เหตุใดการปล่อยวางจึงเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ ลองเปรียบง่าย ๆ ว่าตอนนี้คุณเป็นเหมือนซานตาคลอส คุณมีกระเป๋าใบใหญ่ที่คุณพกติดตัว ไปทุกวันในชีวิตของคุณ แต่กระเป๋าใบนี้ไม่ได้เต็มไปด้วยของขวัญ มันเต็มไปด้วยความกังวล ความทรงจำในอดีต ความเสียใจ ความคาดหวัง ทุกสิ่งที่ว่ามาล้วนเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งคุณไว้ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยทำให้คุณ ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ การปล่อยวางทุกสิ่ง เป็นสิ่งที่คุณต้องทำ เพื่อประสบความสำเร็จ นี่คือสิ่งที่เราอยากจะมาพูดถึงในวันนี้ คุณอาจจะตั้งคำถาม “แล้วฉันจะปล่อยยังไง?”ต่อไปนี้คือ วิธีปล่อยวางเพื่อสร้างความสำเร็จ ให้คุณได้บรรลุเป้าหมายอย่างที่หวังไว้

 

  7 วิธีปล่อยวางเพื่อสร้างความสำเร็จ  

 

1. ปล่อยวางความทรงจำ

หลายคนรู้สึกว่า “ความทรงจำ” เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่พวกเขามี พวกเขาวางความทรงจำไว้ในหีบสมบัติ ทั้งเรื่องที่หวงแหนหรือเรื่องที่เสียใจ ขึ้นอยู่กับความทรงจำนั้น ๆ หลายปีผ่านไป หีบสมบัตินี้จะเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ และยากที่จะพกพาไปไหนมาไหนขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ความผิดพลาดทั้งหมดในอดีต ช่วงเวลาที่สวยงามทั้งหมดที่คุณมี และถึงแม้ว่าคุณอาจรู้สึกว่า ความทรงจำทั้งหมดเหล่านี้ ทำให้คุณเป็นคุณในวันนี้ แต่นั้นมันก็ทำให้คุณไม่สามารถ เป็นคนที่คุณควรจะเป็นได้ จงอย่ากลัวที่จะทิ้งความทรงจำเหล่านี้ คุณไม่จำเป็นต้องลืมมันทั้งหมด แต่เพียงแค่หยุดคิดถึง เพื่อที่คุณจะสามารถ สร้างความทรงจำใหม่ได้

 

2. ปลดปล่อยความกลัว

“ความกลัว” คือสิ่งที่ขัดขวางไม่ให้คุณทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ อย่ากลัวที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อย่ากลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ อย่ากลัวที่จะละทิ้งความกลัว และปล่อยให้ตัวเองมีความสุข หลับตาและนึกภาพความกลัวทั้งหมดของคุณ จับพวกมันแล้วโยนลงถังขยะ แล้วเก็บถังขยะและนำขยะออกไป คุณกล้าหาญ คุณสามารถทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ คุณสามารถดำเนินชีวิตต่อไป และคุณสามารถบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ หากคุณเอาชนะความกลัว คุณก็จะประสบความสำเร็จ!

 

3. ปล่อยวางความเจ็บปวดและความโกรธ

ทิ้งความเจ็บปวดและความโกรธทั้งหมด ที่คุณเก็บไว้ข้างใน นี่เป็นอารมณ์เชิงลบ ที่จะคอยกัดกินคุณ จากภายในสู่ภายนอก ลองเพิ่มพื้นที่ว่างเพื่อเปิดรับอารมณ์ใหม่ ๆ ที่ดีขึ้น คุณจะไม่มีที่ว่างความรักและความสุข ถ้ายังมีอารมณ์ด้านลบทั้งหมดติดอยู่ที่คุณ ไม่มีอะไรที่เป็นพลังบวก ในการคอยระลึกถึงความรู้สึกด้านลบ แม้ว่าคุณจะเคยผ่านบางสิ่งที่ทำร้ายคุณ และทำให้คุณรู้สึกโกรธ แต่เชื่อเถอะว่าประสบการณ์เหล่านี้ มีแต่จะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น เพราะคุณรอดมาได้! เพราะคุณยังอยู่ที่นี่จนถึงทุกวันนี้! มีชีวิตอยู่ หายใจ และรู้สึก

จะดีกว่าถ้าไม่มีที่ให้ความเจ็บปวดและความโกรธ เมื่อคุณเข้มแข็ง และสามารถปลดปล่อยความโกรธ และความเจ็บปวดได้ อารมณ์เหล่านี้จะไม่สามารถมากำหนด อนาคตของคุณได้อีก

 

4. อ้าแขนรับสิ่งที่ไม่รู้

สิ่งที่อยู่ข้างหน้าอาจดูน่ากลัว เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรสำหรับเรา แต่นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อย่ารั้งรอและอ้าแขนรับต่อสิ่งที่คุณไม่รู้ ไม่ว่าคุณจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับงานใหม่นั้น สถานที่ใหม่นั้น หรือความสัมพันธ์ใหม่นั้น ถ้าคุณไม่พยายามเปิดรับ คุณก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ การตอบรับสิ่งที่ไม่รู้ บางครั้งอาจช่วยให้คุณ สามารถประสบความสำเร็จได้ในทันที จากจังหวะและโอกาส ที่ถูกมอบให้ชีวิตของคุณ ขอแค่เชื่อมั่นในตัวเองและมีศรัทธา ในสิ่งที่คุณสามารถทำได้!

 

5. ปลดปล่อยความเครียด

สิ่งที่คุณต้องทำคือผ่อนคลาย “ความเครียด” เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของความล้มเหลว ความไม่พอใจ และไม่มีความสุข ยิ่งในปัจจุบันนี้ ความเครียดเป็นส่วนหนึ่ง ของชีวิตประจำวันของเรา คุณรู้หรือไม่ว่าคนที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง นั้นแทบจะไม่มีความเครียดเลย? นี่คือเหตุผลที่พวกเขา ประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะพวกเขาไม่ยอมให้สิ่งเล็ก ๆ ในชีวิตมีอิทธิพลต่อพวกเขา หรือมาทำให้พวกเขาเครียด รักษาความสงบ และให้เวลากับตัวเองในการผ่อนคลาย และจัดระเบียบกับความคิดใหม่

 

6. ไม่นิ่งเฉย

การปล่อยวางความพอใจ และผลักดันตัวเองให้เติบโต เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ อย่าใช้ชีวิตไปวัน ๆ อยู่อย่างไร้ค่าไร้ความหมาย หยุดตัวเองจากการนิ่งเฉย คุณต้องลืมตาและตระหนักว่า ทุกสิ่งที่คุณทำไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่! ลองคิดแบบนี้นะ “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณไม่ตื่นเช้าวันนี้?” คุณคงจะไม่ได้อ่านข้อความนี้ในตอนนี้ และคุณจะอยู่ห่างจากความสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่ง จะเป็นยังไงถ้าคุณไม่ได้เรียนหนังสือ คุณคงไม่สามารถเข้าใจบทความนี้ได้

ให้ตระหนักและเข้าใจว่า ทุกสิ่งที่คุณทำในแต่ละวัน มันมีความสำคัญ

 

7. อย่าคิดมากกับความสำเร็จ

การคิดมากเกินไป เกี่ยวกับการประสบความสำเร็จ คือสิ่งที่อาจรั้งคุณไว้จากความสำเร็จ แม้ว่าการนึกภาพจุดที่คุณ ประสบความสำเร็จนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่การคิดถึงมันมากจนเกินไป อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีนะ

 

 

 

Source: iamjoelbrown

Comments

comments