สวัสดีค่าสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เราได้ฟัง Podcast ตอนนึงที่พูดถึงการแสดงออกในเรื่องความรัก ที่บางครั้ง การแสดงออกทางความรักที่เราเข้าใจนั้น บางคนอาจคิดว่ามันมีอยู่ไม่กี่อย่าง ก็คงมีการบอกรัก การกระทำ และด้วยความสงสัยนี้ทำให้ Clubsister อยากชวนสาวๆ มาทำความรู้จักกับ “รักนี้จะเวิร์คไหมมาลองเรียนรู้ ภาษารัก ทั้ง 5 กันเถอะ” เราจะพาสาวๆ ไปรู้จักกับการแสดงของความรักอย่าง The Five Love Languages เพื่อเรียนรู้การแสดงออกทางความรักที่แตกต่างกันออกไป 

 

“รักนี้จะเวิร์คไหมมาลองเรียนรู้ ภาษารัก ทั้ง 5 กันเถอะ”

 

The Five Love Languages หรือ ภาษารัก ทั้ง 5 นี้เป็นทฤษฎีการสื่อสารและการแสดงออกทางความรัก ของ Gary Chapman ผู้ให้คำปรึกษาทางด้านความรักและความสัมพันธ์ เขาค้นพบทฤษฎีนี้จากการรักษาและให้คำปรึกษาคนไข้และผู้ที่เข้าบำบัดหลากหลายคู่ ถึงความแตกต่างและการเข้าใจผิดทางด้านการแสดงออกในเรื่องความรัก ไม่ว่าจะเป็นคู่สามี – ภรรยา, ครอบครัว, เพื่อน หรือ แม้กระทั่งเพื่อนร่วมงานก็ตาม

ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจการแสดงออกซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดความไม่เข้าใจ จนสู่การแตกหักในที่สุด ด้วยเหตุนี้ทำให้ Gary ค้นคว้าและสังเกตพฤติกรรมการแสดงของคู่รักที่แตกต่างกันไป โดยมีวิธีการแสดงออกทั้งหมด 5 แบบดังนี้

 

ภาษารักที่ 1: Words of Affirmation

รูปแบบ: การแสดงออกทางด้านคำพูด
ยกตัวอย่าง: การบอกรัก

ภาษารัก

เอาละค่ะ วิธีการแสดงออกทางความรักในรูปแบบหนึ่งที่ส่วนตัวเรามองว่า ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องสัมผัสได้ หรือ คุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้มานับไม่ถ้วน นั่นก็คือ “การแสดงออกทางด้านคำพูด” ซึ่งภาษารักข้อที่ 1 เรียกว่า “Words of Affirmation” ซึ่งการแสดงออกนี้อาจจะไม่ใช่แค่การบอกรักอย่างเดียว รวมไปถึงการแสดงความห่วงใย หรือ แสดงความรู้สึกที่มีของตนให้กับคนข้างๆ ด้วยการพูดด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น รักนะ, วันนี้เธอน่ารักจังเลย, คิดถึงจังเลย, เป็นห่วยนะคะ เป็นต้น

โดยการแสดงออกเหล่านี้เป็นการแสดงออกในแบบทางตรง ที่จะทำให้คนข้างๆ หรือผู้ทีฟังนั้น สัมผัสและเข้าใจความหมายได้อย่างชัดเจน บางคนก็ชอบที่จะได้ยิน หรือ ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ เพราะคิดว่าการพูดให้เข้าใจง่ายกว่าการสังเกตเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่สำหรับบางคน (รวมถึงตัวนัก้เขียนเอง) คิดว่าการพูดจาหวานๆ แบบนี้ ก็ไม่ค่อยปลื้มใจเสียเท่าไร อาจเพราะเราชอบการแสดงออกในรูปแบบอื่นมากกว่า หรือ แม้กระทั่งบางคนมองว่าการแสดงออกในแบบนี้ ไม่ว่าใครๆ ก็สามารถพูดได้ อย่างที่บางคนเชื่อว่า “การกระทำ สำคัญกว่าคำพูด” นั่นเอง

 

ภาษารักที่ 2: Quality Time

รูปแบบ: การใช้เวลาอยู่ร่วมกัน
ยกตัวอย่าง: การดูหนังด้วยกัน, ออกไปท่องเที่ยวด้วยกันสองคน

ภาษารัก

ต่อไปเป็นภาษารักที่ส่วนตัว (ตัวนักเขียนเอง) ชอบแสดงออกในช่วงเวลาแบบนี้ หรือ ชอบให้คนรักแสดงออกกับเราแบบนี้ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ “Quality Time” หรือเข้าใจง่ายๆ คือ การใช้เวลาร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ส่วนตัวเรามองว่า “เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าเหนืออะไรใดๆ” การรักกันไม่จำเป็นต้องตัวติดกันตลอดเวลา คนรักกันไม่ได้หมายถึงต้องอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง การให้อีกฝ่ายได้มี Space หรือพื้นที่สำหรับตัวของเขาเอง คือ ดีที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน ก็ควรมีเวลาพิเศษสำหรับเราสองคน
เพื่อใช้เติมความหวาน เติมเรื่องราวของเราเข้าไปเป็นหนึ่งในชีวิตกันและกันบ้าง

