เคยเป็นกันไหม !? พยายามออกกำลังกาย คุมอาหารอย่างเคร่งครัดแค่ไหน แต่ไขมันส่วนเกินก็ไม่ยอมลดสักที จนบางทีก็ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยท้อ หมดกำลังใจ และหมดความมั่นใจ ใครที่กำลังรู้สึกแบบนี้ ต้องดูเลยค่ะ วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับนวัตกรรมที่เรียกว่า เมโสแฟต ซึ่งจะช่วยสลายไขมันตามจุดที่เราต้องการ
เมโสแฟต คืออะไร ? ช่วยลดได้จริงไหม ช่วยลดส่วนไหนบ้าง
ฉีดเมโสแฟตสลายไขมันแล้วไม่เกิดผลจากอะไร?
ฉีดเมโสแฟตสลายไขมันแล้วไม่เกิดผล อาจเป็นเพราะเราไม่ได้เข้ารับบริการกับคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ และใช้ตัวยาที่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย. อย่างถูกต้อง เราจำเป็นต้องศึกษาให้ดี เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการปรับรูปหน้า เพื่อให้สามารถประเมินปริมาณการใช้ยาได้เหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดอันตรายหลังฉีดได้อีกด้วย
เมโสแฟตคืออะไร ใช้ฉีดตรงไหนได้บ้าง
เมโสแฟต Meso Fat คือ ตัวยาลดไขมันส่วนเกินเพื่อกระชับสัดส่วน โดยประกอบไปด้วยสารยาที่มีคุณสมบัติเร่งการเผาผลาญไขมัน รวมถึงช่วยลดกระบวนการเกิดเซลล์ไขมันใหม่ ได้แก่
- แอลคาร์นิทีน (L-Carnitine) มีคุณสมบัติช่วยเปลี่ยนเซลล์ไขมันให้กลายเป็นพลังงาน รวมถึงสลายไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนัง ทำให้บริเวณที่มีไขมันส่วนเกินมีขนาดเล็กลงเมื่อไขมันถูกสลายออก
- เมโสสตาบิล (Mesostabyl) ลดการเกิดเซลล์ไขมันใหม่และคอเลสเตอรอลในชั้นเนื้อเยื่อ
- ไทโรซีน (Tyrosine) เร่งการเผาผลาญไขมันของร่างกายให้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ไขมันแตกตัวเล็กลงและถูกขับออก
- สารสกัดอาร์ติโชค (Artichoke extract) ลดการสร้างกรดไขมันและระดับไขมันแบบเฉพาะจุด เหมาะกับคนที่น้ำหนักตัวเกิน ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด ฉีดลดแก้ม หรือต้องการลดเซลลูไลท์
ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมฉีดบริเวณแก้ม เหนียง เพื่อให้กรอบหน้าดูชัดและหน้าเร็วเล็กลง นอกจากนี้ยังสามารถฉีดบริเวณอื่นๆได้อีก เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง น่อง และสะโพก
หลังจากฉีดแล้ว ไขมันจะสลายได้อย่างไร
เมื่อฉีดเมโสแฟตแล้ว ตัวยาจะเข้าไปจับไขมันส่วนเกินภายในร่างกาย หลังจากนั้นไขมันจะละลายและถูกขับออกไขมันตามกลไกธรรมชาติของร่างกาย เช่น ปัสสาวะ อุจจาระ หรือเหงื่อ ดังนั้นหลังจากฉีดเสร็จแพทย์จะแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เนื่องจากไขมันจะถูกขับออกทางปัสสาวะและเหงื่อเป็นหลัก หากดื่มน้ำมาก มีการปัสสาวะมากจะยิ่งทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วยิ่งขึ้น
เมโสแฟตมีกี่แบบ แล้วควรเลือกแบบไหนดี
ก่อนตัดสินใจฉีดเมโสแฟตนั้นคนไข้ควรทราบก่อนว่าเมโสแฟตนั้นมีกี่แบบ ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถพบได้ 4 แบบที่ถูกจำแนกด้วยส่วนผสมหลักในตัวยา ดังนี้
1. กลุ่มสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น กรดอะมิโน ที่เป็นสารที่พบได้ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งเป็นประเภทที่แพทย์หลายๆ คนต่างแนะนำเนื่องจากสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ดี เห็นผลไว มักพบอาการดื้อยาในอนาคตได้น้อย นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยให้ผิวมีความกระชับได้ดีอีกด้วย
2. กลุ่มที่มีส่วนผสมของเอมไซน์ไฮยาลูโรนิคเดส (Hyaluronidase) ที่เป็นสารเอาไว้ใช้ฉีดสลายฟิลเลอร์ โดยการทำงานตัวสารจะเข้าไปทำลาย HA (Hyaluronic acid) ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อผิวอย่างมากเพราะจะให้ผิวขาดน้ำ ผิวขาดความยืดหยุ่น นำไปสู่ริ้วรอย ร่องลึกได้ง่าย
