สวัสดีค่าสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน สำหรับสาวๆ คนไหนที่ติดตาม TikTok หรือ เสพ Content บน TikTok อยู่บ้าง คงจะพอเห็นเทรนด์ That Girl ที่เหล่า TikToker สร้างมาเพื่อ Inspire เป็น guideline ในการใช้ชีวิตอย่าง Productivity ในปี 2022 กัน วันนี้ Clubsister ขอ “ตามติดวิถีชีวิตเทรนด์ฮิตของสาวๆ ปี 2022 That Girl TikTok ที่มาแรงในตอนนี้” มาดูกันว่าจะมาเป็น That Girl นี่ต้องทำยังไง แล้วข้อเท็จจริง มันถูกต้องไหมนะ ? จะเป็นยังไงมาดูกัน
“ตามติดวิถีชีวิตสาวๆ ปี 2022 That Girl TikTok ที่มาแรงในตอนนี้”
Photo Credit: Alesia Kozik
ก่อนที่เราจะไปรู้จักหรือตามติดชีวิตว่า That Girl TikTok เขามี How to อย่างไรนั้น เรามาลองรู้จักความหมายและที่มาของคำว่า “That Girl” กันก่อน That Girl เป็นคำที่เกิดขึ้นมาได้ประมาณ 3 – 4 ปีที่ผ่านมา และมาบูมหรือ Popular แบบสุดๆ เมื่อปี 2020 จนถึง ณ ปัจจุบัน
โดย That Girl เป็นวิถีชีวิตของผู้หญิงรุ่นใหม่ที่ไม่เห็นด้วยกับ Lifestyle แบบ Girlboss ที่มีความหักโหม ทะเยอทะยานและ Active แบบสุดๆ โดยคนในวัย Gen Z เริ่มมีความคิดว่า ผู้หญิง ณ ปัจุบัน สามารถประสบความสำเร็จ Productive ได้โดยไม่จำเป็นต้อง Active ขั้นสุด แค่เธอใช้ชีวิตโดยคำนึงถึงสุขภาพ, Work life balance และ mental health นั่นคือสิ่งที่ดี และนี่คือที่มาของการก่อกำเนิด “That Girl” ขึ้น
How to be That girl ข้อที่ 1: Waka up early of before 8 am. (ตื่นนอน 6 โมงหรือก่อน 8 โมงเช้า)
หลักการของการจะจะเป็น That Girl จาก That girl TikTok นั้น ข้อแรกๆ ที่เหมือนจะมีเหมือนกันหมดเลยคือ “การตื่นนอนเช้าหรือตื่นนอนก่อน 8 โมงเช้า” (ซึ่งบาง TikToker ตื่นนอนก่อน 6 หรือ 7 โมงเสียด้วยซ้ำ)
Photo Credit 1: bruce mars
ข้อเท็จจริง : จริงอยู่ว่า That girl แนะนำให้เราตื่นเช้า เพื่อการทำกิจวัตรต่างๆ ในวันนั้นๆ ต่อไปได้เรื่อยๆ ซึ่งการนอนตื่นเช้าเป็นเรื่องที่ดี เพราะ เรากำลังทำตามนาฬิกาชีวิตในแบบธรรมชาติ, มีเวลาในการทำกิจวัตรประจำวันของเราได้เยอะขึ้น
แต่ทว่าการตื่นนอนตอนเช้านั้น อาจจะไม่จำเป็นสำหรับคนทุกคน เพราะวิถีชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนมีประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตได้ดีหากได้นอนตื่นในเวลาที่เหมาะสมหรือเพียงพอต่อร่างกาย, บางคนมีงานประจำที่อยู่ในช่วงบ่ายหรือเย็น ดังนั้นเวลาตื่นนอนคนเราจึงไม่เหมือนกัน
ดังนั้นเรื่องการตื่นนอน เราอยากให้พิจารณาจากภารกิจในชีวิตประจำวัน รวมถึงคำนึงถึงเวลาในการพักผ่อนเป็นสำคัญด้วย
How to be That girl ข้อที่ 2: Making your bed (เก็บที่นอนในทุกเช้า)
