สวัสดีค่าสาวๆ ชาว Clubsister ทุกคน จะว่าไปเราเพิ่งผ่านช่วงปีใหม่วันใหม่มาไม่กี่วันเอง เราเชื่อว่าหลายๆ คน คงตั้ง เป้าหมายหรือสิ่งที่ตัวเองอยากเริ่มต้นใหม่กันอยู่บ้างใช่ไหมคะ แน่นอน เราเหมือนรู้ใจสาวๆ เลยขอนำเสนอสิ่งดีๆ ผ่านหนังดังกับ “แนะนำ 5 หนังดังที่ควรดู เนื้อหาดีเหมาะสำหรับใครที่อยากเริ่มต้นใหม่” ดูต้อนรับปีใหม่ เหมือนเป็นของขวัญจากทางเราไปเลยแล้วกัน อย่ารอช้าเรามาเริ่มที่เรื่องแรกกันเลย

 

“แนะนำ 5 หนังดังที่ควรดู เนื้อหาดีเหมาะสำหรับใครที่อยากเริ่มต้นใหม่”

 

เรื่องที่ 1: Forest Gump

คะแนนความประทับใจ: 4 / 5

หนังดังที่ควรดู

ถ้าจะให้ยกหนังดังที่ควรดูหรือหนังดัง หนังดียอดเยี่ยมที่ไม่ควรพลาดเลยละก็ เราเชื่อว่าจะต้องมีคนนึกถึงเรื่องนี้เป็นแน่ และแน่นอนเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราอยากจะแนะนำให้สาวๆ ได้รู้จักกันนั่นก็คือ “Forest Gump” กับประโยคหรือ Quote หนังสุดฮิตที่ซึ้งและกินใจใครหลายๆ คน ไม่เพียงแค่นั้น ยังเป็นประโยคที่สื่อความหมายและความเป็นไปในชีวิตได้ดีอย่าง “Life was like a box of chocolates. You never know what you’re gonna get.”หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “ชีวิตคนเราก็เหมือนกล่องช็อคโกเล็ตนั่นแหละ เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเปิดมาแล้วจะเจอกับอะไร”

Forest Gump เรื่องราวของ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มี IG เพียง 75 (ถือว่าต่ำกว่ามาตราฐานเป็นอย่างมาก) อีกทั้งในตอนเด็กเขาเป็นเด็กพิการในด้านกระดูกขาทำให้ต้องใส่เครื่องช่วยตลอดเวลา
แต่ทว่าชีวิตของเขาเกิดการผลิกผัน จากเด็กชายพิการ เติบโตสู่การเป็นทหารรับใช้ชาติ และกลายมาเป็นวีรบุรุษที่กอบกู้ชาติ เป็นเศรษฐีบ่อกุ้ง และเป็นกลุ่มผู้นำเรื่องสันติภาพ จนมากลายเป็น “นายกัมพ์”

หนังดังที่ควรดู

สิ่งที่ทำให้เราชอบหนังดังที่ควรดูเรื่องนี้เลยคือ สิ่งที่กัมพ์คิด ทำให้เรารู้ได้ว่าชีวิตคนเราไม่ได้มีอะไรเลย เราไม่สามารถควบคุมอนาคตหรือสิ่งที่มันจะเกิดได้ เราไม่สามารถรู้ได้ว่าในอนาคตข้างหน้าเราจะเจออะไร แต่สิ่งที่เราทำได้คือ โฟกัสและทำในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด ซึ่งกัมพ์ก็ทำอย่างนั้นมาเสมอ

และสิ่งที่น่ารักที่เราสังเกตได้เลยก็คือ ถึงแม้เขาจะเป็นคนที่ไม่ได้ฉลาดหรือมีความคิดเท่าคนปกติทั่วไป แต่สิ่งที่กัมพ์ทำให้เราเห็นเลยคือ กัมพ์ไม่เคยทำตัวเป็นภาระ หรือ ทำตัวไม่ดีกับใคร เขาเต็มที่และวางตัวของเขาได้ดีเสมอ และนั่นทำให้เราเข้าใจความหมายของ Quote ที่กัมพ์บอกว่า “ชีวิตก็ไม่ต่างไปจากกล่องช็อคโกเล็ตหรอก”

 

