เพราะสถานการณ์ Covid – 19 ที่ยังไม่คลี่คลาย เลยทำให้เราต้อง Work From Home กัน และดูท่าทางแล้วจะต้องทำงานที่บ้านกันไปอีกยาว เพราะทางศคบ. ก็เพิ่งประกาศมาตรการขอความร่วมมือให้ Work from Home แบบ 100% อีกนานถึง 14 วัน ซึ่งก็ไม่รู้อีกว่าเมื่อไรจะดีขึ้น ซิสที่ต้องทำงานที่บ้านจึงต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ อย่ามองข้าม โรคจากการ Work From Home เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวไปเลยก็ได้ โรคเหล่านั้นมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันค่ะ

 

5 โรคจากการ Work From Home ต้องระวัง!!

 

ในช่วงที่ต้อง Work From Home เหมือนจะสบาย แต่จริง ๆ แล้วไม่เลยใช่ไหมคะ เพราะอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่เอื้อต่อการทำงาน บางคนก็ไม่ได้มีโต๊ะทำงานที่ถูกกับสรีระที่บ้าน (ซิสก็คนนึงแหละ) ไหนจะต้องนั่งอยู่กับที่นาน ๆ ไม่มีเพื่อนร่วมงานให้เดินไปเม้าท์มอย ไหนจะเจอกับความเครียดของการติดตามข่าวสารในแต่ละวันอีก เรียกว่าสารพัดสิ่งเลยที่ทำลายทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต แต่ซิสต้องคอยสังเกตตัวเองนะ เพราะยังมีอีก 5 โรคนี้ ที่ต้องระวังมาก ๆ

โรคจากการ Work From Home

1. โรควุ้นตาเสื่อม (โรค Computer Vision Syndrome หรือ CVS) 

90% ของคนที่ Work From Home ต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์ และแน่นอนว่าต้องอยู่กับจอคอมพ์แทบทั้งวัน ทั้งการทำงาน การประชุม ซึ่งทำให้เกิดโรควุ้นตาเสื่อมได้ เพราะสาเหตุของโรคนี้เกิดจาก การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ เกิน 2 – 3 ชั่วโมง โดยที่ระยะห่างระหว่างจอกับดวงตาไม่เหมาะสม

อาการของโรคนี้ : ตาล้า ตาแดง แสบตา ดวงตาพร่ามัว ทำให้มองเห็นภาพไม่ชัดเจน ตาสู้แสงไม่ได้ ส่งผลให้ปวดศีรษะ ปวดคอ บ่า ไหล่ และทำให้มีโอกาสสายตาสั้นมากขึ้นถึง 30% เลยนะ

วิธีแก้ไข : ลองปรับหน้าจอให้พอดีกับระดับสายตา และมีความห่างที่พอเหมาะ คือประมาณ 16 – 30 นิ้ว และอย่าจ้องคอมต่อเนื่องนาน ๆ ควรพักสายตา มองไปที่อื่นบ้าง ทุก ๆ 20 วินาที

 

โรคจากการ Work From Home

2. ภาวะเบิร์นเอ๊าต์ (Burnout Syndrome)

บอกเลยนะว่าเป็นโรคที่น่ากลัว เพราะภาวะเบิร์นเอ๊าต์ หรือภาวะหมดไฟนั้นเรียกได้ว่าเป็นสภาวะทางจิตใจที่ควรได้รับการรักษา สาเหตุหลัก ๆ มาจากการจัดการเวลาไม่ได้ ต้องทำงานตลอดเวลา จนเวลาส่วนตัวแทบไม่มี เกิดเป็นภาวะเครียดสะสม สมองล้า จนไม่อยากทำงาน และแทบไม่อยากทำอะไรเลย

อาการของโรคนี้ : เบื่องาน เนือย ๆ ไม่มีสมาธิ ไม่อยากทำอะไรเลย รู้สึกเหนื่อยล้า หมดแรง รู้สึกกับงานในทางลบ ประสิทธิภาพในการทำงานน้อยลง หรือไม่ยินดียินร้ายกับอะไรเลย

วิธีแก้ไข : อย่าทำงานตลอดเวลา ให้กำหนดเวลาในการทำงานให้ชัดเจน หาเวลาทำกิจกรรมอื่น ๆ บ้าง ไม่ว่าจะเป็นดูหนัง ฟังเพลง ทำกิจกรรมที่ชอบ ที่สำคัญ อย่าลืมนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และลองปรับสภาพแวดล้อมด้วยการจัดพื้นที่ทำงานให้ดูน่าทำงาน และจัดให้แยกกับพื้นที่พักผ่อนส่วนตัวไปเลย

