ถ้าพูดถึงการสังสรรค์ ต้องนึกถึงเครื่องดื่มสีสวย  ที่ผู้คนนิยมดื่มในงานรื่นเริงต่าง ๆ คงจะนึกถึง เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยอดฮิต จนถูกนำมาแปรรูป ให้เกิดเบียร์รูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า “ คราฟต์เบียร์ “ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาจากการหมักทำให้เกิดรสชาติที่แปลกใหม่ ตาม Style การหมักของผู้ผลิต เป็นเครื่องดื่มที่แตกต่างจากเบียร์ธรรมดา เพราะมีความโดดเด่นทางด้านรสชาติ และงานฝีมือในการปรุงรสเบียร์ เนื่องจากใช้วัตถุดิบที่แตกต่างกัน ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติและกลิ่นจากธรรมชาติ ทำให้ผลลัพธ์ของงานคราฟต์ได้ออกมาไม่เหมือนกัน เป็นเสน่ห์ของ คราฟต์เบียร์ อีกด้วย ซึ่งรสชาติของ คราฟต์เบียร์ จะมีความนุ่มละมุนลิ้นในปากมากกว่าเบียร์ปกติ และยังเป็นที่นิยมกันมากในหมู่คนที่ชื่นชอบดื่มเบียร์

ทำความรู้จักคราฟต์เบียร์

คราฟต์เบียร์

คราฟต์เบียร์ (craft beer) ไม่ใช่การทำอุตสาหกรรมรายใหญ่ เกิดจากผู้ผลิตรายย่อย ที่เน้นการสร้างสรรค์ และ ต้องใช้ฝีมืออย่างมากในการทำให้รสชาติเบียร์ออกมาตามที่ต้องการ จึงเกิดความหลากหลายทางรถชาติ ซึ่งกลิ่นของคราฟต์เบียร์จะเป็นกลิ่นธรรมชาติ ไม่มีการปรุงแต่งสารแต่งกลิ่น นิยมใช้วัตถุดิบท้องถิ่น เช่น กาแฟ ช็อกโกแลต ทำให้คราฟต์เบียร์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และดึงดูดผู้บริโภคได้มากที่สุด เพราะผู้ผลิตแต่ละคน จะมีสูตรการปรุงรสเบียร์ของตัวเองที่แตกต่างกัน ทุ่มเทความตั้งใจ การคิดค้นสูตรใหม่ ๆ ใส่ใจในคุณภาพเพื่อให้ได้เบียร์รสชาติที่ดีที่สุด นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกดื่ม คราฟต์เบียร์

ผลไม้ท้องถิ่น ส่วนประกอบที่ทำให้คราฟต์เบียร์ได้รางวัลระดับโลก

คราฟต์เบียร์ฝีมือคนไทยในปัจจุบันนิยมใช้ผลไม้ท้องถิ่นมาเป็นส่วนผสม ถือเป็นการสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น และยังทำให้ผู้บริโภคได้คราฟต์เบียร์ผลไม้ดี ๆ อีกด้วย การที่คนไทยนิยมนำผลไม้มาเป็นส่วนประกอบนั้น เนื่องจาก ประเทศไทยมีผลไม้หลากหลายชนิด ที่ให้กลิ่นและรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม จึงถูกหยิบยกมาเป็นตัวเลือกในการผลิต เช่น การนำ มังคุด สัปปะรด ทุเรียน มาทำเป็นคราฟต์เบียร์ เพราะตัวผลไม้สามารถชูรสชาติและกลิ่นได้อย่างดี อีกหนึ่งตัวอย่างรสชาติเบียร์แปลก ๆ ของคนไทย คือ ภาคกลางที่ขึ้นชื่อเรื่องของต้มยํากุ้งก็มีการผลิต คราฟต์เบียร์รสต้มยํากุ้ง หรือฝั่งยะลาก็มีคราฟต์เบียร์จําปาดะเป็นคราฟต์เบียร์ที่ทํา มาจากตะไคร้ มะกรูด มะนาว สามารถแปลงวัตถุดิบเหล่านี้มาทําให้เป็นคราฟต์เบียร์ได้เหมือนกัน ทำให้คราฟต์เบียร์ของไทย เป็นที่น่าสนใจของชาวต่างชาติ  ซึ่งคราฟต์เบียร์เหล่านี้เคยทำให้คนไทยเคยคว้ารางวัลระดับโลกมาแล้ว