ข้อต่อไปของการเป็น That Girl ที่เหล่า That girl TikTok ทำเลยคือ การเก็บที่นอนให้เรียบร้อยในทุกๆ เช้า หลังจากตื่นนอนแล้ว
Photo Credit 2: Annie Spratt
ข้อเท็จจริง: การเก็บที่นอนในทุกๆ เช้า คือสิ่งที่ดีและควรทำอย่างยิ่งในทุกๆ เช้า สาวๆ บางคนอาจจะไม่รู้ประโยชน์และความหมายของการเก็บที่นอนในตอนเช้าหลังจากที่ตื่นนอนแล้ว จริงๆ การเก็บที่นอนในตอนเช้า นอกจากการสร้างความเรียบร้อยให้กับที่อยู่อาศัยของคุณแล้ว ความหมายแฝงของการเก็บที่นอนคือ “การรับผิดชอบสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต พร้อมทั้งทำภารกิจเล็กๆ ในชีวิตได้สำเร็จอย่างหนึ่ง”
William Harry McRaven นายทหารชั้นอาวุโส อีกทั้งเป็นทหารจากหน่วยซีลของ US เคยให้ Speech (กล่าวสุนทรพจน์) ถึงข้อคิดดีๆ ให้กับผู้สื่อข่าว และ ผู้คนที่ได้ฟังว่า “หากคุณอยากจะเปลี่ยนโลก ให้เริ่มจากสิ่งเล็กๆ อย่างการเก็บที่นอน”
เพราะการเก็บที่นอน แสดงถึงการที่คุณเตรียมความพร้อมสำหรับเริ่มวันใหม่, ดูแลและรักษาความสะอาดอีกทั้งพื้นที่รับผิดชอบของคุณได้เป็นอย่างดี, และข้อสุดท้ายคือ การเก็บที่นอนหมายถึง คุณทำภารกิจอย่างแรกของวันถึงแม้จะเป็นภารกิจเล็กน้อย ได้สำเร็จเป็นอย่างดีแล้ว
How to be That girl ข้อที่ 3: Write your journal or to-do list without your phone (เขียน To do List หรือ Journal 30 นาทีในตอนเช้า โดยห้ามใช้โทรศัพท์)
ข้อที่ 3 เป็นอีกข้อหนึ่งที่เรียกได้ว่าติด Top 3 ของ How to be that girl บน TikTok เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ การเขียน Journal หรือ To Do List ในตอนเช้าหลังตื่นนอนหรือก่อนเริ่มงาน อีกทั้งห่างไกลจากโทรศัพท์ของคุณ 30 นาที
Photo Credit 3: Content Pixie
ข้อเท็จจริง: การทำ Journal หรือการเขียนบันทึกชีวิต รวมถึง Do To List โดยไม่จับโทรศัพท์ เป็นสิ่งที่ดี และ แนะนำอย่างให้ทำเป็นอย่างมาก เพราะการเขียน Journal หรือ To Do List ถือเป็นการจัดระบบสมองและความคิดของตัวเราในทุกๆ วัน เพราะมนุษย์เรา ใน 1 วัน มีความคิดที่ผุดขึ้นมาไม่ต่ำกว่า 10,000 ความคิด
ดังนั้นหากเราจะให้ความสำคัญกับระบบความคิดหรือสิ่งที่เราควรทำนั้น อีกทั้งการ Shut down จากมือถือเพียงชั่วครู่ ช่วยให้สมองไม่ต้องรับข้อมูลเพิ่มขึ้นได้ อย่าชะล่าใจว่าแค่นึกก็จำได้ เพราะบางครั้งเราก็ลืม
การเขียนมันออกมาถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยได้ ไม่เพียงแค่นั้นการเขียน Journal เป็นเหมือนการคุยและประมวลผลกับตัวเองในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ความรู้สึก, การให้กำลังใจตนเอง การเขียนเพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้ตัวเรานั้นมองเห็นเป้าหมายในชีวิต โดยเริ่มจากภารกิจในชีวิตประจำวันมากขึ้น อีกทั้งเมื่อเวลาผ่านไป เรามาอ่านสิ่งเหล่านี้ย้อนหลัง เราจะรู้ได้ทันทีว่าเราเติบโตมากน้อยแค่ไหนแล้ว
