ฮาย ฮาย สาวๆ Clubsister ที่น่ารักทุกคน ช่วงนี้สถานการณ์บ้านเมืองเราค่อนข้างปกติแล้ว มิหนำซ้ำทางรัฐยังประกาศวันหยุดยาวมาให้เราอีก ติดต่อกันเหนาะๆ 4 – 5 วันไปเลยทีเดียว เราเชื่อว่ามีสาวๆ หลายคนแพลนจะไปเที่ยงต่างจังหวัด หรือไม่ก็สังสรรค์กันใช่ไหม แต่สำหรับสาวๆ คนไหนที่ไม่รู้จะทำอะไร อยู่บ้านเฉยๆ เรามี ซีรีส์ Netflix ที่น่าดู มาฝากกัน บอกเลยว่าเก็บได้ 1 – 2 เรื่องจากลิสต์ที่บอกไปแน่นอน งั้นรอช้าไปเริ่มที่เรื่องแรกกันเลย !!
ไม่ว่าใครก็ต้องดู! 5 ซีรีส์ Netflix ที่น่าดู ดูแล้วติดงอมแงม
เรื่องที่ 1: Money Heist (คลิกที่ชื่อเพื่อรับชมซีรีส์)
จำนวนซีซั่น: 4 ซีซั่น (38 ตอน)
เวลาเฉลี่ยแต่ละตอน: 45 นาที
สาวๆ คนไหนที่เป็นแฟนคลับ Netflix จะต้องรู้จักซีรีส์ Netflix น่าดูเรื่องนี้แน่นอน เพราะเป็นซีรีส์ที่เรียกได้ว่าเหมือนคลื่นใต้น้ำ มาแรงแซงทางโค้งแบบหยุดไม่อยู่เลยทีเดียว นั่นก็คือ “Money Heist” หรือ อีกชื่อหนึ่งในภาษาสเปนว่า “La Casa De Papel” เป็นเรื่องราวของกลุ่มโจรแปลกหน้าทั้งหมด 8 คน แต่ต้องมาร่วมทีมแผนปล้นโรงกษาปณ์ของประเทศสเปน (โรงผลิตธนบัตร)
ซึ่งทุกคนจะใช้ชื่อย่อเป็นชื่อเมืองในประเทศต่างๆ เช่น โตเกียว / ริโอ / มอสโก และอื่นๆ โดยทั้งหมดจะปฏิบัติแผนการภายใต้การควบคุมจากคนเบื้องหลังสุดฉลาดอย่างศาสตราจารย์ (นามแฝง) แต่ใช่ว่าแผนที่ดีจะทำให้ภารกิจสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ทั้งหมดจะต้องเอาชนะอารมณ์ ความรู้สึก และสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเพื่อให้ได้มาในจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้
ซีรีส์ Netflix ที่น่าดูเรื่องนี้ เป็นซีรีส์ของสัญชาติสเปนที่ไม่เคยผิดหวังเลยแม้แต่ซีซั่นเดียว พล็อตเรื่องดี มาพร้อมกับการเล่าเรื่องที่สนุก มีการ Flashback และ ตัดสลับฉากก่อนเริ่มปล้น (ช่วงวางแผน) และ ในขณะปล้น ได้ตรงจังหวะเป๊ะ ทำให้เราได้เห็น story ที่มาที่ไปของตัวละคร และ BG ของแต่ละตัว
อีกอย่างเป็นซีรีส์เกี่ยวกับการปล้นที่ดู Make sense และไม่เว่อร์วังอลังการ เราจะได้เห็นการเล่นเกมกันระหว่างตำรวจสาวสุดฉลาดกับโจรที่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เหมือนเป็นการต่อกรกันที่ค่อนข้างถูกคู่ เหมือนมวยเด่นมวยดังอะไรอย่างงั้น เอาเป็นว่าสาวๆ คนไหน ที่ชอบซีรีส์แนววางแผน แอคชั่น ชิงไหวชิงพริบ เราขอแนะนำซีรีส์เรื่องนี้เลย
เรื่องที่ 2: Orange is The New Black (คลิกที่ชื่อเพื่อรับชมซีรีส์)
จำนวนซีซั่น: 7 ซีซั่น (91 ตอน)
เวลาเฉลี่ยแต่ละตอน: 50 นาที
