ในช่วงสถานการณ์ การแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัสโควิด-19 นี้ หลาย ๆ คน คงจะมองหาตัวช่วย ในการป้องกัน และบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ รวมถึงการสร้างภูมิคุ้มกัน ให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ WFH การออกกำลังกาย การดื่มน้ำเปล่า ที่สะอาดบ่อย ๆ หรือการหา สมุนไพรไทย พื้นบ้าน ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการป่วย ช่วยลดไข้ และอาการเจ็บคอ เอาไว้ติดบ้านกันด้วย

ซึ่งก็มี สมุนไพรไทย หลายชนิด ที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ว่าสามารถนำมาใช้ ให้เป็นประโยชน์ในการช่วยต้านโควิด-19 ได้ด้วยค่ะ วันนี้ เราเลยจะขอรวบรวม 6 สมุนไพรไทย พื้นบ้าน ช่วยต้านโควิด-19 มีติดบ้านไว้อุ่นใจกว่า มาฝากกัน มาดูกันดีกว่าว่า จะมีตัวไหน ใช้แก้บรรเทาอาการอะไรบ้างนั้น มาเริ่มกันเลย!!

 

6 สมุนไพรไทย พื้นบ้าน ช่วยต้านโควิด-19 มีติดบ้านไว้อุ่นใจกว่า

# 1. ฟ้าทะลายโจร

เรามาเริ่มกันที่ ยาสมุนไพรพื้นบ้าน ยอดนิยมอย่าง ฟ้าทะลายโจร กันค่ะ โดยฟ้าทะลายโจรนั้น มีงานวิจัยศึกษากันอย่างแพร่หลาย ทั้งประเทศ จีน สิงคโปร์ และรวมถึงประเทศไทย เองด้วย ว่าสามารถต้านไวรัส ป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์ ลดการแบ่งตัวไวรัส ภายในเซลล์ และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ให้กับร่างกาย

ซึ่งในฟ้าทะลายโจรนั้น จะมี สารแอนโดรกราโฟไลด์ ซึ่งปริมาณที่ทานแล้ว เห็นผล ควรทานประมาณ 180 มิลลิกรัมต่อวัน (สามารถประมาณจำนวนแคปซูล แบ่งรับประทานเป็น 3-4 ครั้งต่อวัน หลังอาหาร) นอกจากนั้น ยังสามารถตรวจสอบ ยี่ห้อฟ้าทะลายโจร ที่ผ่านการยอมรับได้ที่ 

• รวม 8 ยี่ห้อ ฟ้าทะลายโจร มีติดบ้าน ต้านหวัด ต้านไวรัส!

 

# 2. กระชายขาว

มาต่อที่ กระชายขาว เป็นอีกสมุนไพร ที่ได้รับการวิจัยว่า ช่วยในเรื่องของการยับยั้ง และผลิตตัวไวรัสออกจากเซลล์ และยังช่วยลดจำนวนเซลล์ ที่ติดเชื้อ โดยมีสารสำคัญ 2 ตัว ที่มีอยู่ในกระชายขาว คือ Panduratin A และ Pinostrobin โดยสามารถนำกระชายขาว มาบริโภค ด้วยวิธีการต้มกับน้ำเดือด นำมาดื่ม รวมไปถึงนำไปประกอบอาหารได้

ซึ่งโดยปกติแล้ว กระชายขาว นั้น จะมีสรรพคุณ ในเรื่องการช่วยกระตุ้น การไหลเวียนของเลือด ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ยังลดการอักเสบ และลดไขมันในเลือดได้ดีอีกด้วย

 

# 3. ขิง

สมุนไพรไทยอย่าง ขิง ที่เรามักจะคุ้นเคย ในการนำไปประกอบอาหารต่าง ๆ โดยปกติแล้ว มีรสเผ็ดร้อน โดยมีสรรพคุณ สามารถช่วยต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ จึงเป็นที่นิยมนำมาทานแก้หวัด มีวิตามิน เอ บี เเละ ซี สูง ช่วยขับเหงื่อได้ดี ช่วยขับลม แก้จุกเสียด เเน่นท้องได้ดี นอกจากนั้น ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านการอักเสบต่าง ๆ และยังแก้ไอได้ดัวยค่ะ