อย่างเช่น การใช้เวลาว่างดูหนังที่ชอบด้วยกัน, การหาวันหยุดไปท่องเที่ยวพักผ่อนด้วยกัน 2 คน, การออกไปขับรถเล่น หาร้านอาหารดีๆ นั่งทานด้วยกัน แค่นี้ก็ถือว่าเป็นการแสดงออกทางความรักในรูปแบบหนึ่งได้แล้ว

 

ภาษารักที่ 3: Receiving Gifts

รูปแบบ: การให้และได้รับของขวัญ
ยกตัวอย่าง: การซื้อของขวัญที่คนรักอย่างได้

ภาษารัก

ภาษารักข้อต่อไปนี้เราขอเอาใจสายเปย์ สายทุ่ม สายผู้ให้ เพราะ การแสดงออกทางความรักข้อนี้คือ “Receiving Gifts” การให้หรือได้รับของขวัญจากคนรัก เราเชื่อว่าจะมีคนรักหลายคนที่ชอบซื้อของ โน้นนี่ให้กับแฟน ฟีลแบบเดินไปที่นี่เจอของสิ่งนี้ ก็คิดว่า แฟนเราใส่น่าจะน่ารัก, ของอันนี้แฟนเราได้น่าจะดีใจแน่เลย เป็นต้น

อาจจะไม่ใช่ของที่มีราคาหรือเป็นแบรนด์ รวมถึงการซื้อของเล็กๆ น้อยๆ อย่างขนม, เครื่องดื่มด้วยเช่นกัน เมื่อมีคนให้ก็มีคนรัก สำหรับคนรักบางคน ก็ชอบการแสดงออกอย่างการที่แฟนซื้อของให้เรา บางคนมองว่าเขาใส่ใจและรู้ใจว่าเราชอบหรือสนใจอะไรเป็นต้น

 

ภาษารักที่ 4: Act of Service

รูปแบบ: การบริการ
ยกตัวอย่าง: ขับรถไปรับไปส่ง, ดูแลบ้านให้เวลาที่เราไม่ว่าง

ภาษารัก

ภาษารักในข้อนี้เป็นอีกหนึ่งภาษรักที่ ส่วนตัวเราชอบที่จะทำให้ (ฮ่าๆ) และเราคิดว่าเป็นมุมที่ลึกซึ้ง และสอดคล้องกับประโยคในข้อแรกที่ว่า “การกระทำสำคัญกว่าคำพูด” เพราะการกระทำบอกอะไรหลายๆ อย่างได้ชัดเจน และเสียงดังกว่า (ความคิดเห็นส่วนตัว) และเรื่องนี้คือ “Act of Service” หรือการบริการ พูดง่ายๆ คือการใส่ใจและเรื่องเล็กๆ

ยกตัวอย่างเช่น การขับรถไปรับไปส่ง, การช่วยงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน, การจัดเตรียมอาหาร ดูแลเรื่องส่วนตัวในชีวิตประจำวัน สำหรับเรานั้นคิดว่าข้อนี้ เป็นอีกหนึ่งการแสดงออกทางความรักที่น่ารัก และสัมผัสได้ถึงความใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อย ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

ภาษารักที่ 5: Physical Touch

รูปแบบ: การสัมผัส
ยกตัวอย่าง: การกอด, การจับมือ

ภาษารัก

และภาษารักในข้อสุดท้าย อาจจะถูกใจสาย Skinship เพราะเป็นการแสดงออกทางความรักที่น่ารักไม่หยอกเหมือนกัน นั่นก็คือ “Physical Touch” หรือการสัมผัสทางกาย คู่รักบางคนชอบที่จะกอด, หอมแก้ม, เดินจับมือ สัมผัสร่างกายไม่ว่าจะเป็นแก้ม ตัว หรือแม้กระทั่งการมี Sex ก็ถือเป็นการแสดงออกทางความรักในรูปแบบหนึ่ง

 

เอาละค่ะ หากใครที่สงสัยว่า เอ้ … แล้วตัวเรานั้นเป็นคนแสดงออกภาษารักในรูปแบบไหน และ ชอบการแสดงออกในรูปแบบไหน ก็สามารถเข้าทำแบบสอบถามตามนี้ได้เลย The Five Love Languages Test เพื่อจะได้เข้าใจและปรับจูนการแสดงออกในเรื่องนี้ซึ่งกันและกันได้ค่า ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตรงนี้ และพบกันใหม่บทความหน้าค่า บ๊ายบาย 

 

Sources:

 

Photo Credits:

Comments

comments