สวัสดีค่าสาวชาวซิสที่น่ารักทุกคน ช่วงหยุดยาวที่ใกล้จะถึงนี้ ใครไม่รู้จะไปหน เบื่อดูหนังดูซีรีส์ เราขอแนะนำให้ลองมาดูอนิเมชั่นกันซักนิด เพราะวันนี้เรามี “4 อนิเมชั่นที่ช่วยเยียวจิตใจ” จาก Disney+ ในวันที่เหนื่อย มาฝากกัน ลองไปดูกันหน่อยไหมว่า อนิเมชั่นเหล่านี้จะช่วยเยียวจิตใจและความเหนื่อยล้าให้กับเรายังไงบ้าง
รวม “4 อนิเมชั่นที่ช่วยเยียวจิตใจ” จาก Disney+ ในวันที่เหนื่อย
เรื่องที่ 1: Soul
คะแนนที่ได้จาก IMDb: 8/10
รับชมได้ที่: Hotstar
Photo Credit: kwanmanie
อนิเมชั่นที่ช่วยเยียวจิตใจเรื่องแรกเราขอแนะนำ Soul อนิเมชั่นที่คว้ารางวัลเวทีออสการ์เมื่อปี 2020 พูดถึงเรื่องราวของ “โจ” อาจารย์สอนดนตรีชั่วคราว ที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักเปียโนมืออาชีพในวงดนตรีแจ๊ส ทว่าโจได้รับข่าวดีในแบบที่เขาไม่ค่อยยินดีเท่าไร นั่นก็คือ การตอบรับเข้าบรรจุเป็นอาจารย์ประจำ และในวันนั้นเอง ด้วยความที่เขามีความฝันและ Passion อันแรงกล้าในวงดนตรีแจ๊ส ทำให้เขาได้มีโอกาสเข้าไปเล่นดนตรีให้วงแจ๊สชื่อดังในเมืองฟัง และถูกเชื้อเชิญให้เข้าเริ่มวงเป็นครั้งแรก
แต่ทว่าเหมือนเส้นกราฟความโชคดีของโจจะตกลงเร็วไปซักนิด เขาเกิดอุบัติเหตุทำให้วิญญาณของเขาหลุดไปยังอีกโลกหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ทำให้โจต้องตามหาวิธีที่จะกลับคืนเข้าร่างตัวเองและเดินตามความฝันของเขาอีกครั้งหนึ่ง สำหรับเราแล้วอนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่เราคิดว่าน่าจะเหมาะกับผู้ใหญ่ตั้งแต่จบมหาวิทยาลัยเป็นต้นไปดูเสียด้วยซ้ำ เพราะเนื้อหาที่เนื้อเรื่องต้องการบอกเรานั้น จะว่ามันเรียบง่ายก็เรียบง่าย แต่จะว่ามันลึกซึ้งก็ลึกซึ้งมาก
หลายต่อหลายครั้ง คนเรามักมองหาแรงบันดาลใจ จุด Spark Joy ในชีวิต หรือแม้กระทั่ง Passion และ Goal ที่ตั้งไว้ เพราะเมื่อเราทำในสิ่งเหล่านี้ได้แล้ว ความสุขก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม หรือแม้กระทั่งสำหรับบางคนกลับคิดไว้ว่าชีวิตคือการได้ทำตามเป้าหมายที่วางไว้เสียด้วยซ้ำ แต่เอาจริงๆ อนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นเหมือนคำตอบและจุดสังเกตง่ายๆ ในชีวิตของเรา
ที่เรามักมองข้าม
และสิ่งที่อนิเมชั่นที่ช่วยเยียวจิตใจเรื่องนี้กำลังตอบเราง่ายๆ เลยคือ “ทำไมต้องเฝ้าหาและเฝ้าคิดว่าสิ่งนั้นคืออะไร ในเมื่อความสุขและชีวิตคือเรื่องง่ายๆ ระหว่างการใช้ชีวิต” มันอาจจะเป็นแค่การได้ทานอาหารอร่อยๆ สักมื้อ, ได้เล่นดนตรีหรือสิ่งที่ชอบ ได้นั่งมองออกไปริมหน้าต่าง, ได้อยู่กับเพื่อนหรือคนรอบข้าง, ได้ทำอะไรก็ได้กับความสุขที่เกิดขึ้นในชีวิตเล็กๆ น้อยๆ สิ่งเหล่านี้แหละ คือความสุขและการมีชีวิต
เรื่องที่ 2: Inside Out
คะแนนที่ได้จาก IMDb: 8.2/10
รับชมได้ที่: Hotstar
Photo Credit: sanook