ซีรีส์ Netflix ที่น่าดูอีกเรื่อง เป็นซีรีส์ที่เรียกได้ว่าเป็นเหมือนระดับตำนานของ Netflix เลยก็ว่าได้ เพราะเริ่มฉายซีซั่น 1 ตั้งแต่ Netflix อยู่ในยุคบุกเบิก อีกทั้งเป็นซีรีส์ที่ชาวแฟนคลับ Netflix ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งอย่าง Orange is The New Black ซีรีส์ที่เสียดสีสังคม จิกกัด และสะท้อนให้เห็นถึงความเลื่อมล้ำบนความแตกต่างในหลายๆ ด้านอย่างเจ็บแสบ และตลกร้ายสุดๆ
ซีรีส์เรื่องนี้ถูกสร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริงของอดีตนักโทษหญิงที่ผันตัวเองมาเป็นนักเขียนชื่อว่า Piper Kerman (ซึ่งเค้าโครงเรื่องจริงของเธอปรากฏอยู่ในแค่ Season 1 เท่านั้น) โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า Piper Champman หญิงสาววัย 30 กว่า ที่ชีวิตกำลังรุ่งเรื่อง มีว่าที่สามีที่ดี กลับโดนข้อหาเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งค้ายาข้ามชาติ
เธอจะต้องจำคุกเป็นเวลา 1 ปีกว่า แต่ที่ซวยซ้ำไปกว่านั้น แชปแมนดันมาเจอกับแฟนเก่าสาวของเธอนามว่า Alex ในคุกใต้หลังคาเดียวกัน เรื่องราวความน่าปวดหัวของเธอก็เริ่มต้นขึ้น
Orange is the new black เป็นซีรีส์ Netflix ที่น่าดูเรื่องหนึ่ง ที่สะท้อนสังคมเล็กๆ อย่างคนในเรือนจำ ให้เห็นถึงภาพความเลื่อมล้ำในสังคมระดับประเทศ ถึงแม้ ณ ปัจจุบันประเทศที่มีความประชาธิปไตย เสรีนิยมนั้จะบอกว่าความเลื่อมล้ำในชนชั้น ฐานะ และเชื้อชาติจะไม่มีอยู่ แต่ลึกๆ แล้วสิ่งเหล่านี้ไม่เคยหายไป และยังคงมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
ไม่เพียงแค่นั้นสิ่งที่ทำให้เราชอบเรื่องนี้มากและยกให้เป็นซีรีส์ในดวงใจ อาจจะเป็นการเล่าเรื่องราวชีวิตประจำวันของนางเอก ผ่านการตัดสลับอดีต Background ของแต่ละตัวละคร
ว่าก่อนที่พวกเขาจะก้าวเท้าเข้ามาอยู่ในนี้ เขาเป็นอย่างไรและเจออะไรมาบ้าง เหมือนเป็นการบอกว่า ทุกการกระทำของคนแต่ละคนล้วนมีเหตุผลทั้งสิ้น ซึ่งจุดนี้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของซีรีส์เรื่องนี้เลยก็ว่าได้
เรื่องที่ 3: It’s okay not be okay (คลิกที่ชื่อเพื่อรับชมซีรีส์)
จำนวนซีซั่น: 1 ซีซั่น (16 ตอน ณ ปัจจุบันมี 6 ตอน)
เวลาเฉลี่ยแต่ละตอน: 70 นาที
เราเชื่อว่าใครที่เป็นคอซีรีส์เกาหลีหรือแม้กระทั่งใน Netflix ก็ตาม จะต้องคุ้นหู คุ้นชื่อกับซีรีส์ Netflix ที่น่าดูเรื่องนี้แน่นอน เพราะตอนนี้ซีรีส์เรื่องนี้เขาขึ้นมาติดอันดับ 1 เรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือ It’s okay not be okay ซีรีส์เกาหลีจากช่อง TvN ที่เข้าฉายพร้อมกันใน Netflix เรื่องราวของ มุนคังแท บุรุษพยาบาลหนุ่มในโรงพยาบาลจิตเวช เขาอาศัยกับพี่ชายที่มีปัญหาทางจิตโดยลำพัง
บ่อยครั้งที่พี่ชายมักสร้างความเดือดร้อนและไม่สบายใจให้เขาเสมอ แต่ส่วนมาก มุนคังแท ก็จะทำได้เพียงกดความรู้สึกตัวเองเอาไว้ และยิ้มรับพร้อมปลอบใจและบอกกับพี่ชายว่ามันจะไม่เป็นไร
