สวัสดีค่าสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน เหมือนพอทุกคนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตกันแบบปกติ ความเหนื่อยล้า ความ Productivity เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิต อีกทั้งยังต้องกลับมาใช้ชีวิตที่เร่งรีบเร่งรัดเหมือนเคย ดังนั้นวันนี้จะพาทุกๆ คน มาพักกันกับ พักผ่อนแบบ “Hitting Mung เกาหลีใต้” เทรนด์การผ่อนคลายแบบใหม่ของชาว เกาหลีใต้ ที่ว่าอยู่เฉยๆ ใช่ว่าขี้เกียจ! มาดูกันว่ามันเป็นยังไง ปรับใช้กับเราได้ยังไงบ้าง
พักผ่อนแบบ “Hitting Mung เกาหลีใต้” เทรนด์การผ่อนคลายแบบใหม่ของชาว เกาหลีใต้ ที่ว่าอยู่เฉยๆ ใช่ว่าขี้เกียจ!
ก่อนที่เราจะไปเริ่มวิธีการว่า พักผ่อนแบบ “Hitting Mung เกาหลีใต้” เรามาลองดูกันก่อนว่าเทรนด์นี้มันเกิดจากอะไรกัน
Photo Credit: Do Nhu
ที่มาของเทรนด์:
Hitting Mung หรือบางคนรู้จักกันในชื่อ Sitting Mung เป็นคำแสลงที่ให้ความหมายว่า “หัวโล่ง ปลอดโปร่ง บ่อยไหล” ซึ่งความหมายในเชิงนี้ในภาษาอังกฤษและหลักจิตวิทยาบำบัด
ให้ความหมายในเชิงนี้ว่า Spacing Out ฟีลเหมือนปล่อยเบลอ ปล่อยตัว ปล่อยใจไปกับสิ่งรอบๆ
และเทรนด์แบบนี้เดิมทีเคยได้รับคความนิยมมาแล้วในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคนญี่ปุ่นรู้จักการปล่อยวางจิตใจแบบนี้ในชื่อ rui-katsu แต่ทว่าในประเทศญี่ปุ่นจะไม่ใช่แค่การปล่อยจิตปล่อยใจให้ล่องลอยหรือการทำให้สมองโล่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น rui-katsu จะเป็นการให้ปล่อยให้ไปโฟกัสกับความรู้สึกที่อยู่ก้นบึ้งของใจแทน รวมถึงการผ่อนคลายจิตใจแบบนี้ยังเป็นที่นิยมมาตั้งแต่อดีตของศาสนาพุทธนิกายเซนที่พูดถึง การทำจิตใจให้โล่ง รู้สึกความว่างเปล่า และสัมผัสถึงความสงบจากจิตใจ
แต่เทรนด์ Hitting Mung เกาหลีใต้ นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ประเทศเกาหลีใต้เจอวิกฤตการณ์โควิด 19 เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ในช่วงที่ประชากรเกิดความเครียดหนักกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ด้วยเหตุนี้เทรนด์การจ่ายเงินเพื่อไปนั่งเฉยๆ อย่าง Hitting Mung จึงถูกก่อกำเนิดขึ้น
Photo Credit: Ilse
พักผ่อนแบบ “Hitting Mung” ทำอย่างไร:
การพักผ่อน หรือ ผ่อนคลายจิตใจแบบ Hitting Mung นั้น เป็นการนำตัวเองไปพักผ่อนที่คาเฟ่หรือร้านอาหารเงียบๆ ที่มีวิวป่า วิวธรรมชาติ พูดง่ายๆ คือ ไปพักผ่อนในที่ที่มีธรรมชาติห้อมล้อม อย่างทุ่งหญ้า ภูเขา ทะเล น้ำตก สารธาร แล้วนั่งเฉยๆ มองดูธรรมชาติไปเรื่อยๆ แบบไม่ต้องคิดอะไร ดื่มด่ำกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า โดยที่ต้องไม่มีเครื่องมือสื่อสาร สิ่งที่ Distract จิตใจ เป็นเวลา 30 นาที
