Open relationship คือ อะไรกันนะ บางคนอาจเคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร วันนี้ Clubsister จะมาเล่าให้ฟัง แต่แค่มาบอกว่ามันคืออะไร ก็คงจะธรรมดาไป เราจึงไปหาเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริง ว่าเขาดำเนินความสัมพันธ์ ในรูปแบบนี้ยังไงกัน มาค่ะทุกคน อยากรู้แล้วใช่มั้ยล่ะ ไปดูกันเลย
ความสัมพันธ์แบบ Open relationship คือ ?
ก่อนอื่นก็คงต้องทำความรู้จักเจ้าของเรื่องกันก่อน เธอชื่อ วาเลอรี่ ฟิชเชล (Valerie Fischel) เธอเป็นคนหนึ่งที่พบว่า ความรักแบบ Monogamy มันไม่เวิร์คสำหรับเธอ Monogamy คืออะไรน่ะหรอ ก็คือความสัมพันธ์แบบรักเดียวใจเดียว มีเพศสัมพันธ์กับแฟนที่คบอยู่คนเดียวเท่านั้น ยังไงล่ะ
เพราะตั้งแต่เกรด 4 เธอก็มีปัญหา กับแฟนของเธอ เนื่องจากโดนจับได้ว่า เธอมีแฟนอีกคน และในช่วงมัธยม ถึง มหาวิทยาลัย เธอก็มีความสัมพันธ์แบบที่เรียกว่าคบซ้อน หรือ บางครั้งก็ไม่ซื่อสัตย์
อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจจะคิดว่า เธอนี่มันเป็นคนที่แย่จริง ๆ ซึ่งก็ไม่ต่างจากสังคมส่วนใหญ่ และสังคมที่ วาเลอรี่ อยู่ ก็บอกเธอเช่นกันว่า คนเราจะต้องคบกับแฟนไปทีละคน โดยที่มีเป้าหมายว่า จะต้องเลือกคนหนึ่ง เพื่ออยู่กับเราไปตลอดกาล ซึ่งเธอก็พยายามจะทำแบบนั้นนั่นแหละ แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ลงเอยด้วยการทำร้ายอีกคนในความสัมพันธ์ และเธอก็รู้สึกว่า สิ่งที่เป็นอยู่มันผิดไปหมด เธอเองก็รู้สึกผิดเช่นกัน
ในช่วงอายุ 20 ปลายของเธอ เธอตัดสินใจที่จะเป็นโสด และมีความสุขกับอิสระภาพ และ ความหลากหลายที่เธอเจอ ช่วงนั้นเอง เป็นเวลาที่เธอได้พบกับแฟนคนปัจจุบันของเธอ เธอเจอเขาบน แอปพลิเคชั่นเดทติ้ง แอปหนึ่ง ที่ชื่อว่า OKcupid เธอพบว่าเขาช่างเป็นคนที่สนุกสนาน และ เคมีระหว่างพวกเขาทั้งสองคนก็เข้ากันมาก อย่างน่าอัศจรรย์
ทีแรก เธอคิดว่าคงเป็นความสัมพันธ์ทางกายเท่านั้น แต่ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ได้ใช้เวลาด้วยกันเป็นอย่างมาก และ บทสนทนาหนึ่ง เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ คือ เธอและเขา ทั้งสองคนเป็นอะไรกัน
เธอเล่าว่า “พวกเรา ก็ต่างรู้ถึงการมีอยู่ ของคนรักคนอื่น ๆ ของพวกเรา แต่ก็รู้ว่าเราสองคน เป็นคนโปรดของกันและกัน” “พวกเราสามารถรักษาความรู้สึกตื่นเต้น และ ความหลากหลายเอาไว้ได้ ในขณะที่ก็ปล่อยให้ตัวเองตกหลุมรักกันและกัน”
และในปี 2012 พวกเขา ก็ตัดสินใจเริ่มต้น ความสัมพันธ์แบบเปิด หรือที่เรียกว่า Open relationship เธอรู้ดี ว่ามันเป็นเรื่องที่เข้าใจยากสำหรับคนทั่วไป และเธอเองก็ได้คำถามมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอจึงคัดคำถามที่เจอบ่อยมากที่สุด และมาตอบให้ทุกคนฟังกัน
1.สรุปแล้ว Open relationship คือ อะไร มันเป็นยังไงกันแน่?