3. กลุ่มส่วนผสมของสเตียรอยด์ กลุ่มนี้แพทย์ไม่แนะนำเพราะอาจเกิดการดื้อยาและเกิดปัญหาผิวติดสารสเตียรอยด์ได้ในอนาคต
4. กลุ่มส่วนผสมของถั่ว ไข่แดง ประเภทนี้ไม่เหมาะอย่างยิ่งกับคนที่มีประวัติแพ้ถั่วและไข่แดง ซึ่งอาจก่อนให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองจนสร้างความอันตรายถึงชีวิตได้
ข้อดี-ข้อเสียของเมโสแฟตมีอะไรบ้างที่ควรรู้ก่อนฉีด
ในส่วนของการฉีดเมโสแฟตนั้นก็มีประเด็นในเรื่องของข้อดีและข้อเสียอยู่ ดังนั้นก่อนทำคนไข้ควรทำการศึกษาหาข้อมูลให้ดีและครบถ้วน
ข้อดีของเมโสแฟต
– ช่วยลดไขมันในจุดที่ต้องการได้
– ใช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน เพียงแค่ 15-30 นาทีเท่านั้น
– หลังฉีดไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
– มีผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง ส่วนใหญ่มักจะมีแค่อาการบวมจากการทำปฏิกิริยาระหว่างตัวยา
– มียี่ห้อเมโสแฟตให้เลือกหลายยี่ห้อ สามารถเลือดได้ตามความต้องการและความเหมาะสมของร่างกาย แต่ทางที่ดีควรให้แพทย์ช่วยแนะนำให้
ข้อเสียของเมโสแฟต
– ไม่สามารถควบคุมได้ว่าร่างกายจะตอบสนองต่อตัวยาได้ดีมากน้อยแค่ไหน
– หากต้องการเห็นผลลัพธ์แบบชัดเจนควรฉีดอย่างต่อเนื่อง 3-5 ครั้งขึ้นไปอย่างสม่ำเสมอ
– ผลลัพธ์หลังฉีดไม่สามารถอยู่ได้แบบถาวร ดังนั้นจึงควรฉีดอย่างต่อเนื่องเพื่อคงผลลัพธ์ไว้
– หลังฉีดอาจมีผลข้างเคียง เช่น อาการหน้าบวม ซึ่งจะขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละรายว่าจะบวมมากน้อยแค่ไหน
แนะนำยี่ห้อเมโสแฟตที่ฉีดแล้วปลอดภัย
ปัจจุบันประเทศไทยมียี่ห้อเมโสแฟตที่ผ่านการรองรับจากอย.มาแล้ว 9 ยี่ห้อด้วยกันคือ VNS, Filorga, V Line, Sisi, Phytobella, FNC30, Noble, BABI Neo One และ Mesoestetic ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แต่จะขอแนะนำถึง 3 ยี่ห้อยอดฮิตในตอนนี้และนั่นก็คือ
1. ยี่ห้อ Mesoestetic เป็นยี่ห้อจากประเทศสเปน เป็นที่นิยม มีงานวิจัยหลายตัวรองรับ นอกจากนั้นยังช่วยแก้ปัญหาเซลลูไลท์ ช่วยลดจำนวนเซลล์ไขมัน และช่วยยกกระชับผิวได้ดีมากๆ อีกด้วย
2. ยี่ห้อ FNC30 ตัวนี้เหมาะมากกับคนที่มีปัญหาแก้มเยอะ เพราะช่วยในการสลายไขมันและช่วยยกกระชับผิวหน้าได้ดี นอกจากนั้นระหว่างฉีดจะรู้สึกแสบเพียงเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น
3. ยี่ห้อ babi-lone เป็นเมโสแฟตจากประเทศเกาหลี เป็นเมโสแฟตกลุ่มส่วนผสมจากธรรมชาติ ช่วยยกกระชับผิว พร้อมกระชับรูขุมชนได้ดีมากๆ
ระหว่างสลายไขมันด้วยเมโสแฟตกับดูดไขมันออก แบบไหนดีกว่า
การฉีดเมโสแฟตและการดูดไขมันมีกระบวนการที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ซึ่งการฉีดเมโสแฟตคือการฉีดสารยาลงไปใต้ผิวไม่ต่างจากการฉีดยาทั่วไป หลังจากนั้นผู้เข้ารับบริการก็สามารถกลับบ้านได้ทันที และมีการดูแลตนเองต่อเพียงเล็กเล็กน้อย เช่น งดอาหารที่มีไขมันสูง งดวิตามินบางกลุ่มชั่วคราว หมั่นออกกำลังกายบ่อยๆ ส่วนผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 3 เดือน
ส่วนการดูดไขมันจะมีกระบวนการคล้ายกับการผ่าตัดเล็กๆ โดยอาจจะมีการจ่ายยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ หรืออาจให้ยาสลบกับผู้เข้ารับบริการก่อนเริ่มทำหัตถการ ซึ่งวิธีการดูดไขมันจะเป็นการสอดท่อเล็กๆ ลงไปใต้ผิวเพื่อดูดไขมันส่วนเกินออกมา และอาจต้องมีการเย็บแผล รวมถึงต้องมีการนัดตรวจเพื่อติดตามผลการรักษาอีกด้วย