ซึ่งในประเทศเกาหลีใต้นั้น มีบริการเช่าพื้นที่ ให้กับสำหรับ Hitting Mung โดยเฉพาะ ซึ่งทางร้านจะมีพื้นที่หรือห้องแบบ Private ให้กับลูกค้าเข้าบริการ ซึ่งเมื่อจะเข้าใช้บริการทางร้านจะให้ฝากโทรศัพท์มือถือและเครื่องมืออเล็คทรอนิคทั้งหมดเอาไว้ก่อน นอกจานั้นทางร้านจะมีบริการชา พร้อมทั้งสมุดกับปากกา เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้จดบันทุกสิ่งที่อยู่ในหัวหรือหากเกิด idea อะไรดีๆ จะได้บันทึกไว้ได้ทัน
หรือหากทางร้านไหนที่ไม่มีวิวธรรมชาติ ก็จะมีบริการเปิด VDO แบบสั้นๆ พร้อมเสียงที่ให้สัมผัสถึงธรรมชาติได้ง่ายขึ้นแทน โดยราคาในการใช้บริการของ Hitting Mung ที่เกาหลีนั้นจะอยู่ที่ 200 – 3,000 บาทต่อ โดยขึ้นอยู่กับราคาและ promotion ของแต่ละร้าน
Photo Credit: Tobias Tullius
แล้วในไทยทำ Hitting Mung แบบเกาหลีใต้ ได้ไหม:
หากสาวๆ ท่านใดที่อ่าน Concept ของการพักผ่อนแบบนี้แล้ว เกิดสนใจขึ้นมา แต่ทว่าในประเทศไทยไม่มีสถานที่ Hitting Mung เหมือนในประเทศเกาหลีใต้ ละก็ จริงๆ แล้วเราก็สามารถทำ Hitting Mung ได้เหมือนกัน อย่างเช่นการพาตัวเองไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ พื้นที่สีเขียว โดยปิดโทรศัพท์มือถือ หรือไม่พกโทรศัพท์ไป นั่งเฉยๆ มองเมฆ มองต้นไม้
หรือแม้กระทั่งการมองหาพื้นที่ใหม่ๆ ภายในบ้าน ที่ออกจาก Working Zone หรือมุมที่เรานั่งทำงานปกติ พร้อมทั้งจำกัดสิ่งรบกวนต่างๆ อย่างโทรศัพท์ แท็ปเล็ต คอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งคนในบ้าน ให้นำตัวเองออกมาจากสิ่งเหล่านี้ และอยู่คนเดียว
นอกจากการให้ตัวเองออกจากสิ่งรบกวนและพาตนเองไปยังที่ใหม่ หรือที่ที่ธรรมชาติแล้ว
ให้หาตัวช่วยที่สามารถช่วยให้เราผ่อนคลายมากขึ้น อย่างการฟังเพลงที่เป็น Nature Sound , Deep Focus Music ต่างๆ เพลงบรรเลงเบาๆ ก็สามารถช่วยในส่วนนี้ได้ดี และอาจจะเสริมเครื่องดื่มชาร้อน กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่เราชื่นชอบไว้ด้วยก็ได้เช่นกัน
Photo Credit: Andriyko Podilnyk
ประโยชน์ของการทำ Hitting Mung:
จริงๆ แล้วการทำ Hitting Mung นั้นได้ประโยชน์ในอื่นๆ นอกเหนือจากการพักผ่อนและเยียวยาจิตใจๆ ด้วย เช่นการช่วยให้สมองหยุดการทำงานหรือรับข้อมูลข่าวสารที่หนักในแต่ละวัน เหมือนเป็นกัน Restart พื้นที่สมองของเราให้ flow มากยิ่งขึ้น กำจัดความเครียดและผ่อนคลายอารมณ์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและการทำงานของสมองได้ในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยให้เรามีสมาธิมากขึ้นอีกด้วย
ดังนั้นในบางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องทำตัว Productive หรือทำอะไรทุกอย่างอย่างรวดเร็วตลอดเวลา หากเหนื่อยหรือล้า ก็แค่หาพื้นที่สงบๆ ปล่อยวางอารมณ์และจิตใจดูบ้าง เพียงเท่านี้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ก็จะช่วยเยียวยาเราได้เอง หรือหากใครคิดว่าไม่มีเวลาที่จะออกไปหาพื้นที่แบบนี้เลย ลอง Social Detox แล้วเปิดเพลงที่เป็นเสียงธรรมชาติ หลับตาลงซักนิด และให้เสียงของธรรมชาติได้เยียวความรู้สึกของเราไปก็ไม่เลวเหมือนกัน
Sources:
Stay connected