มันก็คือความสัมพันธ์ รูปแบบหนึ่ง ที่มีลักษณะ แบบ non-monogamy (คือตรงข้ามกับความผัวเดียวเมียเดียว) ซึ่ง Open relationship ก็เปรียบเสมือน ร่มใบใหญ่ ที่มีความสัมพันธ์อีกมากมาย หลากหลายรูปแบบอยู่ใต้นั้น
เมื่อเราได้ตัดสินใจ ที่จะรวมคนอื่น ๆ เข้ามาในความสัมพันธ์ของเราแล้ว เราสามารถที่จะเลือกให้มันเป็นยังไงก็ได้ตามต้องการ ซึ่งมันก็แล้วแต่คู่ ว่าจะตัดสินใจ ให้คนอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง มากน้อยแค่ไหน ซึ่งกฎข้อหนึ่งของการมีความสัมพันธ์แบบ non-monogamy คือ สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จะต้องเกิดขึ้นจากความยินยอม ของทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้อง มีความปลอดภัย และ ไม่ทำร้ายกัน และ ในแต่ละคู่ หรือแต่ละกลุ่มนั้น ก็ต้องกำหนดขอบเขตต่าง ๆ รวมถึงกฎเกณฑ์ของตัวเองขึ้นมา
จากการหาความหมายเพิ่มเติม ในบทความของ Healthline ได้บอกว่า Open relationship สามารถนิยามได้มากกว่าหนึ่งแบบ แบบแรกคือแบบที่ วาเลอรี่ ได้อธิบาย แต่อีกความหมาย คือ Open relationship เป็นความสัมพันธ์แบบ non-monogamous ชนิดหนึ่ง ซึ่งแบบหลังจะพบบ่อยมากกว่า และ โดยปกติแล้ว Open relationship เป็นเรื่องของคนสองคน ที่อนุญาติให้คู่ของตัวเอง ไปเปิดประสบการณ์ทางเพศกับผู้อื่นได้ แต่ไม่ได้ใช้ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง
2. กฏของคุณคืออะไร
วาเลอรี่เล่าว่า ระหว่างเธอกับแฟน มีกฎอยู่แค่ไม่กี่ข้อเท่านั้น ซึ่งเมื่อมีปัญหา พวกเขาก็จะร่วมกันวางแผน และ ปรับเปลี่ยน หรือ ตั้งกฎขึ้นมาใหม่ พวกเขาไม่โกรธกัน เมื่อมีสถานการณ์ที่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกไม่สบายใจ หรือเสียใจ ตราบใดที่มันไม่ได้ละเมิดกฎข้อไหนที่มีอยู่แล้ว พวกเขาจะจับเข่านั่งคุย และ เรียนรู้ไปด้วยกันมากว่า และนี่คือกฎระหว่างคู่ของเธอ
กฎข้อที่1 นี่ความสัมพันธ์หลักของพวกเรา กฎนี้เป็นกฎแรกที่พวกเขาสร้างขึ้น พวกเขาตกลงกันว่าจะไม่ใช้เวลา กับคนในความสัมพันธ์รองมากจนเกินไป พวกเขาสามารถเป็นเพื่อนกับคนในความสัมพันธ์รองของอีกฝ่ายได้ ในกรณีที่คบกันยาวนานถึงประมาณปีสองปี แต่ถ้ามีอะไรมากกว่านั้น จะต้องตัดความสัมพันธ์รองนั้นออก
กฎข้อที่2 ซื่อสัตย์ ข้อนี้เป็นกฎที่พวกเขาไม่ต้องใช้ความพยายามมากเท่าไหร่
กฎข้อที่3 ความยินยอม คนอื่น ๆ ที่จะเข้ามาในความสัมพันธ์ จะต้อง consent หรือมีความยินยอมกับความสัมพันธ์รูปแบบนี้ และวาเลอรี่กับแฟน จะต้องบอกอีกฝ่ายเสมอ ว่ากำลังจะเจอใครใหม่ ๆ
กฎข้อที่4 ไม่เดทกับเพื่อน หรือคนที่อีกฝ่ายรู้จัก ข้อนี้เป็นกฎที่สร้างขึ้นใหม่ หลังจากที่มีปัญหา คือแฟนของเธอไปนอนกับเพื่อนคนหนึ่ง ในเฟซบุ็คของเขา ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก และเธอห้ามตัวเองไม่ให้เปรียบเทียบ ระหว่างตัวเองกับผู้หญิงคนนั้นได้ เธอรู้สึกเจ็บปวดจากเรื่องนี้ ดังนั้น พวกเขาจึงตั้งกฎข้อนี้ขึ้นมา
กฎข้อที่5 คนรักสองคน ในหนึ่งสัปดาห์ มันมากเกินไป พวกเขาพยายามจะหลีกเลี่ยงสิ่งนี้
กฎข้อที่6 ป้องกันเสมอ ไม่มีใครอยากได้โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์!