 

โรคจากการ Work From Home

3. โรคหมอนรองกระดูกคอ และหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม

เชื่อไหมว่าการนั่งทำงานแบบไม่ถูกสุขลักษณะ ส่งผลเสียไปถึงหมอนรองกระดูกเลยนะ โรคนี้เกิดจากการนั่งทำงานที่โซฟา นั่งทำงานบนเตียงนอน หรือใช้โต๊ะทำงานที่ไม่รองรับสรีระ ซึ่งการวางคอมพิวเตอร์ไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้ต้องก้มตลอดเวลา เท่านั้นยังไม่พอนะ เพราะรวมไปถึงการนั่งผิดท่า นั่งหลังค่อม นั่งนานเกิน 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคนี้เช่นกัน

อาการของโรคนี้ : เริ่มจากการปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดสะบัก เป็นเรื้อรังขึ้นเรื่อย ๆ จนส่งผลต่อกล้ามเนื้อและกระดูก

วิธีแก้ไข : จัดโต๊ะทำงานและเก้าอี้ให้เหมาะสมกับสรีระ นั่งหลังตรง ลุกและขยับ เปลี่ยนท่าทางทุก ๆ 1 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำหนักไม่กดทับบริเวณใดบริเวณหนึ่งนานเกินไป แต่ถ้าปวดหนักมาก เป็นมาก ๆ ควรพบแพทย์ หรือปรึกษานักกายภาพบำบัด

 

โรคจากการ Work From Home

4. โรคกรดไหลย้อน

ทำงานที่บ้านนาน ๆ เข้ามันก็ว่าง มันก็เครียด มันก็ต้องหาของกินมาไว้ใกล้มือ แถมยังต้องมีชา กาแฟ เอาไว้กันง่วงด้วย บางทีกินข้าวแล้วก็ของีบสักหน่อย กินแล้วก็นอนเลย เดี๋ยวจะเลยเวลาพักแล้วลุกมาทำงานไม่ทัน รวมไปถึงความเครียดที่มากเกินไป ส่งผลให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมามากเกินไป ทั้งหมดนี่แหละคือสาเหตุของโรคกรดไหลย้อน

อาการของโรคนี้ : แสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ แล้วลามขึ้นมาที่หน้าอกหรือคอ เรอเปรี้ยว อาการอาจรวมไปถึงการปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก

วิธีแก้ไข : ลดชา กาแฟ พยายามหลีกเลี่ยงการกินแล้วนอน หลีกเลี่ยงความเครียด เคลื่อนไหวร่างกายเยอะ ๆ อย่ากินเยอะเกิน อย่ากินอิ่มจนเกินไป และนอนหมอนสูง 

 

โรคจากการ Work From Home

5. โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

ทำงานจนเพลิน ทำงานติดลม หรือขี้เกียจลุกไปเข้าห้องน้ำ แม้จะปวดก็ตาม ซิสนะ นี่เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และอาจลุกลามไปถึงโรคกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อได้เลยนะ

อาการของโรคนี้ : ปวดปัสสาวะบ่อย แต่เข้าห้องน้ำแล้วออกมาแบบกระปริบกระปรอย รู้สึกปวดแสบขณะปัสสาวะ โดยเฉพาะตอนถ่ายปัสสาวะสุด ปวดบริเวณเอว ท้องน้อย หรือคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย

วิธีแก้ไข : ห้ามอั้น ถ้าปวดปุ๊บให้เข้าห้องน้ำทันที ดื่มน้ำมาก ๆ วันละ 8 – 10 แก้ว เพื่อกระตุ้นระบบขับถ่าย ถ้ากินสับปะรดได้จะดีมาก เพราะสับปะรดมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ช่วยบรรเทาอาการได้

 

ทำงานที่บ้านนาน ๆ ระวังโรคเหล่านี้ให้ดีนะ อย่าลืมดูแลตัวเอง เพราะทุกวันนี้ก็เครียดพอแล้ว ยิ่งถ้าสุขภาพแย่ลงไปอีก คงไม่มีความสุขแน่ ๆ ด้วยความเป็นห่วงนะคะ

 

ข้อมูลจาก โรครว้ายๆวัยทำงาน

Credit Pictures from freepik, share.upmc.com, weheartit.com/h_osejii, Pinterest : ughrxnn / panhxinhkute / mochi_bean , www.wattpad.com

Comments

comments