในการป้องกันฝุ่น และเจ้าอุปกรณ์จิ๋วๆ อันนี้ สามารถทำให้เราหายใจได้ อย่างสบาย ง่ายขึ้นหายใจง่ายขึ้น เพราะอากาศที่เราหายใจอยู่ทุกวันนี้ นอกจากจะประกอบด้วยส่วนผสมของก๊าซหลายชนิด ยังประกอบด้วยสิ่งปนเปื้อนอื่นๆ ทั้งที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ และ มนุษย์เราที่สร้างขึ้น อีกทั้งยังมีเชื้อโรคปะปนอยู่ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้แน่นอนว่า ส่งผลกระทบต่อร่างกายของเราทั้งสิ้นค่ะ
หนึ่งวิธีที่จะทำให้ร่างกายของเรา ห่างไกลจากมลภาวะทางอากาศ เหล่านี้คือ การรู้จักหาวิธีป้องกัน ดังนั้นอุปกรณ์กรองอากาศหลายๆ ชนิด จึงได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งอุปกรณ์กรองอากาศ เหล่านี้ก็มีหลายขนาด และ หลายราคาให้เลือก
สถานที่ที่เหมาะสำหรับการใช้งาน
- ในสถานที่คับแคบ เครื่องปรับอากาศ ควันบุหรี เวลาทำความสะอาด เวลาทำอาหาร หากเกิดกลิ่นไหม้ ของอาหาร และสารอันตรายที่ถูกปล่อยออกมาจากบริเวณที่มีโรงงานอุตสาหกรรม
- จะช่วยทำให้ผู้ใช้ไม่พบกับปัญหาเมื่อใช้หน้ากากชนิดอื่น เพราะกรณีใช้สวมใส่ในช่องจมูกสองข้าง และ มันทำหน้าที่เป็นที่กรองอากาศส่วนตัว แบบพกพา สะดวกในการใช้ มั่นใจในการสวมใส่เพื่อป้องกันสุขภาพ ให้ห่างไกลจากอนุภาคหรือเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจตามประสิทธิภาพของตัวกรอง(FILTER) จึงเหมาะกับผู้สนใจอยากเปิดเผยใบหน้า ในทุกอิริยาบถ
- กรณีฝุ่นละอองขนาดเล็ก / เชื้อโรค ในอากาศที่อาจเป็นอันตรายต่อระบบหายใจ โดยอาจพบ เช่น ควันรถ ก๊าซ ในสถานที่ต่างๆ สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง ผู้ขับขี่จักรยานยนตร์ การเดินตามท้องถนน สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน สนามบิน
วิธีการใช้
- ให้นำมาล้างน้ำประปาที่ต้องสะอาด โดยเปิดก๊อกน้ำแล้วเอา ผ่านน้ำสะอาด ก่อน) หรือน้ำดื่มที่สะอาด แล้วสะบัดให้น้ำออกเล็กน้อย หรืออาจไม่ล้างน้ำก็ได้ แล้วนำมาสวมใส่แต่ก่อนใช้ ควรสั่งน้ำมูกออกก่อน ไม่ควรใช้ระหว่างที่เป็นหวัด ทั้งนี้หากเป็นหวัดสามารถใช้ ผ้าปิดปากมาปิดเพิ่มได้อีกด้วย
- ปลั๊กจมูก 1 อันสามารถใช้ได้ ไม่เกิน 5- 10 วัน หลังการใช้ในแต่ละครั้ง หรือแต่ละวัน ต้องนำมาล้างในน้ำสะอาดแบบแกว่งในน้ำสะอาดก่อน แล้วสะบัดน้ำออก ตากบน TISSUE สะอาดให้พอแห้ง แล้ว เก็บใส่กล่อง แต่หากอยู่ในที่มีโรคระบาดควรใช้ครั้งเดียวทิ้ง จึงจะเกิดความปลอดภัยกว่า อนึ่ง หากที่กรองอากาศสองข้างยุ่ยหรือสกปรกมากก่อนเวลาก็ไม่ควรนำกลับมาใช้อีกเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ
เหตุที่ต้องใช้ ในการใช้กับคนร่างกายปกติ
- ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่นปปากแห้ง ง่วงนอน และอาการแพ้การใช้
