ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “การโกหก” และ “การหลอกลวง” เป็นพฤติกรรมของมนุษย์ทั่วไป จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มีการวิจัยเพียงเล็กน้อยว่า ผู้คนโกหกบ่อยเพียงใด ผลสำรวจของ Reader’s Digest เมื่อปี 2547 พบว่ามีคนมากถึง 96% ที่ยอมรับว่า เลือกที่จะโกหกบ้างในบางครั้ง แน่นอนว่าสัญญาณว่ามีคนโกหก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถอดรหัส และไม่มีทางระบุได้ 100% ว่าคนนี้ซื่อสัตย์หรือไม่ และแม้ว่าจะไม่มีสัญญาณบอกง่าย ๆ ว่ากำลังมีคนไม่ซื่อสัตย์ แต่โชคยังดีที่มีสัญญาณ ที่สามารถมองหาได้ เมื่อพยายามจับการโกหก เราลองมาดู วิธีสังเกตสัญญาณคนโกหก ที่เอามาฝากวันนี้สักหน่อย เผื่อจะมีประโยชน์บ้าง
“คุณรู้หรือไม่ว่ามีเพียง 54% ของการโกหกเท่านั้น ที่สามารถตรวจจับได้อย่างแม่นยำ”
(Vanessa Van Edwards ผู้เขียนหนังสือหนังสือขายดี Captivate และผู้ก่อตั้งและผู้ตรวจสอบหลักของ Science of People กล่าว)
9 วิธีสังเกตสัญญาณคนโกหก
ความจริงก็คือคนส่วนใหญ่อาจจะโกหกเป็นครั้งคราว การโกหกเหล่านี้บางส่วนก็เป็นการโกหกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีจุดประสงค์เพื่อ ปกป้องความรู้สึกของคนอื่น เช่น “แกไม่อ้วนนะ!” แต่ก็มีกรณีที่เป็นการโกหกร้ายแรง เช่น การโกหกประวัติ การปกปิดอาชญากรรม Red Flags! สัญญาณของการโกหก Dr.Lillian Glass ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับภาษากาย บอกว่า
“คนโกหกส่วนมาก มักจะมีพฤติกรรมที่บ่งบอกว่าพวกเขากำลังโกหกอยู่ ไม่ว่าจะเป็น สีหน้า ท่าทาง หรือลักษณะการพูด”
พูดไม่ออก คลุมเครือ ให้รายละเอียดเล็กน้อย
เมื่อถูกขอให้บอกเหตุการณ์ ถ้าคนนั้นกำลังโกหก หรือปิดบังอะไรอยู่ คุณจะสังเกตเห็นว่า มันเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขา ที่จะบอกเล่าออกมาให้ชัดเจน เพราะเมื่อเวลาคนเราเครียด หรืออยู่ภายใต้ความกดดัน มักจะทำให้จัดลำดับคำพูดได้ไม่ชัดเจน ไม่สามารถโฟกัสกับรายละเอียด ของเรื่องราวที่กำลังจะสร้างขึ้นใหม่ได้ และระบบประสาทจะลดการไหลของน้ำลาย ในช่วงเวลาที่มีความเครียดโดยอัตโนมัติ ซึ่งแน่นอนว่าทำให้เยื่อเมือกในปากแห้ง พูดไม่สะดวก
ถามซ้ำก่อนตอบ
อาการนี้เกิดขึ้นเพราะ พวกเขาพยายามซื้อเวลาให้ตัวเอง เป็นวิธีการพยายามรวบรวมความคิด เพื่อเรียบเรียงคำตอบที่เตรียมไว้ เกลี้ยกล่อมคุณและตัวเอง ในบางคนอาจพูดประโยคเดิมซ้ำไปมา เช่น ไม่รู้.. ไม่รู้.. , ไม่ใช่.. ไม่ใช่..
