เป็นที่นิยมมาระยะหนึ่งแล้ว สำหรับการไดเอทแบบ “คีโตจีนิก” หรือการกินโปรตีนและไขมันแทนคาร์โบไฮเดรต หลายคนใช้วิธีนี้ในการลดน้ำหนักแล้วได้ผลชัดเจน จนเกิดเป็นกระแสขึ้นมา แต่การกินคีโตเพื่อลดน้ำหนักนั้น ไม่ได้เหมาะกับทุกคนนะ ดังนั้นจึงควรศึกษาให้ดีก่อนว่า ใครไม่ควรกินคีโต ถ้ากินแล้วจะส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร

 

ใครไม่ควรกินคีโต จะส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง

 

การกินคีโตจีนิกถึงแม้จะมีข้อดีในการช่วยลดน้ำหนักและดึงพลังงานออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ แต่การกินคีโตก็มีข้อจำกัดเหมือนกันนะ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ได้ เราไปทำความรู้จักคีโตให้มากขึ้นอีกนิด เผื่อใครอยู่บ้านนาน ๆ แล้วอยากลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ จะได้รู้แนวทางว่า ควรหรือไม่ควรกิน อย่างไรบ้าง

ใครไม่ควรกินคีโต

คีโตไดเอต คืออะไร

คีโตจีนิกไดเอต คือ การกินคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่น้อยมาก ๆ ประมาณ 20 – 50 กรัมต่อวัน แต่กินไขมันดีเข้าไปทดแทน พอร่างกายได้รับอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตน้อยมาก ๆ ร่างกายจะไม่ได้รับน้ำตาลเข้าไป พอไม่ได้น้ำตาล ร่างกายเลยคิดว่าเราอดอาหาร ก็เลยเข้าไปสลายไขมันในร่างกายขึ้นมา จึงทำให้ลดน้ำหนักได้ผล การกินคีโตจะได้ผลในระยะสั้น คือลดได้อย่างรวดเร็ว ภายในเวลา 6 เดือน แต่ถ้านานกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการกินอาหารสุขภาพปกติ

ใครไม่ควรกินคีโต

ข้อดีของอาหารคีโต คืออะไร

แน่นอนว่าการไดเอตแต่ละวิธีมีข้อดีของมัน การกินไขมัน และโปรตีนเข้าไป อย่างวิธีการคีโตนี้ ก็มีข้อดีเช่นกัน ไปดูกันค่ะ ว่าข้อดีของอาหารคีโต คืออะไร

1. ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เพราะร่างกายไม่ได้รับคาร์โบไฮเดรต และน้ำตาลเข้าไปเพิ่มเติม จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง

2. ลดความดันโลหิตได้ในผู้เป็นเบาหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใน 1 ปีแรก ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลจากน้ำหนักตัวที่ลดลงได้ในระยะแรก

3. ช่วยลดระดับอินซูลินได้

ใครไม่ควรกินคีโต

ใครที่กินคีโตได้ แบบไม่มีปัญหา

ลองมาดูกันว่า เราจัดอยู่ในกลุ่มที่กินคีโตได้แบบสบาย ๆ หรือเปล่า มาดูกันค่ะ ว่าอาหารคีโต เหมาะกับใคร

1. คนที่ร่างกายปกติและต้องการลดน้ำหนัก

2. คนที่ไม่มีโรคประจำตัว หรือต้องกินยาประจำตัวเป็นประจำ เช่น โรคตับ โรคไต 

3. คนที่มี BMI มากกว่า 25 ขึ้นไป (คำนวณโดยนำน้ำหนัก หน่วยเป็นกิโลกรัม หารด้วย ความสูงยกกำลังสอง)

4. คนที่มีปริมาณไขมันที่มากอยู่แล้ว เช่น ผู้ชายมากกว่า 20% หรือ ผู้หญิงมากกว่า 30%

5. คนที่เป็นเบาหวานกินได้ แต่ต้องเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 เท่านั้น

ใครไม่ควรกินคีโต

ใครไม่ควรกินคีโตจีนิก

การไดเอตทุกวิธีก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย การกินอาหารแบบคีโตไม่ใช่ว่าใครจะกินได้นะคะซิส เพราะมีข้อห้ามไม่น้อยเหมือนกัน มาดูกันค่ะ ว่าใครไม่ควรไม่ควรไดเอตแบบคีโตจีนิกบ้าง

1. คนท้อง – งานศึกษาพบว่าการที่คนท้องอยู่ในภาวะคีโตซิซนาน ๆ จะส่งผลต่อการพัฒนาการด้านสมองของเด็ก และเกิดโอกาสเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินประสาทในเด็กได้ค่ะ

2. คุณแม่ที่กำลังให้นมลูก – จริง ๆ ยังไม่มีงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่การกินคีโตระหว่างให้นมบุตร ทำให้ร่างกายคุณแม่ไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ และอาจส่งผลต่อน้ำนมได้

3. ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ต้องรับอินซูลิน – เนื่องจากเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความเป็นกรดจากสารคีโตนในเลือดมาก รวมถึงการเกิดภาวะน้ำตาลต่ำมากเกินไป อันตรายต่อร่างกายมากเลยค่ะ

ใครไม่ควรกินคีโต

4. คนที่ตับไม่ดี – มีปัญหาแน่ ๆ ค่ะ เพราะตับจะเป็นตัวที่จะเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงาน ถ้าตับอ่อนแอ ก็จะไม่สามารถย่อยไขมันได้ 

5. คนที่มีภาวะไตเสื่อม – การกินโปรตีนมาก ๆ จากการกินคีโต จะทำให้ไตเสื่อมมากขึ้นได้

6. คอเลสเตอรอล หรือไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงมาก ๆ – การกินไขมันจะทำให้ค่าของทั้งสองอย่างนี้พุ่งสูงขึ้น อันตรายค่ะ

7. คนที่เป็นโรคนิ่ว – ถ้าเป็นนิ่วอยู่แล้ว การกินไขมันปริมาณสูงจะทำให้เกิดอาการปวดได้ ต้องระวังมาก ๆ ค่ะ

ใครไม่ควรกินคีโต

8. คนที่ผ่าตัดถุงน้ำดีออกจากร่างกาย – เนื่องจากน้ำดีมีส่วนช่วยในการย่อยไขมัน ถ้าไม่มีถุงน้ำดี ก็จะย่อยไขมันไม่ได้

9. คนที่มีการผ่าตัดทางเดินอาหาร – เพราะจะย่อยไขมันได้ยากกว่าปกติ เนื่องจากทางเดินอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่

10. คนที่ท้องอืด กรดไหลย้อน – การกินคีโตต้องใช้ไขมันค่อนข้างสูง ดังนั้นคนที่มีปัญหาเรื่องการบีบตัวของลำไส้ มีอาการท้องอืด กรดไหลย้อน ต้องระวังมาก ๆ เพราะอาจทำให้อาการกำเริบได้ 

ใครไม่ควรกินคีโต

ผลข้างเคียงจากการเริ่มกินคีโต

การกินคีโตเหมือนร่างกายต้องปรับระบบใหม่หมด ดังนั้น ช่วงแรก ๆ ที่กินอาจมีอาการข้างเคียงต่าง ๆ ดังนี้ค่ะ

1. ไม่มีแรง คลื่นไส้ มีลมในท้อง ถ่ายเหลว – สาเหตุมาจากร่างกายปรับมาใช้ไขมันในการให้พลังงานแทนคาร์โบไดเดรต วิธีแก้คือ ต้องกินให้อิ่ม เน้นไขมันดี และโปรตีน ส่วนเรื่องคลื่นไส้ ลมในท้อง และถ่ายเหลว ให้อดทนอีกนิด เพราะมันมีการเปลี่ยนแปลงของแบคทีเรียในลำไส้ Gut Biome

2. ปวดหัว หงุดหงิด เหนื่อยง่าย หิว เครียด ซึมเศร้า อยากของหวาน – สาเหตุมาจากภาวะที่ร่างกายกำลังถอนหรือขาดน้ำตาล วิธีแก้คือ กินอาหารที่มีกากใยสูง เน้นโปรตีน ไขมันจากถั่ว อะโวคาโด มะพร้าว ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ และกินน้ำตาลเทียมได้ในช่วงแรก หรือจะใช้น้ำตาลจากหญ้าหวานก็ได้

3. สมองตื้อ วิงเวียน เป็นตะคริวหรือมีอาหารชา สมาธิสั้น นอนหลับยาก ปวดกล้ามเนื้อ – สาเหตุมาจาก ขาดน้ำและเกลือแร่ และการที่ไกลโคลเจนลด วิธีแก้คือ ดื่มน้ำเยอะ ๆ ให้ได้วันละ 8 – 10 แก้ว และต้องกินแร่ธาตุให้ครบทั้ง 3 ตัวคือ โซเดียม โพแทสเซียม และแม็กนีเซียม หาได้ใน เบคอน ผักใบเขียว ผักโขม ถั่วชนิดต่าง ๆ ชีส เป็นต้น

ใครไม่ควรกินคีโต

ถ้าอยากลดน้ำหนักด้วยวิธีคีโตจีนิกต้องศึกษาให้ดีนะคะ เพราะมีข้อห้ามไม่น้อยเลยเหมือนกัน อยากหุ่นดี สุขภาพดี ต้องใส่ใจวิธีการลดน้ำหนักให้ดีนะ

 

ข้อมูลจาก chulalongkornhospital.go.th, ketothailand.xyz, www.rama.mahidol.ac.th

ภาพจาก freepik, favim.com, weheartit.com, Twitter : takexol_1288, Pinterest : Jexndark_xx25

Comments

comments