ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่าการมีความรักครั้งใหม่ ยิ่งถ้าความสัมพันธ์กำลังดำเนินไปด้วยดี คุณและเขาใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้นทุกวัน คุณอาจกำลังสงสัยว่า ถึงเวลาเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้วหรือยัง? แล้วเราจะรู้ได้ยังไง? เพราะถึงแม้ว่าคุณจะแน่ใจว่าถึงเวลาแล้ว คุณจะรู้ได้ยังไงว่าคู่ของคุณก็คิดเหมือนกัน? งั้นลองมาดูซิว่า “เดทกี่ครั้งถึงจะเป็นแฟนกัน”

สำหรับคำตอบของคำถามนี้ เราอ้างอิงข้อมูลมาจากคุณ Sarah Kahan นักสังคมสงเคราะห์ที่ได้รับใบอนุญาตจากบรูคลิน ซึ่งช่วยคู่รักนำทางความสัมพันธ์ แม้ว่าจะไม่มีกฎเกณฑ์กำหนดว่าความสัมพันธ์นั้น ๆ ควรเป็นทางการเมื่อไหร่ แต่เธอจะมาแนะนำสัญญาณที่อาจแสดงว่าคุณพร้อมแล้ว!!

ต้อง “เดทกี่ครั้งถึงจะเป็นแฟนกัน”

อันที่จริงไม่มีคำตอบที่ตายตัว สำหรับคำถามนี้ มันมีความหลากหลาย และมีปัจจัยมากมาย แต่มีกฎทั่วไปอย่างน้อยหนึ่งข้อ คือ เราจะไม่สามารถตัดสินได้หลังจาก 2-3 วันแรก หรือแม้กระทั่งใน 2-3 อาทิตย์แรกหรอก ท้ายที่สุด มันต้องใช้เวลาเพื่อดูว่า ความสัมพันธ์ของเราและเขา มีพัฒนาการที่จริงจังกว่านี้รึเปล่า ในตอนเริ่มต้น เราอาจดูแค่ว่ามีความเหมือนกันหรือไม่ เพื่อให้เราชอบกันและกันมากขึ้น มันเป็นอะไรที่ต้องใช้เวลา จากนั้นจึงจะเริ่มเข้าหัวข้อที่ลึกซึ้งขึ้น เราจะเริ่มแชร์เรื่องส่วนตัวมากขึ้น แชร์เรื่องทางอารมณ์มากขึ้น และดูว่าอีกฝ่ายมีอารมณ์ที่ลึกซึ้งร่วมกับเราหรือไม่ 

ในที่สุด คุณต้องรู้สึกว่าคุณสามารถอ่อนแอกับคน ๆ นั้นได้มากน้อยแค่ไหน การสานสัมพันธ์มันเป็นความเสี่ยง และเป็นสิ่งที่น่ากลัวอยู่บ้าง คุณต้องไปช้า ๆ และลองทดสอบ เพื่อดูว่าคุณจะประคองความสัมพันธ์ไปได้หรือไม่ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เราจึงไม่สามารถหาจุดเหมาะสม ในการตัดสินใจเป็นแฟนแบบ Official กับใครได้ง่าย ๆ ภายในสองสามวันแรกหรอก

 

สัญญาณที่กำลังบอกว่า

คุณกำลังจะเปลี่ยนจากการเดท ไปสู่ความสัมพันธ์ที่เป็นทางการ

แม้ว่าจะไม่มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน เกี่ยวกับระยะเวลาที่ใช้ในการเปลี่ยนสถานะ จากการเดทกันแบบชิล ๆ  ไปจนถึงความสัมพันธ์ที่เป็นทางการ แต่ก็มีสัญญาณบางอย่าง ที่ทำให้เราสังเกตได้ว่า ความสัมพันธ์กำลังก้าวสู่ขั้นต่อไป ซึ่งสัญญาณแรกที่อาจจะบอกว่า คุณพร้อมที่จะเป็นแฟนใครสักคน นั่นก็คือถ้าคุณและเขามีการสื่อสารที่ดี ฟังเรื่องราวซึ่งกันและกัน โดยไม่ด่วนสรุป ฟังและเปิดใจ เพื่อให้ตัวเองเข้าเข้าใจในเรื่องราวของคนอื่นได้ และในทางกลับกัน ถ้าคุณเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย และสามารถแสดงความคิดเห็นได้ นั่นคือสัญญาณของการพัฒนาความสัมพันธ์ ไปสู่รูปแบบที่เป็นทางการมากขึ้น