เรื่องที่ 2: The Shawshank Redemption

คะแนนความประทับใจ: 5 / 5

หนังดังที่ควรดู

หนังดังที่ควรดูอีกเรื่อง อีกทั้งยังตีคู่เข้าชิงรางวัลออสการ์ไปพร้อมกับเรื่องแรกเลยนั่นก็คือ “The Shawshank Redemption” ที่สร้างจากการเขียนบทของนักเขียนระทึกขวัญมือทองชื่อดังระดับโลกอย่าง Stephen King ซึ่งเดิมทีเป็นบทละครสั้นที่มีชื่อเรื่องว่า “Rita Hayworth and Shawshank Redemption”

บอกเลยว่าเป็นหนังที่นำเสนอมุมมองและเรื่องราวของความหวังกับระยะเวลาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ถึงแม้ตัวบทจะค่อนข้างหนักไปซักหน่อย แต่ตอนจบนั้นทำให้คลายความตึงเครียดทั้งหมดที่มีเลยทีเดียว เรื่องราวของ “แอนดี้ ดูรเฟนส์” นายธนาคารหนุ่มที่โดนข้อหาฆาตกรรมภรรยาสาวและโปรนักกอล์ฟ ด้วยความหึงหวง เขาถูกจำคุกตลอดชีวิตในเรือนจำที่เรียกได้ว่าโหดที่สุดอย่าง Shawshank

จากชีวิตบนสรวงสวรรค์โร่งโรยลงมาสู่ใต้ดิน แอนดี้ ก้มหน้ารับชะตากรรมกับสิ่งที่ตัวเองทำโดยที่ไม่ปริปากบ่นเลยแม้แต่คำเดียว แต่ทว่าการที่เขามาอยู่ใน ณ ที่นี้ ทำให้เขาได้เรียนรู้ชีวิต และรสชาติของความหวังที่ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแสงเล็กๆ ที่คนแทบจะมองไม่เห็น แต่อย่างน้อยมันก็เป็นแสงที่คอยนำทางเราได้ในวันที่มืดมน

หนังดังที่ควรดู

The Shawshank Redemption เป็นหนังดังที่ควรดู เรียกได้ว่า ก่อนตายควรดูให้ได้สักครั้งในชีวิต (อวยเรื่องนี้มากจริงๆ) เป็นหนังที่ไม่ใช่แค่สอนให้เรารู้คุณค่าของชีวิต แต่เป็นหนังที่สอนให้เรารู้วิธีการเอาตัวรอด ความคิด การยึดติด และความหวัง

ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับระยะเวลาทั้งหมด เราจะได้เห็นและได้เรียนรู้สิ่งที่หนังต้องการจะบอกกับเราผ่านการกระทำของตัวละครในแต่ละตัวไม่ว่าจะเป็นตัวเอกอย่างแอนดี้, เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา อย่างเรด หรือแม้กระทั่งหัวหน้าพัสดี บอกได้เลยว่าเป็นหนังที่อัดแน่นไปด้วยความฝัน ความหวัง และมิตรภาพ จริงๆ

 

เรื่องที่ 3: The terminal

คะแนนความประทับใจ: 4.5 / 5

หนังดังที่ควรดู

อีกหนึ่งหนังดังที่ควรดู ที่เรากล้าพูดได้เลยว่าเป็นอีกหนึ่งหนังที่ทำให้เราเปลี่ยนทัศนคติการมองโลกที่มันเลวร้ายสักเพียงใด ให้เราลองมองหาจุดดีเล็กๆ ของมันให้เจอ เพียงแค่นั้นจะทำให้เรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดของทุกพอทุเลาลงได้บ้าง ไม่เพียงแค่นั้นเป็นอีกหนึ่งหนังที่ทำให้เราเข้าใจว่า “เวลา” เป็นสิ่งที่จะช่วยทุกอย่าง

และเรื่องนี้ก็คือ The Terminal เรื่องราวของ “วิกเตอร์” ชายผู้อาศัยในโซนยุโปรตะวันออก เขามีธุระจะต้องเดินทาง และทำให้ต้องมาที่สนามบิน JFK กรุงนิวยอร์กประเทศอเมริกา แต่ทว่าในขณะที่เขาเดินทางมาถึงนั้น ทางการประกาศว่าบ้านเกิดของเขาเกิดการจลาจลที่ร้ายแรง ทำให้ทางการประกาศยกเลิก Visa ของเขา