มีข้อมูลไม่พอให้พูด
เมื่อให้เล่าถึงรายละเอียดของเรื่องราวต่าง ๆ แล้วถามว่า “มีอะไรอีกไหม” ถ้าเป็นเรื่องจริง รายละเอียดจะถูกเปิดเผยออกมาเรื่อย ๆ แต่เมื่อคนโกหกถูกขอให้ตอบคำถาม หรือให้รายละเอียดเพิ่ม มากกว่าเรื่องที่เตรียมไว้ มักจะจะมีรายละเอียดอื่น ๆ น้อยกว่าคนที่พูดความจริง หรือบางทีก็ไม่มีเลย ผู้พูดความจริงจะยึดติดกับเรื่องราวเดิม ในขณะที่ให้รายละเอียดมากขึ้น แต่ผู้ที่โกหกมักจะสะดุด โดยไม่เพิ่มรายละเอียดให้กับต้นฉบับ และไม่สามารถให้รายละเอียดเฉพาะ เมื่อเรื่องราวถูกท้าทาย
พูดมาก
เมื่อมีคนพูดไปเรื่อย ๆ และให้ข้อมูลกับคุณมากเกินไป เป็นข้อมูลที่ไม่ได้ร้องขอ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งรายละเอียดที่มากเกินไป มีความเป็นไปได้สูงมากที่เขา จะไม่ได้บอกความจริงกับคุณ เพราะ “คนโกหกมักพูดมาก” นักวิจัยจาก Harvard Business School ระบุว่า คนโกหกที่พยายามหลอกลวง มักจะขยายความด้วยคำพูดที่มากเกินไป
เนื่องจากคนพูดโกหก จะต้องประกอบเรื่องราว โดยมักใส่รายละเอียดมากเกินไป เพื่อโน้มน้าวใจตัวเองหรือคนอื่น ๆ โดยหวังว่าการพูดคุยที่ดูเหมือนเปิดเผย อาจจะช่วยให้คนอื่นเชื่อในเรื่องที่พวกเขาพูด พวกเขายังอาจประดับประดาด้วยคำพูดสวยหรู ที่บุคคลที่พูดความจริงไม่คิดว่าจะใส่เพิ่มลงไป
กระสับกระส่ายมากเกินไป
ลองนึกถึงเด็ก ๆ เวลาทำผิดแล้วต้องโกหก พวกเขาอาจเลียริมฝีปาก ดูเล็บ หรือแม้แต่จับมือ แล้วเล่าเรื่องโกหกที่ใหญ่โต สิ่งที่เกิดขึ้นคือการตอบสนอง ต่อความวิตกกังวล พวกเขาอาจพยายามสงบสติอารมณ์ โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังกระสับกระส่ายอยู่ หรือกำลังคิดหาทางออก ซึ่งทั้งหมดอาจชี้ไปที่ ความกังวลใจเกี่ยวกับการโกหก
เอามือปิดปาก
สัญญาณปากโป้งของการโกหกคือ คน ๆ หนึ่งจะเอามือปิดปากโดยอัตโนมัติ เมื่อพวกเขาไม่ต้องการจัดการ กับปัญหาหรือการตอบคำถาม พวกเขาจะเริ่มเอามือปิดปากโดยอัตโนมัติ มันหมายความว่าพวกเขาไม่ได้เปิดเผยทุกอย่าง พวกเขาแค่ไม่ต้องการบอกความจริง และพวกเขากำลังปิดการสื่อสารอย่างแท้จริง ร่วมถึงพฤติกรรมการกรูมมิ่ง เช่น การเล่นผม การใช้นิ้วแตะริมฝีปาก หรือกัดริมฝีปาก
กระดิกเท้า
การกระดิกเท้าบอกคุณว่า เขากำลังคนโกหก เพราะอาจรู้สึกอึดอัดและประหม่า นอกจากนี้ยังแสดงให้คุณเห็นว่า เขาหรือเธอต้องการออกจากสถานการณ์นั้น พวกเขาต้องการเดินออกไปจากสถานการณ์อันน่าอึดอัดนี้ นี่เป็นหนึ่งในวิธีสำคัญ ในการจับโกหกคน เพียงแค่คุณลองสังเกตที่เท้าของพวกเขา แล้วคุณจะได้รู้อะไรมากมาย
มองคุณโดยไม่ค่อยกระพริบตา
เมื่อมีคนโกหก เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะไม่สบตา แต่คนโกหกบางราย อาจพยายามรักษาการสบตา เพื่อพยายามควบคุมและจัดการคุณ เมื่อคนพูดความจริง ส่วนใหญ่จะละสายตาไปรอบ ๆ และอาจถึงกับละเลยในบางครั้ง แต่ในทางกลับกัน คนโกหกจะใช้การจ้องมองอย่างเยือกเย็น และมั่นคงเพื่อข่มขู่และควบคุม อีกสัญญาณหนึ่งที่ต้องระวังคือ การกะพริบตาเร็ว ๆ
ชี้นิ้วอย่างก้าวร้าว
การกระทำที่ชี้นิ้วไปที่บางสิ่งบางอย่างหรือชี้ไปที่คนอื่น ด้วยท่าทางหรือคำพูดที่เกรี้ยวกราด อาจส่งสัญญาณถึงความต้องการเพ่งความสนใจ ไปที่บุคคลและตำหนิคนอื่น เมื่อคนโกหกกลายเป็นเป็นฝ่ายรับ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นศัตรูทันที เขาพยายามจะพลิกสถานการณ์ หากต้องเผชิญกับความไม่จริง คนโกหกอาจใช้ท่าทางชี้นิ้วที่ก้าวร้าว เพราะเขารู้สึกโกรธและกำลังจนมุม ที่คุณจับได้ว่าเขากำลังโกหก
อีกสิ่งหนึ่งที่เราสามารถนำมาใช้เพื่อจับโกหกคนได้ คือ “สัญชาตญาณ” เพราะสัญชาตญาณของเราในการตัดสินคนโกหกนั้น ค่อนข้างแข็งแกร่ง การจับผิดคำโกหกอาจจะทำได้ยาก แต่มนุษย์มักมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าสัญชาตญาณ จงเชื่อในสัญชาตญาณของคุณ
และพึงระลึกไว้ว่าสัญญาณเหล่านี้ เป็นเพียงเครื่องบ่งชี้ความไม่ซื่อสัตย์เท่านั้น ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ที่แน่ชัด นอกจากนี้ คนโกหกบางคนก็ช่ำชองมาก จนอาจเลี่ยงโดยไม่แสดงอาการเหล่านี้เลย
Source: businessinsider, forensicscolleges
Stay connected