อีกสัญญาณหนึ่ง ที่บ่งบอกว่าคุณพร้อมจะเป็นแฟนกัน นั่นก็คือ คุณทั้งคู่ใส่ใจในชีวิตกันและกันอย่างเต็มที่ ต่างฝ่ายต่างใช้พื้นที่ในสมอง คิดเรื่องของอีกผ่าย ไม่ใจแคบในแง่ของความสัมพันธ์ สนใจเรื่องของอีกฝ่ายมากมาย นั่นแสดงว่าคุณกำลังจริงจังกับเขาแล้ว

 

วิธีทำให้ความสัมพันธ์ของคุณเป็นทางการ

ไม่ว่าเทคโนโลยีตอนนี้จะก้าวไปไกลแค่ไหน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ก็คือการบอกตามตรงแบบเห็นหน้ากัน” พูดกันต่อหน้า อย่าตกลงเป็นแฟนกันทางโทรศัพท์ หรือการส่งข้อความ การพูดคุยกันอย่างจริงจัง เกี่ยวกับความสถานะสัมพันธ์ ควรทำต่อหน้าและทำด้วยตนเอง หากคุณรู้สึกประหม่าว่าจะพูดอะไร ให้รวบรวมความคิด และจดไว้ก่อนที่จะพูดต่อหน้ากัน หรือลองฝึกสิ่งที่คุณอยากจะพูด กับเพื่อนสนิทหรือคนสนิทก็ได้

หากคนที่คุณเดทอยู่ มีความอดทนสูงต่อความคลุมเครือทางสถานะ แต่คุณรู้สึกไม่โอเค คุณต้องสามารถพูดเปิดอกออกไปได้ มันขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ ว่าคุณต้องการจะจัดการกับมันอย่างไร จะพูดหรือไม่พูดเราเลือกได้ ถ้าเราหรือเขาต้องการคบกันต่อ แต่ไม่พร้อมที่จะทำให้มันเป็นทางการ ก็ต้องพูดคุยได้เช่นกัน ให้ถามตัวเองว่าคุณอดทนได้มากแค่ไหน อดทนไว้หรือว่าตอนนี้อยากจะเป็นคนพิเศษแล้วจริง ๆ ความสัมพันธ์ต้องรู้สึกดีจริงๆ

สิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าคุณจะเริ่มบทสนทนา เกี่ยวกับการจริงจังหรือไม่จริงจัง ในความสัมพันธ์นั้น คุณต้องรู้สึกดีต่อมันจริง ๆ อย่าโกหกตัวเอง

 

ท้ายที่สุดแล้ว

ก่อนที่จะจริงจังกับใคร เราก็ต้องพิสูจน์ว่า เราสามารถเอาชนะความทุกข์ยาก และสามารถบอกความรู้สึกที่แท้จริงของเราได้ ถ้าเราบอกอะไรกับคู่ของเรา แล้วดันไม่ชอบปฏิกิริยาตอบสนองของเขา ก็ไม่จำเป็นต้องทำลายความสัมพันธ์ ลองยอมรับมัน แล้วดูว่าสามารถไปต่อได้หรือไม่ ทั้งคู่ต้องสามารถพูดได้ว่า คุณไม่โอเคหรือโอเคอะไร คุณชอบหรือไม่ชอบอะไร และทั้งสองฝ่ายต้องยอมรับ และขอโทษกันและกันให้เป็น ถ้าคุณพูดได้และอีกฝ่ายได้ยินคุณ คุณจะรู้สึกว่ามีคนได้ยิน และต้องการเข้าใจคุณ นั่นเป็นสัญญาณที่ดี ของการก้าวไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดี

 

source: brides.com

Comments

comments