ในช่วงสถาณการณ์ที่มีอะไรเยอะแยะเกิดขึ้นมากมายแบบนี้ เราต้องหา วิธีคิดให้มีความสุข ที่พอช่วยให้เรารู้สึกไม่ทุกข์ใจ มีกำลังใจ และมีความสุข ที่วิธีบำบัดอย่างดีเวลาเราเจอปัญหา ทั้งเล็กหรือใหญ่ หรือการพักใจให้เหนื่อยน้อยลงบ้าง ส่วนจะมีวิธีไหนบ้างที่เราสามารถเอามาใช้ฟื้นฟูจิตใจอันห่อเหี่ยวของเราให้ดีขึ้น มาอ่านต่อกันเลย!
วิธีฝึกการคิดบวก คิดให้มีความสุข
มนุษย์เรานั้นสามารถสร้างนิสัย ความคิด ความชอบ ได้จากการฝึกฝน ความเคยชิน ความนึกคิดต่างๆได้ เฉกเช่นเดียวกับการมองโลก ทัศนคติต่างๆดันก็สามารถเกิดจากการบ่มเพาะได้เช่นกันค่ะ เพราะฉะนั้นเรามาลองวิธีต่างๆที่จะทำให้จิตใจของเรา มีความสุขมากกว่าความทุกข์กันดีมั้ยคะ ?
1. พาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ดีๆ
ข้อนี้เป็นข้อใหญ่ๆ สำหรับคนที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง ต้องการพาตัวเองไปอยู่ในสังคมที่มีความชอบคล้ายๆกัน มีแนวทางหลายๆอย่างคล้ายกัน จึงเป็นข้อที่เราหยิบยกมาพูดเป็นหัวข้อแรกค่ะ ยิ่งถ้าเราได้มีโอกาสพาตัวเองไปได้พูดคุย พบปะคนที่ประสบความสำเร็จ มีความคิดดีๆ มีแง่คิดดีๆแบ่งปันแล้วล่ะก็ คนเหล่านี้จะสามารถเป็นพลังด้านบวกให้เราได้อย่างดี เช่นเป็นแรงบันดาลใจ เป็นตัวอย่าง เป็นต้นค่ะ
มันเป็นเรื่องมหัศจรรยู์ที่พลังอำนาจของคนอื่น สามารถส่งผลกระทบต่อพลังในตัวเราได้ คนที่คิดในด้านบวกจะช่วยกระตุ้นและเป็นแรงบันดาลใจให้เรา เชื่อมั่นในตัวเองว่า เราสามารถทำสิ่งที่มุ่งมั่นไว้ให้สำเร็จได้ จำไว้ว่า..จงอยู่ให้ห่างคนที่คิดแต่แง่ร้าย ซึ่งจะขัดขวางการเดินหน้าของคุณ ดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า “คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล” แต่ต้องมีการไตร่ตรองอย่าให้ใครมาหลอกเอาผลประโยชน์จากเราได้นะคะ
2. Find a role model
สืบเนื่องจากข้อที่ 1 เรายังคงอยากย้ำเรื่องอิทธิพลจากคนรอบข้าง หรือ สังคมของเราอยู่ค่ะ แต่ในข้อ 2 นี้ เราจะขอพูดถึงบุคคลต้นแบบหรือ Role model ว่าเค้าเหล่านี้ก็สามารถทำให้เราดึงเรื่องราวของเค้าเหล่านั้นเป็นกำลังใจ และ แรงบันดาลใจได้ค่ะ
การเลือก Role model นั้น ก็ต้องเลือกให้ถูกทางด้วยนะคะ เช่น คนที่มีความคิดดีๆ สอนหรือแนะนำเรื่องการทำงานต่างๆ เราสามารถเลือกดูคนที่สามารถทำให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างมีจุดหมายมากขึ้น
3. Keep looking forward
การมองไปข้างหน้าเพื่อพัฒนาตัวเองอย่างเสมอและให้อภัยตัวเอง เพราะคนเราสามารถทำผิดพลาดได้เสมอ และหมั่นโอกาสให้ตัวเองได้พัฒนาและหาโอกาสใหม่ๆอยู่ตลอด จะยิ่งทำให้เรามีการพัฒนาและก้าวหน้า เป็นอีกข้อหนึ่งที่สามารถทำให้เราเป็นคนคิดบวกได้มากขึ้น และเป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้เราเป็นคนรักตัวเองได้เช่นกันค่ะ
4. รู้จักให้อภัยตัวเองและผู้อื่น
เมื่อเราทุกคนเคยทำเรื่องผิดพลาดมาก่อน และ เราทุกคนต่างอยากได้การให้อภัย ซึ่งเราเองก็สามารถให้อภัยผู้อื่นเพื่อสะสางเรื่องในใจให้จบโดยดี หากเรื่องเหล่านั้นได้จบและไม่มีปัญหาต่อกันอีกแล้ว การให้อภัยเป็นพื้นฐานของการยกเรื่องราวในใจออกไป เพราะเมื่อเรารู้จักให้อภัยคนอื่นก็เท่ากับทิ้งปมในใจไปอีก 1 เรื่องนั่นเองค่ะ แต่อย่าให้อภัยจนเกินไปหรือเคยตัว เราต้องรู้จักปกป้องตัวเอง และ ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบนะคะซิส
5. Be Half a glass of water