และในวันหนึ่งโรงพยาบาลที่มุนคังแททำงานนั้น มีจัดสัมนาการอ่านหนังสือนิทานสำหรับเยาวชนโดยนักเขียนที่มีชื่อเสียง ณ ขณะนั้นอย่าง โกมุนยอง แต่ทว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น มีผู้ป่วยหลบหนีและลักพาตัวเด็กสาวคนหนึ่งกลางงานสัมนา ทำให้เกิดเรื่องโกลาหล อีกทั้งทำให้เกิดการต่อสู้กันระหว่าง โกมุนยอง และ ผู้ป่วย
ด้วยเหตุนี้ทำให้ มุนคังแท บุรุษพยาบาลจึงรีบเข้าไปจัดการ จนทำให้เกิดเรื่องที่ไม่น่าบังเอิญเกิดขึ้นระหว่างเขาและเธอ
สำหรับซีรีส์ Netflix ที่น่าดูเรื่องนี้ บอกเรื่องว่าเป็นอีกเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกอย่างติดตาม และอยากดูต่อเรื่อยๆ เลยคือ การเล่าเรื่องและพล็อตของเรื่องที่สร้างตัวละครเอกทั้งสองตัว ให้เป็นคนเทาๆ ต่างคนต่างไม่ใช่บุคคลที่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม ทุกตัวละครมีปมในอดีตที่ส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึก เกี่ยวเนื่องไปจนถึงการกระทำ
อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เราอยากดูซีรีส์นี้เลยคือ การแสดงของตัวเอกทั้งสองเรื่อง บอกเลยว่าเป็นการแสดงที่ผ่านทางสายตา แววตา และท่าทางได้เป็นอย่างดี (เรียกได้ว่าเหมือนคนโรคจิตจริงๆ เลยก็ว่าได้) แต่เห็นพล็อตเรื่องดูดาร์คๆ แบบนี้ แต่ซีรีส์เรื่องนี้เขายังไม่ลืมใส่ เรื่องราวความคอมเมดี้ และโรแมนติกมาด้วยนะเอ่อ
- ถอนตัวไม่ได้เลย! รีวิวซีรีส์จีนฟินๆ 3 เรื่อง พระเอกหล่อ ละมุน ยิ่งดูยิ่งชุ่มใจ!
- 5 ซีรีส์ดังในตำนาน สุดยอดซีรีส์ที่ไม่ควรพลาด ต้องดูก่อนตาย จำไว้!
- อีผี! 5 ซีรีส์สยองขวัญ เขย่าประสาท บน NETFLIX ที่จะทำให้คุณนอนไม่หลับ!
เรื่องที่ 4: Elite (คลิกที่ชื่อเพื่อรับชมซีรีส์)
จำนวนซีซั่น: 3 ซีซั่น (24 ตอน)
เวลาเฉลี่ยแต่ละตอน: 50 นาที
ซีรีส์ Netflix ที่น่าดูอีกเรื่องที่เราอยากจะแนะนำให้สาวๆ ได้ดูกันนั้น เป็นซีรีส์จากฝั่งประเทศสเปนอีกเช่นเคย (Netflix บ้านนี้เขาทำซีรีส์ออกมาดีหลายเรื่องเหมือนกันนะคะท่านผู้ชม) ซึ่่งเป็นซีรีส์ที่เรียกได้ว่ารวมความเผ็ด แซ่บ ดุดัน น่าติดตามตั้งแต่ ep. แรกยันตอนจบเลยก็ว่าได้และแน่นอนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องใดไปไม่ได้นอกจาก Elite หรือ ในชื่อภาษาไทย เล่ห์ร้ายเกมไฮโซ (ที่ส่วนตัวเราคิดว่าค่อนข้างจักกะจี้หน่อยๆ)
เป็นเรื่องราวของเหล่าชีวิตวัยรุ่นวัยมัธยม ในโรงเรียนไฮโซแห่งหนึ่ง แต่ทว่าในงานโรงเรียนที่ทุกคนใฝ่ฝันทุกความสนุกสนานรื่นรมย์มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะในคืนวันนั้นเกิดเหตุฆาตรรมเด็กนักเรียนสาวชื่อว่า มาริน่า ขึ้น เวลาล่วงเลยผ่านไปเหมือนตำรวจจะจับคนร้ายได้ถูกคน แต่มันไม่ใช่ เพราะคนร้ายตัวจริงยังคงลอยนวลและอยู่ที่เดิม