 

#4. มะขามป้อม

โดยทั่วไปแล้ว สมุนไพรไทยอย่าง มะขามป้อม ก็เป็นสมุนไพร ที่ได้รับความนิยม และหลาย ๆ คน มีติดบ้านเอาไว้ เพราะช่วยในเรื่องการบรรเทาอาการไอ ช่วยละลายเสมหะ นอกจากนั้น ยังใช้ในการรักษาหลอดลมอักเสบ วัณโรคปอด และอาการหอบหืด โดยเป็นตัวช่วยส่งเสริมการทำงาน ของระบบภูมิคุ้มกัน ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนั้น สารสำคัญใน มะขามป้อม ช่วยในการยับยั้ง เชื้อไวรัสผ่านเข้าสู่เซลล์ปอด และลดการแบ่งตัว ของเชื้อไวรัส ได้ด้วย

 

# 5. กระเทียม

สมุนไพรไทย ที่อยู่ในการประกอบอาหาร โดยเฉพาะอาหารไทย ๆ อย่าง กระเทียม ก็เป็นสมุนไพร ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ๆ เลยค่ะ โดยมีฤทธิ์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน  เพราะ สาร allicin ในกระเทียม สามารถป้องกัน การหลั่งสาร cytokine ที่ทำให้เกิดการอักเสบ มีสารต้านอนุมูลอิสระชนิด immunoglobulin A (IgA) ที่เป็นด่านแรก ของภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยพบมากที่ระบบทางเดินหายใจ และระบบทางเดินอาหาร ตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ

และยังช่วยส่งเสริมการทำงานของเม็ดเลือดขาว กระตุ้นการทำงานของ B-cell lymphocyte (ที่มีหน้าที่ ในการสร้างภูมิคุ้มกัน เมื่อสิ่งแปลกปลอม เข้าสู่ร่างกาย) รวมถึงกระตุ้นการหลั่งสาร interferon ซึ่งเป็นสารในระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อต้านไวรัสอีกด้วย และจากการจำลองภาพสามมิติ ในคอมพิวเตอร์พบว่า สารที่มีอยู่ใน กระเทียม อย่าง quercetin และ allicin ยังสามารถแย่งจับกับเชื้อไวรัส และช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของ ไวรัสโควิด-19 ได้ด้วย

 

# 6. ขมิ้นชัน 

จากการศึกษา พบว่า ขมิ้นชัน  มี สารสำคัญของขมิ้นชัน และ demethoxycurcumine มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อ ไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์เอ ในการป้องกัน ไม่ให้เชื้อเข้าเซลล์ ลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส และจากการจำลองภาพสามมิติในคอมพิวเตอร์ พบว่า สามารถแย่งจับกับตำแหน่งของไวรัสโควิด-19 ที่มีผลยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสได้

รวมถึงช่วยปรับสมดุล และสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย นอกจากนั้นยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดอาการอักเสบ ต้านอาการหวัด เเก้วิงเวียนศรีษะ และลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด

เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะเพื่อน ๆ กับ 6 สมุนไพรไทย พื้นบ้าน ช่วยต้านโควิด-19 ที่แนะนำให้ทุกคนมีติดบ้าน เอาไว้ให้อุ่นใจ ที่เราเอามาฝากกันในวันนี้ ใครที่อยากจะรักษาการอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น ก็สามารถเลือกใช้ สมุนไพรไทย ให้เหมาะกับตัวเองกันดูนะคะ และที่สำคัญควรใช้ในปริมาณ ที่พอเหมาะกันด้วย สำหรับใครที่ไม่มั่นใจ แนะนำให้ปรึกษาเภสัชกรกันเลยค่ะ!

สำหรับวันนี้ขอลากันไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ บ๊ายบาย  >///<

 

CR: pinterest

Comments

comments