วิธีคิดให้มีความสุข ข้อที่ 5 คือ การทำตัวให้ไม่เป็นน้ำเต็มแก้วค่ะ พร้อมสำหรับความรู้ใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ และเรื่องราวใหม่ๆ เสมอ เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเอง ในการรับสิ่งใหม่ๆเข้ามาเสมอ ไม่ปิดกั้นตัวเอง เปิดใจและรับฟังผู้อื่น ก็เป็นอีกแนวทางนึงที่ทำให้เราสามารถหลุดจากกรอบเดิมๆของตัวเอง และมีใจที่กว้างมากขึ้นนั่นเองค่ะ
6. เห็นคุณค่าสิ่งต่างๆในชีวิต
การเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆรอบตัวนั้น เป็นการให้ความสำคัญถึงสิ่งเล็กๆ แม้จะเป็นสิ่งที่อยู่กับเราตลอด เช่น ครอบครัว เพื่อน สัตว์เลี้ยงคู่ใจของเรา ล้วนต้องการการเห็นคุณค่าทั้งนั้น เพราะเราทุกคนก็ล้วนอยากให้คนอื่นเห็นคุณค่า แต่ถ้าหากเราเริ่มก่อน โดยอาจจะไม่หวังผลตอบแทน เป็นเห็นคุณค่าและให้ความสำคัญคนอื่นจริงๆล่ะก็ การโฟกัสแต่สิ่งดีๆเหล่านี้ จะทำให้อุปสรรคที่เราเผชิญอยู่ กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เราจัดการได้ง่ายขึ้น
7. Learn to organize your schedule
การจัดการเวลาและตารางของตัวเองในแต่ละวัน เป็นการจัดการความประพฤติของตัวเอง และ สามารถเห็นเป้าหมายของตัวเองได้ชัดยิ่งขึ้น เมื่อเราตั้ง Goal ของตัวเอง ไว้อย่างชัดเจนแล้วล่ะก็ เราสามารถเขียยนคือตั้งตารางของตัวเราว่า อยากจะทำอะไรบ้างในแต่ละวัน วันนี้เรายังไม่ได้ทำอะไร หรืออยากทำอะไรเพิ่มเติม ก็สามารถฝึกวินัยของตัวเองได้เช่นกันค่ะ เพื่อเป็นการป้องกันการคิดฟุ้งซ่าน หรือ เสียเวลาไปกับเรื่องเศร้าๆ เรามาทำตัวเองให้สดชื่น และพร้อมทำตามความฝันของตัวเองกันดีกว่าค่ะ
8. Imagine is matter
การจินตนาการในเรื่องของอนาคต หรือ สิ่งที่เราต้องการนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันนะคะ เราสามารถตั้งความคิดและนึกถึงสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นทุกวัน ตั้งเป้าหมายชัดเจน หรือ คิดแต่เรื่องดีๆ ของทุกวันที่ผ่านมา การจินตนาการถึงสิ่งดีๆรอบตัวนั้น สามารถทำให้เราอารมณ์ดี และ คล้ายการสะกดจิตให้ใจเรามุ่งตรงไปถึงสิ่งที่เรา Focus ได้อย่างดีเลยทีเดียวค่ะ
9. Best Mistake
เรื่องของการผิดพลาด มันเป็นสิ่งธรรมดา แต่เมื่อทำผิดพลาดแล้วจงเรียนรู้กับมัน ว่าทำไมและจะทำยังไต่อดี อย่ามัวแต่โทษตัวเอง หรือย้ำอยู่ที่เดิม เพราะเราต้องใช้ชีวิตต่อไป หากใช้ความคิด หรือความรู้สึกที่ยังจมอยู่กับเรื่องเดิมๆ จะทำให้สุขภาพจิตเสียและไม่ก้าวหน้า เศร้าได้แต่อย่านาน อย่าให้ความเศร้ากัดกินจิตใจต่อไป ลุกขึ้นมาแล้วเริ่มใหม่ค่ะ
10. Good environment
environment หรือสิ่งแวดล้อมก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆเช่นกันค่ะ ทั้งต่อสุขภาพจิต ร่างกาย และ จิตใจ อย่างเช่นการจัด Bed room ให้สวยน่านอน แสงสลัวๆ หรือมีผม Flow ผ่าน กับเตียงนอนสบายๆ จะทำให้เราหลับลึก ไม่ปวดเนื้อปวดตัว สามารถส่งผลให้กับการทำงานของสมอง ให้ไม่ปวดหัว ไม่เครียด ตัวก็จะไม่ปวด และเรายังได้อยู่ในห้องสวยๆงามอีก เป็นต้น
ซึ่งการจัดการสภาพแวดล้อมนั้น อาจจะเป็นเรื่องของสถานที่ ทั้งบ้าน ที่ทำงาน หรือในรถก็ตาม รวมถึงสภาพสังคม คนที่เราทำงานด้วย ครอบครัว กลุ่มเพื่อนๆ หรือ เหล่าลูกค้า ก็สำคัญเช่นกันค่ะ หากเรารู้ว่าใครมีความคิดดีๆ มี energy positive ให้ใช้เวลากับเค้าเยอะหน่อย หรือพูดคุย และเรียนรู้การคิดของเค้า อาจจะไม่ถึงกับการไปตีสนิท แต่การเลือกคบคนนั้น ก็สำคัญมากๆเช่นกันค่ะซิส
เพราะฉะนั้นคำว่า environment นั้นไม่ใช่แค่สถานที่อย่างเดียว มันยังรวมถึงผู้คน และสิ่งต่างๆรอบตัวอีกด้วย
Credit : https://lifestyle.campus-star.com/
Picture Credit : https://www.pinterest.com/
Stay connected