ไม่เพียงแค่นั้น เขาไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้ โดยสิ่งที่เขาสามารถทำได้โดยไม่ผิดกฏใดๆ นั่นก็คือ อาศัยอยู่ในอาคารผู้โดยสารของสนามบินไปเรื่อยๆ จนกว่าทางการจะมีกำหนดออกมา และนั่นทำให้วิกเตอร์ต้องใช้ชีวิตลำบากในสนามบินเพียงลำพัง

หนังดังที่ควรดู

หากใครที่เคยดูหนังดังที่ควรดูเรื่องนี้แล้วละก็ เราจะได้ยินคำพูดติดหูที่พระเอกของเรื่องพูดนั่นก็คือ “ไม่เป็นไร ผมรอได้” สิ่งนั้นทำให้เราฉุกคิดขึ้นมาหลังจากที่ดูหนังเรื่องนี้จบว่า ทุกอย่างต้องรอเวลา รอจังหวะ และรอให้มันเป็นไปตามเวลาที่เหมาะสม (ความรักก็เช่นกัน)

ไม่เพียงแค่นั้น สิ่งที่เราได้การเรียนรู้จากหนังเรื่องนี้อีกอย่างหนึ่งคือ ถึงแม้สถานการณ์ตรงหน้าหรือสังคมมันจะเลวร้ายและบีบบังคับเรามากแค่ไหน หากเรามองหาจุดดีเล็กๆ ของมันให้เจอ เราจะสามารถอยู่และพยายามมีความสุขไปกับมันได้โดยที่เราไม่เดือดร้อนอะไรเลย ก็อย่างว่าไม่ต่างอะไรกับชีวิตเราที่ถึงแม้บางครั้งมันจะยาก แต่ถ้าเรามองหาข้อดีและรอเวลา เราจะมีความสุขกับมันได้ถึงมันจะเหนื่อยหน่อยก็ตาม

 

เรื่องที่ 4: The Secret Life of Walter Mitty

คะแนนความประทับใจ: 4.5 / 5

หนังดังที่ควรดู
ถ้าใครเป็นคอหนังของ Ben Stiller ผู้กำกับที่สร้างชื่อจากหนังสร้างแรงบันดาลใจหลายเรื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นหนังดังที่ควรดูสำหรับพนักงานและมนุษย์ออฟฟิศเสียด้วยซ้ำ และเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราอยากแนะนำให้สาวๆ ได้ดู พร้อมเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ในชีวิตกับ “The Secret Life of Walter Mitty”

เรื่องราวของ มิตตี้ พนักงานออฟฟิศธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตกับการทำงานเดิมๆ วิถีเดิม ตำแหน่งเดิม หน้าที่เดิม มาตลอดระยะเวลาหลายปี เขาเป็นพนักงานที่เรียกได้ว่าแทบจะถวายชีวิตให้กับบริษัทเลยก็ว่าได้ แต่ทว่าสิ่งที่เขาได้รับก็เหมือนเดิมเงินเดือน, สวัสดิการและของขวัญเล็กๆ น้อยๆ นิดหน่อยในช่วงสิ้นปี

และแน่นอนในปีนี้ก็เช่นกัน เขาได้รับของขวัญจาก Sean หนึ่งในผู้บริหารบริษัทและเป็นผู้ทำหน้าที่ถ่ายภาพประกอบนิตยสารที่มิตตี้ทำงานอยู่ เขาเขียนคำอวยพรมิตตี้ผู้ซึ่งเป็นพนักงานที่ดีมาตลอด แต่ทว่าในขณะเดียวกัน เขาได้มอบหมายหน้าที่ในการตามหาฟิล์มหมายเลข 25 ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสำคัญที่จำเป็นต่อบริษัทและอยู่ภายใต้หน้าที่การดูแลของมิตตี้ และนั่นเป็นสามารถที่มิตตี้จำต้องเดินทางไปตามหาฟิล์มม้วนสำคัญนี้

หนังดังที่ควรดู

สิ่งที่เราชอบมากที่สุดของหนังดังที่ควรดูเรื่องนี้เลยคือ ภาพวิวทิวทัศน์ของเรื่อง ที่สวยงามและพร้อมที่อยากจะให้เราไปเที่ยวอยู่เสมอ (ถึงแม้ตอนนี้จะบินไปไหนไม่ได้เลยก็ตาม) แต่นอกเสียจากวิวและทัศนียภาพในเรื่องแล้ว สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกเก็บเกี่ยวและได้จากหนังเรื่องนี้เลยคือ การเดินออกจาก Save Zone ของตัวเอง และกล้าทำในสิ่งใหม่ๆ เพื่อค้นหาตัวเองอีกครั้ง