How to be That girl ข้อที่ 4: Work out 4 – 5 times per week (ออกกำลังกาย 4 – 5 ครั้งต่อสัปดาห์)
สำหรับการจะเป็น That girl ให้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบแล้ว ต้องมีข้อนี้นั่นก็คือ “การออกกำลังกาย” เฉลี่ย 4 – 5 ครั้งต่อสัปดาห์ บางฉบับเป็น 30 นาทีต่อวัน
Photo Credit 5: Anastasia Hisel
ข้อเท็จจริง: ข้อนี้เราเห็นว่าสมควรเป็นอย่างยิ่ง และ มากที่สุด ไม่ใช่แค่เฉพาะ That Girl แต่คนเราทุกคนควรและจำเป็นต้องออกกกำลังกายอย่างละ 4 – 5 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือ 30 นาทีต่อวัน อย่างที่เรารู้กัน การออกกำลังกายไม่ใช่แค่เพื่อเสริมสร้งกล้ามเนื้อ หรือ กระตุ้นการทำงานของร่างกายให้แข็งแรง
แต่ในเชิงสุขภาพจิตนั้น ช่วยได้เยอะมากๆ การออกกำลังกายเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีทั้งในเชิงกายภาพ และสุขภาพจิต อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นการทำงานของสมองในเชิงความคิดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
How to be That girl ข้อที่ 5: Eat Healthy Food or Diet Food (ทานอาหารสุขภาพ หรือ อาหารสำหรับไดเอท)
จากที่เข้าไป Reserch That Gitl TikTok เราเห็นว่า That Girl ส่วนมากจะมีอาหาร Healthy Food ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Oatmeal, Salad หรืออะไรอย่างอื่นอีกมากมาย ที่ดูสุขภาพสุดๆ
Photo Credit 5: Ellieelien
ข้อเท็จจริง: การทานอาหารสุขภาพหรือการทานอาหารแบบไดเอทนั้น เป็นสิ่งที่ดี แต่ทว่าใช่ว่าจำเป็นจะต้องทานแบบนี้ในทุกๆ มื้อ มันอาจจะดีที่คุณสามารถทานอาหาร Healthy Food ได้ในทุกมื้อและทุกวัน
แต่คุณอย่าลืมว่า ค่าใช้จ่ายของอาหารเหล่านี้มีราคาที่ค่อนข้างสูง ไม่เพียงแค่นั้น บางเมนูมีสารอาหารที่ไม่เพียงพอต่อวันเสียเท่าไร ดังนั้นในข้อนี้อาจจะลองปรับการทานให้เข้ากับ Lifestyle ชีวิตของเรา เลือกทานอาหารปรุงสุก ปรุงให้น้อยลง ลดเนื้อสัตว์ติดมัน ทานผักให้เยอะขึ้น แค่ประมาณนี้ก็น่าจะเพียงพอ
สุดท้ายนี้การปรับวิถีชีวิตให้เป็นแบบ That Girl อาจจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับบางคน แต่อย่าลืมว่าทุกคนมี Lifestyle และหน้าที่ต่างกัน ดังนั้น เป็น That Girl ในแบบของตัวเองอาจจะดีที่สุดก็ได้ค่าพบกันใหม่บทความหน้า บ๊ายบาย ค่า
Source:
Cover Photo Credit: Nicholas Green
Stay connected