คราฟต์เบียร์

ส่วนประกอบของคราฟต์เบียร์

การผลิตคราฟต์เบียร์นั้นต้องพิถีพิถันและใช้งานฝีมือเป็นส่วนใหญ่ เพื่อรสชาติที่แปลกใหม่ มีคุณภาพ และดึงดูดผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ซึ่งแต่ละกระบวนการผลิตและปรุงรสเบียร์ ส่วนมากจะแล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละบุคคล ซึ่งวิธีการคราฟต์เบียร์นั้น จะเกิดจากการหมักของน้ำตาลที่ละลายอยู่ในน้ำ มียีสต์เป็นตัวทำปฎิกิริยา เพราะเป็นส่วนผสมที่ไม่ถูกกับพวกแบคทีเรีย ยีสต์ถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกคือ ยีสต์หมักลอยผิว ทำงานบนพื้นผิวเบียร์ Ale Yeasts จะลอยตัวบนผิวน้ำเมื่อทำการหมักเสร็จแล้ว ประเภทที่สองคือ ยีสต์หมักนอนก้น Lager Yeasts จะจมอยู่บริเวณก้นภาชนะ ส่วนประกอบที่สองคือ Hops เป็นพืชสำหรับถนอมอาหาร ยิ่งใช้ส่วนของดอกในการหมักกลิ่นยิ่งหอมหวานมาก แถมยังมีองค์ประกอบที่ทำให้เบียร์เกิดรสชาติขมอีกด้วย องค์ประกอบที่สามที่ขาดไปไม่ได้เลยคือ Malt มอลต์ แต่ละแบบจะแตกต่างกัน ทำให้เกิดสีและรสชาติที่แปลกใหม่ ส่วนผสมสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลย คือ น้ำ เกือบจะ 95% ของเบียร์มีน้ำเป็นส่วนประกอบ

ขั้นตอนการผลิต คราฟต์เบียร์ เครื่องดื่มทางเลือก

การคราฟต์เบียร์ มีขั้นตอนดังนี้ Mashing หรือการบ่ม นำมอลต์ที่บดหยาบต้มลงในน้ำอุ่น ความร้อน 60-40 องศาเซลเซียส และนำไปต้มต่อในเครื่องบดขนาดใหญ่ จนได้ลักษณะของ Wort คือการที่เบียร์อยู่ในสถานะช่วงสกัดน้ำ และนำไปต้มต่อในความร้อนประมาณ 100 องศาเซลเซียส จึงใส่ Hops ลงไป ขั้นตอนสำคัญคือการฆ่าเชื้อ โดยการ Cool down จากอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ลดลงมาอยู่ในระดับ 18-25 องศาเซลเซียส ต้องเอาไปเข้าหมักให้เร็วที่สุดหลังจากต้มเสร็จ ไม่เช่นนั้นจะทํา ให้เบียร์เสียได้ และใส่ยีสต์ชนิดที่ต้องการ ยีสต์จะแบ่งออกเป็นสองประเภทตามที่กล่าวไปข้างต้น เมื่อใส่ยีสต์แล้วนําไปแช่ตู้เย็นและควบคุมอุณหภูมิแบบพิเศษอาจจะใช้เวลาคร่าว ๆ ประมาณ 10 วัน ขั้นตอนสุดท้ายในการผลิต คือ Bottle หรือ Condition การบรรจุเบียร์ที่หมักไว้ลงขวด เป็นขั้นตอนที่น่าตื่นเต้น เพราะเราจะได้ลองชิมรสชาติเบียร์ของตนเองที่ผลิต


ประเภทของคราฟต์เบียร์

คราฟต์เบียร์

 

Lager

เป็นเบียร์ที่คนไทยนิยมดื่ม เพราะ หาซื้อได้ง่ายในประเทศไทย หรือตามร้านอาหารต่าง ๆ เป็นเบียร์ที่เกิดจากการหมักบริเวณก้นภาชนะ โดยใช้อุณหภูมิที่ค่อนข้างต่ำ สีสันของเบียร์จะเป็น สีทองใส รสชาติเบา ไม่ถือว่าขมมาก ยกตัวอย่างเช่น เบียร์ช้าง เบียร์สิงห์ เป็นต้น

Pilsner

ใช้ยีสต์ที่ถูกหมักจากก้นภาชนะเหมือนกับ Lager สีสันออกแนวสีทองใสเหมือนกัน แต่ Pilsner มีรสชาติหวานจากมอลต์และฮอปส์เล็กน้อย