ดังนั้นการทำหัตถการทั้งสองค่อนข้างมีความแตกต่างกัน การดูดไขมันมีโอกาสทำให้รู้สึกเจ็บได้มากกว่า และอาจทำให้เกิดอาการช้ำ บวม หรือผิวหนังอักเสบได้มากกว่า ในขณะที่การฉีดเมโสแฟตจะมีเพียงอาการผิวบวมแดงบริเวณที่ฉีดยาประมาณ 1-2 วันเท่านั้น หลังจากนั้นก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
เมโสแฟตเหมาะกับใคร
การฉีดเมโสแฟตนั้น เหมาะกับกลุ่มคนหลายๆ กลุ่มด้วยกัน ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุดในร่างกาย ดังนี้
- ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินและต้องการกำจัดไขมันออกเฉพาะจุด
- ผู้ที่ออกกำลังกายมาอย่างต่อเนื่องแต่สัดส่วนไขมันตามร่างกายและใบหน้ายังไม่ลดลง
- ผู้ที่ต้องการลดไขมันอย่างเร่งด่วน และมีงบประมาณไม่สูงนัก
- ผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนไขมันโดยไม่ใช้การผ่าตัดและไม่ต้องการพักฟื้น
- ผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
ขั้นตอนการฉีดเมโสแฟต
การฉีดเมโสแฟตโดยทั่วไปแล้วจะมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่คนไข้จะต้องมีการเตรียมตัวมาให้พร้อม เช่น การพักผ่อน การทานอาหารก่อน รวมไปถึงการดูแลตัวเองตามข้อแนะนำดังนี้
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้แพทย์ได้ประเมินไขมันส่วนเกินและบริเวณที่ต้องการให้กระชับมากขึ้น
- แพทย์จะประเมินยี่ห้อ ปริมาณ และอาจรวมถึงจำนวนครั้งในการมาฉีดเมโสแฟตให้เห็นผลตามความต้องการของผู้เข้ารับบริการ
- พยาบาลจะความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีดเมโสแฟต และมีการประคบน้ำแข็งเพื่อให้เกิดความรู้สึกชาชั่วขณะหลังจากนั้นแพทย์จะเริ่มฉีดเมโสแฟตให้ตามปริมาณที่เหมาะสม โดยปกติแล้วจะใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที
เห็นผลภายในกี่วัน อยู่ได้นานแค่ไหน
หลังจากฉีดเมโสแฟตไปแล้วตั้งแต่ภายใน 1-2 สัปดาห์แรก แต่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงและได้รับผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดเมื่อครบ 1 เดือน และผลลัพธ์จะคงสภาพอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันเดิมของคนไข้และการดูแลตัวเอง ซึ่งหากต้องการเห็นผลชัดเจนและรวดเร็วมากขึ้น ในช่วงแรกควรจะฉีดเดือนละ 2-4 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันเดิมซึ่งสามารถให้แพทย์ช่วยประเมินได้
หลังฉีดเมโสแฟตไขมันจะกลับมาอีกไหม?
คำตอบคือสามารถกลับมาอีกได้ ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดว่าคนไข้มีการเลือกทานอาหารที่ส่งผลต่อการสร้างเซลล์ไขมันเช่น ของมันของทอด รวมไปถึงคนไข้มีการควบคุมน้ำน้ำออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอไหม และคนไข้มีการการเพิ่มน้ำหนักมากน้อยแค่ไหนเพราะหากมีน้ำหนักที่เพิ่มมากก็อาจส่งผลทำให้เกิดการสร้างเซลล์ไขมันในจุดที่ไม่ต้องการได้มากเช่นกัน ดังนั้นการดูแลตัวเองให้ดีอย่างการควบคุมอาหาร ออกกำลังกายรวมไปถึงการกลับมีดเมโสแฟตเพื่อคงผลลัพธ์เดือนละ 1 ครั้งก็จะช่วยป้องกันการเกิดไขมันได้อีกในระดับหนึ่ง
สรุป
การฉีดเมโสแฟต เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการกำจัดไขมันส่วนเกินตามร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายแล้วสัดส่วนไม่ลดลงหรือต้องการนำไขมันส่วนเกินออกด้วยวิธีเร่งด่วน นอกจากจะนิยมฉีดบริเวณแก้มและเหนียงแล้ว ยังมาสามารถฉีดส่วนอื่นๆได้อีกด้วยเช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง น่อง และสะโพก แต่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงและได้รับผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดเมื่อครบ 1 เดือน และผลลัพธ์จะคงสภาพอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันเดิมของคนไข้
Stay connected