มิตตี้เป็นเหมือนตัวแทนมนุษย์ออฟฟิศที่ทำงานตามหน้าที่ และหมด Passion ไปเมื่อไรก็ไม่รู้ สิ่งที่พวกเขาทำเพราะหน้าที่ที่ต้องทำ แต่ทว่าการที่เขาได้ออกไปเจอโลกกว้างและได้ทำหน้าที่ใหม่ๆ เดินทางในที่ใหม่ๆ ทำให้เราค้นพบเส้นทางหรือความชอบเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับตนเองอีกครั้งหนึ่ง

 

เรื่องที่ 5: The Intern

คะแนนความประทับใจ: 4.5/ 5

หนังดังที่ควรดู

และหนังดังที่ควรดูเรื่องสุดท้ายเป็นหนังที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและเหมาะมากกับใครที่ท้อใจหรือมีความคิดเหนื่อยหน่ายกับการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ และเรื่องนี้ก็คือ “The Intern” เป็นเรื่องราวของ “เบน” ชายแก่วัย 70 ที่เบื่อหน่ายกับการอยู่บ้านและหายใจทิ้งไปวันๆ เขาเลยตัดสินใจสมัครเข้าร่วมโครงการ Senior Citizen Intern ของบริษัท About The Fit บริษัทสตาร์ทอัพธุรกิจแฟชั่นออนไลน์ ที่จะคัดเลือกผู้มีประสบการณ์การทำงานวัยเกษียณมาเข้าฝึกงานที่บริษัทแห่งนี้

และนั่นเป็นจุดเริ่มของการพบกับ “จูเลียส” เจ้าของบริษัทวัย 30 กว่า ที่กราฟความรุ่งพุ่งแรงแซงไม่มีหยุด ธุรกิจของเธอเป็นไปได้ด้วยดีและน่าชื่นชม เพราะอย่างนั้นทำให้เธอแทบจะไม่มีเวลาทำอะไรเลย และด้วยความที่ยุ่งจนหัวหมุน ทำให้เธอถูกบีบให้ว่าจ้าง CEO มาช่วยแบ่งเบาภาระของเธอ มิหนำซ้ำ จูเลียสยังประสบปัญหา Work ไร้ Balance ในชีวิต ถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิง

แต่ทว่าหน้าที่ในบ้านเธอดันกลายเป็นหัวหน้าครอบครัว ที่แบ่งหน้าที่การจัดการดูแลบ้านและลูกไปที่สามีของเธอ ด้วยเหตุนี้ทำให้เบนได้เข้ามาดูแลและจัดการชีวิตที่ยุ่งเหยิงนี้ของเธอเสียใหม่ จากเรื่องราวทั้งหมดทำให้เกิดมิตรภาพเล็กๆ ระหว่างเธอและเขาขึ้น

หนังดังที่ควรดู

บอกเลยว่าหนังดังที่คสรดูเรื่องนี้เป็นหนักที่เหมาะอย่างยิ่งกับสาวคนไหนที่ตามที่ทำงานโดยไม่ได้คำนึงถึงความ Balance ในชีวิต อีกทั้งกำลังเบื่อหน่ายกับการเรียนรู้และเติมสิ่งใหม่ๆ ให้ชีวิตเราเสมอ จูเลียสเป็นตัวแทนของพนักงานออฟฟิศไฟแรงที่ทำแต่งานจะละเลยหน้าที่และการดูแลตัวเอง ซึ่งเราหลายคนในปัจจุบันเป็นเช่นนั้น เพราะซึ่งความ Balance ในชีวิตเป็นหน้าที่

และสิ่งที่สามารถบอกกับเราได้ว่า เราทำหน้าที่ในชีวิตของเราได้ดีมากน้อยเพียงใด ส่วนเบนเป็นตัวแทนของคนที่ไม่หยุดนิ่ง หลายต่อหลายครั้ง เรากลับคิดว่าอายุเท่านี้แล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปเรียนรู้ แต่หารู้ไม่ว่า อายุเป็นเพียงตัวเลข ตราบใดที่เรายังมีลำหายใจ เราสามารถขยับร่างกายได้ นั่นก็แปลว่า เรายังสามารถเติมเต็มความรู้และเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ให้ชีวิตเราอยู่เสมอ

 

Photo Credit:

Comments

comments