3. หึงบ้างมั้ย
มีบ้าง แต่พอไปไม่กี่ชั่วโมง หรือไม่กี่วัน ความรู้สึกหึงหวง ก็จะหายไป เพราะเธอรู้และมั่นใจว่า เธอคือคนที่เขารักอย่างลึกซึ้ง ทั้งสองคนรู้จักกันเป็นอย่างดี และเธอคิดว่า มันมีโอกาสน้อยมาก ในการที่เขาจะเจอคนที่อยู่กับเขาได้ดีกว่าเธอ พวกเขาลบความรู้สึกแห่งความเป็นเจ้าของ และกลายเป็นความสัมพันธ์แบบคุยกันได้ พวกเขาคุยกันทุกเรื่อง อย่างซื่อสัตย์ และบวกกับการที่เธอคิดว่า การที่คนรักของเราเป็นที่ต้องการจากคนอื่น ก็เซ็กดีไม่น้อย
4. เธอทำอะไร ระหว่างที่แฟนของเธอออกไปกับผู้หญิงคนอื่น
เธอและแฟน อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน เพราะฉะนั้นในคืนที่แฟนเธอออกไป เธอจะได้อยู่คนเดียว ดูอะไรที่อยากดู ได้ครองเตียงคนเดียว ถ้าวันไหนที่เธอรู้สึกหึง เธอก็จะโทรหาเพื่อน และร้องครวงคราญ แต่เพื่อนก็จะทำให้เธอหัวเราะได้
5. แล้วถ้าเราตกหลุมรักกับคนอื่นล่ะ
พวกเขาพยายามอย่างหนัก และ พยายามเป็นเวลานาน ในการสร้างความรัก ความสุข ความสนุกสนาน และ ความไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่พวกเขาทั้งคู่ รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ทำลายไม่ได้
ถึงมันจะยังไม่เคยเกิดขึ้น แต่พวกเขาก็ตกลงกันไว้แล้วว่า ถ้าเริ่มมีความรู้สึกพิเศษกับใคร ต้องตัดคนนั้นทิ้งทันที พวกจากนี้แล้ว พวกเขายังตัดปัจจัยยั่วยุ อย่าง ความรู้สึกตื่นเต้น ออกไปแล้วด้วย เพราะจากประสบการณ์ของเธอ การย่องออกไปกับคนอื่น มันน่าตื่นเต้น ทำให้ผูกตัวเองเข้ากับอีกคนหนึ่ง สุดท้ายก็จะเข้าใจผิดว่าสิ่งนั้นคือความรัก
และนี่ก็คือมุมมองหนึ่ง ของคนที่มีความสัมพันธ์แบบ Open relationship อ่านแล้วเป็นยังไงบ้าง รู้สึกเข้าใจพวกเขามากขึ้นไหม?
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นแค่ประสบการณ์ของคนหนึ่งคนเท่านั้น มันคงมีเรื่องอีกเยอะแยะมากมาย รอให้เราทำความเข้าใจ และถึงแม้ความรูปแบบสัมพันธ์แบบนี้ จะไม่ใช่ความสัมพันธ์กระแสหลัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอยู่ และมันไม่ได้ทำร้ายใคร ตราบใดที่ทุกคนในความสัมพันธ์ ยินยอมพร้อมใจตั้งแต่แรก
content credits : Self.com , Healthline
Picture credits : Pinterest
Stay connected