“Inside Out” เป็นการ์ตูนอนิเมชั่น Pixar อีกเรื่องหนึ่งที่เราชอบที่สุดในบรรดาการ์ตูนอนิเมชั่นเลยก็ว่าได้ เพราะมันไม่ได้นำเสนอความบันเทิงและความน่ารักในมุมเด็กๆ และกำลังทำให้เราเข้าใจอารมณ์ในเชิงจิตวิทยาที่ผู้ใหญ่อย่างเราก็ควรรู้ด้วยเช่นกัน ว่าด้วยเรื่องราวของไรลีย์ เด็กสาวย่างเข้าอายุ 11 ปี ผู้ที่ร่าเริงแจ่มใส เป็นคนมองโลกในแง่ดี แถมเป็นนักกีฬาฮอกกี้ฝีมือดี กำลังย้ายบ้านไปตามธุรกิจของคุณพ่อไปต่างเมือง
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้เราได้รู้ว่า ในสมองของไรลีย์มีเหล่าอารมณ์ต่าง ๆ คอยควบคุมการทำงานสภาพจิตใจและอารมณ์ ความคิดของเธออยู่ นั่นก็คือ Joy (ความสุข) , Sadness (ความเศร้า) , Anger (ความโกรธ) , Fear (ความกลัว) และ Disgust (ความน่าขยะแขยง) และจากการทำงานที่ผิดพลาดของเหล่าอารมณ์ตัวน้อย จึงส่งผลกระทบต่อไรลีย์ ทำให้เธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
อนิเมชั่นเรื่องนี้ดูแบบผิวเผินเราก็จะได้ลิ้มรสความสนุกสนานเพลิดเพลินตามปกติ แต่ถ้าเรามองให้ลึกลงไปอีกนิด เราจะรู้เลยว่า การ์ตูนเรื่องนี้เป็นอนิเมชั่นที่ช่วยเยียวจิตใจได้ดี พร้อมทั้งยังสอนเรื่องการรับผิดชอบหน้าที่ของแต่ละคนที่มีในการทำงาน มีบ้างละที่เรารู้สึกหงุดหงิดกับคนนี้ กับหน้าที่ และการปฏิบัติงานเหล่านั้น แต่ยังไงเสียสุดท้ายคนเราแต่ละคนย่อมมีหน้าที่ที่แตกต่างกันไป
อีกทั้งการ์ตูนเรื่องนี้ยังสอนให้เรารู้จักเรียนรู้และเข้าใจบุคลิกของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป พฤติกรรม ความชอบต่าง ๆ ของบุคคล มักขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดู สภาพแวดล้อม ครอบครัว เพื่อน รวมถึงการปรับตัวทางอารมณ์ต่าง ๆ ทุกอย่างนี้ หล่อหลอมเราเป็นเราได้ สุดท้ายการ์ตูนเรื่องนี้ยังบอกเราเกี่ยวกับความทรงจำที่ดี อะไรบางอย่างถึงแม้ว่ามันจะมีค่าต่อใจเรามากเพียงใด เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งเหล่านั้นอาจกลายเป็นเพียงความทรงจำ และ จางหายไปในที่สุด เหลือไว้เพียงความรู้สึกที่ดี ไว้ให้คิดถึงเท่านั้นเอง
เรื่องที่ 3: Finding Nemo
คะแนนที่ได้จาก IMDb: 8.1 / 10
รับชมได้ที่: Hotstar
Photo Credit: clubsister
ถ้าให้พูดถึงการ์ตูนอนิเมชั่นที่ช่วยเยียวจิตใจเรื่องแรกๆ ที่เรานึกถึงกันเลยนั้น คงหนีไม่พ้นเรื่องนี้ “Finding Nemo” หรือในชื่อภาษาไทยที่ว่า “ปลาเล็ก หัวใจโต๊โต” เป็นอีกหนึ่งอนิเมชั่นที่ดูผิวเผินอาจจะคิดว่าให้ความสนุกและสร้างสรรค์ในมุมมองเด็กๆ ทั่วไป แต่ถ้าพอเรามานั่งวิเคราะห์บทและสิ่งที่เรื่องนี้ต้องการจะบอกจริงๆ แล้วนั้นอนิเมชั่นเรื่องนี้ให้ข้อคิดและสอนผู้ใหญ่อย่างเราได้ดีไม่น้อยไปกว่าหนังดีๆ สักเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้
เรื่องราวพูดถึง “มาร์ลิน” ปลาการ์ตูนตัวผู้ ผู้มีลูกน้อยกลอยใจ ที่เหมือนสมบัติล้ำค่าของเขาหนึ่งตัวอย่าง “นีโม่” ในวันหนึ่งเขาเกิดผลัดหลงกับลูกและนีโม่ดันถูกมนุษย์ที่กำลังทอดแหอยู่จับตัวไปไว้ในตู้ปลา ทำให้ มาร์ลิน ต้องว่ายน้ำเดินทางออกตามหาตัวลูกชายสุดที่รักของเขา จนบังเอิญไปเจอปลาบลูแทงก์ตนหนึ่งชื่อว่า “ดอรี่” ที่อาสาร่วมเดินทางเพื่อตามหาครอบครัวของมาร์ลิน และนี่คือเรื่องราวการผจญภัยของมาร์ลิน นีโม่ และ ดอรี่ ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
