การที่เราเป็น สาวโก๊ะ ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ เดินสะดุดบ้าง เดินไปเตะโต๊ะ เตะเก้าอี้บ้าง บางทีมันก็ดูเปิ่น ๆ ดูน่ารัก อยู่หรอกนะคะ แต่ถ้ามากเกินไป จะกลายเป็นสาวซุ่มซ่าม ที่ขาลาย เต็มไปด้วย รอยฟกช้ำดำเขียว แบบนี้ นอกจากจะเจ็บตัวแล้ว ยังต้องใส่เสื้อผ้าปกปิดรอย โชว์ผิวเนียน ๆ แบบเดิมก็ไม่ได้ ขาดความมั่นใจ จนอยากให้รอยช้ำนั้น หายไปเร็ว ๆ เลยใช่ไหมล่ะ งั้นวันนี้เรามี วิธีรักษารอยช้ำ อย่างเร่งด่วน ให้หายเร็ว หายไว มาฝากเพื่อน ๆ กัน จะมีวิธีไหนบ้างนั้น เรามาดูกันเลยค่ะ

 สาวซุ่มซามห้ามพลาด! 7 วิธีรักษารอยช้ำ อย่างเร่งด่วน 

#1. ประคบเย็น

เริ่มแรก เรามาดูวิธีการรักษาพยาบาลขั้นต้น หลังจากที่มีการเกิดแผลฟกช้ำ หรืออาการบวมรวมด้วยกัน วิธีง่าย ๆ ในการปฐมพยาบาลเลย นั่นก็คือ การประคบเย็น ซึ่งการประคบเย็น มันจะช่วยทำให้เส้นเลือด ที่แตกฉีกขาดเนี่ย เกิดการหดตัว ลดการกระจายตัวของเส้นเลือด ไม่ให้ไปคั่งค้าง เป็นการจำกัดวงไม่ให้รอยช้ำ ขยายไปกว้างนั่นเอง
วิธีปฐมพยาบาล ก็ง่ายมาก ๆ เลยค่ะ โดยการใช้ผ้าขนหนู ห่อด้วยน้ำแข็ง หรือถ้าใครมีเจลเย็น ก็สามารถใช้ได้ โดยว่างลงไป บนบริเวณที่ช้ำประมาณ 10 -20 นาที ควรทำบ่อย ๆ ติดต่อกัน ใน 2 วันแรก หลังจากที่เกิดรอยช้ำค่ะ

#2. งดใช้กล้ามเนื้อ

นอกจากนั้นการที่เรา ลดการเคลื่อนไหว หรือ งดการใช้กล้ามเนื้อ ในบริเวณที่เกิดรอยฟกช้ำ ก็เป็นเหมือนกับการปล่อย ให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นได้พักผ่อน และได้ฟื้นฟู ซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย ให้กลับมาเร็วมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการทำให้เลือด ไม่กระจายตัวไปมากกว่าเดิมด้วย

#3. ประคบร้อน

นอกจาก การประคบเย็นแล้ว การประคบร้อน ในเวลาที่เหมาะสม ก็มีส่วนช่วยให้รอยฟกช้ำ หายเร็วขึ้นได้ด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วนั้น เราจะประคบร้อน ภายหลังจากที่เราประคบเย็น มาได้ประมาณ 3 วัน โดยให้ใช้น้ำอุ่น หรือถุงประคบร้อน นำมาประคบรอยฟกช้ำ วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 20 นาที เพื่อเป็นการกระตุ้น ให้เส้นเลือดหมุนเวียน ให้คล่องขึ้น และกลับมาเป็นปกติเร็วขึ้น ซึ่งถ้าทำแบบนี้ รับรองว่ารอยช้ำดังกล่าว จะหายเร็วขึ้น ภายใน 7-10 วันเลยทีเดียว

#4. ทานยาแก้ปวด

วิธีรักษารอยช้ำ
นอกจากนั้น การใช้ยารักษา ก็เป็นวิธีการบรรเทาอาการปวด และลดการบวมได้ดีค่ะ ซึ่งอาการเหล่านี้นั้น มักจะเกิดร่วม กับรอยช้ำ โดยเฉพาะรอยใหญ่ ๆ ที่เกิดจากอุบัติเหตุ โดยตัวยาที่สามารถบรรเทาอาการปวด และผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ดี อย่าง อะเซตาไมโนเฟน (acetaminophen) ที่ช่วยลดปวด และไม่ให้เลือดแข็งตัวเป็นก้อน แต่ควรหลีกเลี่ยง แอสไพริน (aspirin) และ ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) เพราะจะยิ่งทำให้เลือด หยุดกระจายตัวช้า 
อ้อ….แต่การกินยานี้ ควรเหมาะสำหรับ คนที่มีอาการปวดบวมจากแผลนะจ๊ะ ใครที่เป็นแผลเล็ก ๆ จะข้ามขั้นตอนนี้ ไปก็ได้ค่ะ

#5. ทายาแก้ช้ำ

ปัจจุบันมี ยาทาแก้รอยช้ำมากมาย ซึ่งยาเหล่านี้มีส่วนช่วย ทำให้รอยช้ำหายไวขึ้นได้ บางตัวยังช่วย ในเรื่องของการบรรเทาอาการปวดของกล้ามเนื้อ ลดการคั่งตัวของเส้นเลือด ตามผิวหนังได้อีกด้วย ส่วนบางตัว ก็มีคุณสมบัติ ในเรื่องการรักษารอยแผลเป็น ที่มักจะมาพร้อมกับรอยช้ำด้วย
เจลว่านหางจระเข้ ก็มีคุณสมบัติ ในเรื่องการลดการอักเสบของผิวหนัง บรรเทาอาการแสบแดงได้ดี เมื่อทาลงไปแล้ว จะช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวขึ้น เลือดที่คั่งอยู่ มีการระบายได้ดี แถมยังช่วยชะลอการเสื่อมสภาพ ของเซลล์ผิวหนัง เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้สีผิวดูเรียบเนียนเสมอกันด้วย
#7. ทานอาหารที่มีประโยชน์
ปิดท้ายด้วยการรับประทานอาหาร ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี และฟลาโวนอยด์ ซึ่งวิตามินซี นั้นนอกจากจะช่วย เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแล้ว ยังช่วยระบบการไหลเวียนเลือดของผิวพรรณ และเสริมสร้างคอลลาเจน ต้านอนุมูลอิสระ ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงขึ้น ซึ่งผลไม้ที่มีวิตามินซีเยอะ ได้แก่ ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว อย่างส้ม สับปะรด รวมถึงฝรั่ง
ส่วนฟลาโวนอยด์นั้น ก็มีคุณสมบัติ ในเรื่องของการต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ในกระแสเลือด ทำให้เลือดไม่จับตัวเป็นก้อนจนอุดตัน รวมถึงเพิ่มความชุ่มชื้น และความเต่งตึง ให้กับผิวได้อีกด้วย แหล่งอาหารที่พบ ฟลาโวนอยด์มาก ก็คือ ถั่วเหลืองกระชายดำ หรือสารสกัดจากเมล็ดองุ่น รวมถึงประเภทของเครื่องดื่ม อย่าง ชา และไวน์ด้วย แต่ถ้าใครไม่ถนัด หาแหล่งอาหารเหล่านี้ ก็สามารถทานวิตามินเสริม ที่มีสารอาหารเหล่านี้ ทดแทนกันได้เลยค่ะ

Comments

comments