- ผลการพิสูจน์พบว่าช่วยลดการดูดซึม ของสารก่อภูมิแพ้
- ทำให้สบายใจในการป้องกัน อนุภาคที่อาจทำอันตรายร่างกาย และจากอาการโรคภูมิแพ้
- ทำให้สามารถปรากฏหน้าตาผู้ใช้ได้ในทุกอิริยาบถ และมีอุปกรณ์ป้องกันสุขภาพในด้านระบบหายใจจากอนุภาคในระดับตามประสิทธิภาพของตัวกรองแต่ละชนิด
- มีความสะดวกสบายในการใช้
ต่อไปเราจะขอยกบทความ จาก รศ.นพ.ฉันชาย มาให้อ่านเพิ่มความรุ้กันเล็กน้อยค่ะ
รศ.นพ.ฉันชาย เปิดเผยว่าในทางการแพทย์มีอุปกรณ์ซึ่งเรียกว่าตัวกรองจมูก (Nasal Filter) มีลักษณะคล้ายแผ่นกรองใส่เข้าไปในรูจมูกทั้งสองข้าง มีคุณสมบัติในการช่วยลดฝุ่น ควันหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าผ่านลมหายใจเข้าไปในจมูกได้ จากข้อมูลทางการแพทย์ จุดประสงค์หลัก
ในการใช้อุปกรณ์นี้มุ่งลดการหายใจเอาสารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกาย จากการศึกษาพบว่ากลุ่มคนไข้ซึ่งเป็นโพรงจมูกอักเสบเรื้อรัง เมื่อใส่อุปกรณ์นี้ในช่วงเวลาซึ่งมีฝุ่นละออง แม้กระทั่งเกสรดอกไม้ คนไข้ส่วนหนึ่งอาจจะมีอาการที่ดีขึ้น ซึ่งอุปกรณ์นี้อาจจะลดปริมาณของฝุ่นหรือสารภูมิแพ้ซึ่งเข้ามาทางจมูกได้ กลไกในการลดจะเกิดขึ้นผ่านการกรองที่ดีขึ้น แต่ขอเน้นย้ำว่าถ้าลม เข้าจมูกได้น้อยลงเราจะหายใจทางปากมากขึ้น
ในทางการแพทย์ อาจารย์แนะนำว่าควรใช้อุปกรณ์มาตรฐานก่อน เริ่มต้นอย่างแรกควรจะหลีกเลี่ยงพื้นที่เปิดโล่ง ที่มีความเสี่ยงก่อนและใช้หน้ากากที่เหมาะสม ถ้าเราเตรียมตัวดีเราสามารถป้องกันได้ อย่างแรกเราต้องเข้าใจก่อนว่าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ถ้าเราเป็นโรคถุงลมโป่งพอง หรือโรคหอบหืด ต่อให้ฝุ่นละอองในอากาศไม่สูงก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยง ทุกคนต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพอากาศว่าเป็นอย่างไร ระดับสารพิษเป็นอย่างไร หลีกเลี่ยงที่ที่มีฝุ่นควันพิษสูง ลดกิจกรรมกลางแจ้ง ใช้อุปกรณ์ป้องกัน
กลุ่มเสี่ยงที่เรามองข้ามไม่ได้เลยคือเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็ก ถ้าได้รับสารหรือฝุ่นอันตรายจะมีผลกระทบอย่างมากทั้งระยะสั้นและระยะยาว อาจจะมีผลต่อพัฒนาการของเด็ก อย่างไรก็ตาม ฝุ่น PM 2.5 ป้องกันได้ ความรุนแรงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดีที่สุดคือพยายามหลี่กเลี่ยงรับสารนี้เข้าไปในร่างกายให้น้อยที่สุด ถ้ารับไปเรื่อยๆ อนาคตมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง โรคหัวใจ สมองเสื่อมมากขึ้น
Credit : http://www.skhinnovation.com/ , https://www.chula.ac.th/news/16235/ , http://www.nosefilter.net/
Stay connected