จะบอกว่าสิ่งที่ทำให้เราชอบและติดตามซีรีส์ Netflix ที่น่าดูเรื่องนี้เลยคงหนีไม่พ้นวิธีการเล่าเรื่องที่เฉียบ เด็ด จังหวะดี ทุกอย่างดี เร้าอารมร์คนดูอย่างเราได้อย่างอยู่หมัด การเล่าเรื่องแบบตัดสลับเรื่องราวปัจจุบันหลังเกิดเหตุกับเรื่องราวก่อนเกิดเหตุ เพื่อทำให้คนดูรู้สึกลุ้นตามพร้อมคาดเดาเหตุการณ์ต่าง ๆ ไปด้วย
แต่เพราะการเล่าเรื่องแบบนี้ทำให้เราเห็นความรู้สึกและความกดดันของแต่ละตัวละครได้อย่างชัดเจน ไม่เพียงแค่นั้นซีรีส์เรื่องนี้ยังนำเสนอมุมมองความแตกต่างระหว่างศาสนา ฐานะ และสังคมของวัยรุ่น
แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ฉลาดไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เลยคือ การหาวิธีในการเล่าเรื่อง โดยสร้างเหตุการณ์ใหม่ๆ ขึ้นมาประกบและผสานต่อให้ร้อยเรียงไปเป็นเนื้อเรื่องเส้นเดียวในแต่ละเหตุการณ์ได้อย่างไม่สะดุดเลยซักนิด อีกทั้งซีรีส์เรื่องนี้นำเสนอมุมมอง Coming of Age ของวัยรุ่นตอนปลายที่จะก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ได้ดี
เรื่องที่ 5: Reply 1988 (คลิกที่ชื่อเพื่อรับชมซีรีส์)
จำนวนซีซั่น: 1 ซีซั่น (20 ตอน)
เวลาเฉลี่ยแต่ละตอน: 90 นาที
หากจะให้นิยามซีรีส์ Netflix ที่น่าดูเรื่องสุดท้ายนี้ เราคงนิยามว่าเป็นซีรีส์ที่น่าดู น่าอบอุ่น และน่าจดจำที่สุดเท่าที่เคยดูซีรีส์มา (เคลมขนาดนี้แล้ว ต้องดูแล้วรึเปล่า) Reply 1988 เป็นซีรีส์ภาคต่อของซีรีส์ชุด Reply โดยพูดถึงเรื่องราวของหนุ่มสาว เพื่อนซี้วัยมัธยมที่อาศัยอยู่ในซอยบ้านเดียวกันทั้งหมด 5 คน ด็อกซอน, จองฮวัน, ซอนอู, ดงรยอง และ แทค โดยทั้ง 5 คนนี้ ถึงแม้จะมีฐานะ ความเป็นอยู่ หรือแม้กระทั่งนิสัยที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายสิ่งที่เขามีเหมือนกันเลยคือ
มิตรภาพและความรักที่มีให้กัน
เราขอบอกเลยว่าซีรีส์ Netflix ที่น่าดูเรื่องนี้ เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่เราอยากให้คอซีรีส์ทั้งหลายดู รวมถึงสาวๆ ชาวซิสด้วยเช่นกัน เพราะเราจะได้เห็นวิวัฒนาการการเปลี่ยนของสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างรวมเร็ว แต่สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสผ่านซีรีส์เรื่องนี้ได้เลยก็คือ ความทรงจำ เรื่องราว และมิตรภาพของคนในชุมชนนี้ไม่เคยเลือนหายไป สาวๆ จะได้สัมผัสความอบอุ่นในแบบที่ซีรีส์เรื่องอื่นๆ ก็เทียบไม่ติด เพราะซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวเฉพาะเพื่อนเท่านั้น เนื้อเรื่องยังสะท้อนไปถึงมุมมองของครอบครัว และการใช้ชีวิตอีกด้วย
Photo Credit:
Stay connected