บอกเลยว่าอนิเมชั่นเรื่องนี้เรียกน้ำตาเราได้ไม่น้อยเลยทีเดียว หากมองผิวเผินการ์ตูนเรื่องนี้ให้ความบันเทิงและความสนุกในแบบเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าหากมองให้ลึกลงไป สิ่งที่การ์ตูนเรื่องนี้ต้องการจะสอนเราง่ายๆ จากประโยคคำพูดที่ได้จากตัวละครรองอย่าง ดอรี่ ที่ดูไปดูมาก็ไม่เห็นจะมีอะไร แต่แท้จริงแล้ว เป็นประโยคที่กระตุ้นแรงบันดาลใจและเสริมกำลังใจในวันที่อ่อนล้าได้ดีเลยทีเดียวนั่นก็คือประโยคที่ว่า “Just keep swimming”
เป็นประโยคบทสนทนาธรรมดาที่มาร์ลินถามดอรี่ว่าในวันที่เธอรู้สึกแย่เธอทำยังไง ดอรี่ตอบไปอย่างซื่อๆ ว่า ฉันก็ไม่ได้ทำยังไง ก็แค่ว่ายน้ำต่อไป เหมือนกับกำลังจะบอกผู้ใหญ่อย่างเราว่า ในวันที่เหนื่อยล้าส่งที่ทำได้ง่ายๆ ก็คือ ก็ไม่ต้องคิดอะไรให้มาก เดินหน้าและใช้ชีวิตต่อไปเท่านั้นเดี๋ยวก็จะเจอทางออกเอง
เรื่องที่ 4: Turning Red
คะแนนที่ได้จาก IMDb: 7/10
รับชมได้ที่: Hotstar
Photo Credit: matichonweekly
และอนิเมชั่นที่ช่วยเยียวจิตใจเรื่องสุดท้าย เราขอเอาใจสาวไทยอย่างเราๆ เพราะเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงกรอบระเบียบและวัฒนธรรมที่ชาวเอเชรยถูกปลูกฝังได้เป็นอย่างดี Turning Red เรื่องรางของ เหมยหลิน เธอเด็กสาวชาวจีนที่อาศัยอยู่ในโซน China Town เธอเป็นเด็กเรียนเก่ง เด่นกิจกรรม เรียกได้ว่าแทบจะเป็นตัวท๊อปๆ ของชั่น แถมยังเป็นเด็กดี และที่รักของคนรอบข้าง รวมถึงครอบครัวอีกด้วย
แต่ทว่าภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มและสิ่งที่เหมยหลินเป็นนั้น มาจากกรอบและระเบียบการเลี้ยงดูของแม่ ผู้ซึ่งกำหนดทิศทางไว้ให้เธอมาแต่ไหนแต่ไร จนวันหนึ่งเหมยหลิน กับเพื่อนจิตนาการว่าอยากไปคอนเสิร์ตของวงบอยแบรนด์ชื่อดัง จนเธอเกิดเหตุการณ์ผิดปกติกับร่างกาย จากร่างเด็กสาว กลายเป็น หมีแพนด้าแดงขึ้น และนี่คือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายทั้งหมดที่มี
สำหรับเราแล้ว Turning Red เป็นอนิเมชั่นที่สะท้อนวัฒนธรรมการเลี้ยงดูลูกของชาวเอเชียได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวละ ไม่ว่าจะเป็นการขีดกรอบและจำกัดวิสัยทัศน์ของการเป็นตนเอง การพร่ำสอนให้ใช้ชีวิตทุกอย่าง อย่างเพอร์เฟ็ค การปลูกฝังความชื่นชอบหรือการเจริญเติบโตบางอย่าง
ว่าเป็นเรื่องที่ผิด เป็นด้านที่ไม่ดี แต่ทว่าทั้งหมดที่เราเป็น ที่เรารู้สึกนั้น เป็นตัวเราทั้งสิ้น ความชอบ ความโกรธ ความรักใคร่ ความอยาก หรือ อารมณ์ทุกอย่าง ความต้องการทั้งหมดคือตัวตนของเรา บางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดแค่ รับรู้ ยอมรับ และเข้าใจ กับทุกๆ ด้านที่เราเป็นก็พอ
Stay connected