Hefeweizen

ที่โดดเด่นของเบียร์ประเภทนี้ คือ กลิ่นของผลไม้ต่าง ๆ มีกลิ่นของฮอปส์เป็นส่วนผสมจาง ๆ ดื่มง่ายถูกปากคนไทย เป็นเบียร์สัญชาติเยอรมัน ถูกผลิตถูกต้องตามกฎบริสุทธิ์

Witbier

มีการผสมข้าวสาลี กลิ่นสดชื่นจากเปลือกผลไม้ เช่น เปลือกส้ม โดยรสชาติของเบียร์ จะมีความซ่าสูง ไม่ขม ดื่มง่าย

Pale Ale

รสชาติผ่านการหมักด้วยมอลต์อ่อน ๆ ทำให้เกิดรสชาติเบียร์ที่กลมกล่อม มีความปนหวานเล็กน้อย รสชาติเบา นุ่มคอ เหมาะกับคนที่อยากลองคราฟต์เบียร์

IPA

เป็นเบียร์ที่มีปริมาณส่วนผสมสูงขึ้นทุกอย่าง เช่น ปริมาณแอลกอฮอล์ ยีสต์ และฮอปส์มากยิ่งขึ้น ทำให้เบียร์มีกลิ่นของฮอปส์ค่อนข้างชัด เป็นการถนอมอายุของเบียร์ให้อยู่ได้นานกว่าปกติ สีสันของเบียร์จะมีสีที่เข้มส้มเกือบแดง

Double IPA

เพิ่มวัตุดิบจาก IPA ขึ้นสองเท่า เหมาะสำหรับสายดื่มที่ชอบความเข้มข้นของคราฟต์เบียร์

Stout

เบียร์ดำที่หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นเคย รสชาติคล้ายกาแฟ มีกลิ่นของมอลต์ค่อนข้างชัด เกิดการจากคั่วมอลต์ทำให้เกิดสีเข้มจนไปถึงดำ


กฎหมายสุรา

คราฟต์เบียร์

คราฟต์เบียร์ในปัจจุบัน กฎหมายการอนุญาตผลิตสุรายังไม่ได้อิสระแก่ผู้ผลิตมากพอ เนื่องจากมีข้อกำหนดการผลิตขั้นต่ำ 1 แสน – 1 ล้านลิตร   ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน โดยส่วนใหญ่ผลิตขายกันเองแบบไม่เปิดเผย เพราะผิดกฎหมาย คราฟต์เบียร์สามารถหาซื้อบริโภคได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ในประเทศไทยแต่ต้องเป็น คราฟต์เบียร์ที่ทําตามเงื่อนไขของกฎหมายเท่านั้นจึงจะสามารถวางจําหน่ายได้ และแบรนด์ที่วางขายในร้านค้าหรือร้านอาหารได้ ก็ถูกผลิตในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว กัมพูชา เวียดนาม เกาหลี ญี่ปุ่น และบางประเทศในยุโรป ทำให้มีต้นทุนที่สูง ราคาคราฟต์เบียร์เลยแพงมากในประเทศไทย ซึ่งล่าสุด เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ในฐานะ ส.ส.พรรคก้าวไกล ผู้เสนอร่าง เพื่อขอแก้ไข ‘ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ’ โดยเปรียบเทียบด้วยการยกมูลค่าตลาดสุราในประเทศไทยเทียบกับประเทศญี่ปุ่น เหตุผลของการแก้ไขนี้ เพื่อเปิดทางให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถแข่งขันในตลาดได้ ลดความเหลื่อมล้ำ ผู้บริโภคสามารถต้มเบียร์กินเองได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ร่างกฎหมายเป็นเหมือนความหวังของวงการคราฟต์เบียร์ และยังเกิดผลประโยชน์ต่อเกษตรกรที่ปลูกพืชผลทางการเกษตรหลากหลายชนิด ถือเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจของผู้คนแต่ละท้องถิ่นให้ดีมากขึ้น

 

คราฟต์เบียร์ สู่ท้องตลาดทางเลือกสำหรับสายดื่ม ให้ได้ลองสัมผัสรสชาตินุ่มละมุนลิ้น คราฟต์เบียร์ มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ในแต่ละยี่ห้อ คิดว่าสิ่งนี้มันเป็นเสน่ห์ ควรถูกค้นพบ และเปิดกว้างอย่างเสรี ผู้บริโภคจะได้มีเบียร์ให้เลือกบริโภคที่หลายหลายมากขึ้น

 

 

Photo Credit:

pexels.com

Source Credit:

moveforwardparty

the101.world

inzpy

 

Comments

comments