บางคน อาจจะเคย อยากดูแลสุขภาพ อยากรักษาหุ่น อยากออกกำลังกาย แต่ทางเลือก ก็เยอะเหลือเกิน จนไม่รู้จะเลิอกออกแบบไหนดี ซึ่งจริง ๆ แล้วการออกกำลังกายแต่ละชนิด ก็ส่งผลกับร่าง กายแตกต่างกันนะ ดังนั้น การออกกำลังกายแต่ละแบบ ก็ตอบโจทย์เรา ไม่เหมือนกัน มาดูกันดีกว่าว่า ออกกําลังกายแบบไหน เหมาะกับเรา
คาดิโอ เวท โยคะ ออกกำลังกายแบบไหน เหมาะกับเรา มาลองศึกษากัน!
1. ออกกำลังกายแบบ คาร์ดิโอ (Cardio Exercise)
คำว่า Cardio แปลว่าหัวใจ ดังนั้น การออกกำลังกายแบบ คาร์ดิโอ ก็คือการออกกำลังกายหัวใจนั่นเอง โดยเราจะออกกำลังกายหัวใจของเรา ได้ด้วยการทำให้ อัตราเต้นของหัวใจ เต้นสูงประมาณ 50-70% ของ อัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจ ของตัวเราเอง
แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าอัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจ ของเราอยู่ที่เท่าไหร่?
ก็เอาอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด ซึ่งคือ 220 ลบด้วยอายุของตัวเอง ก็จะได้ อัตราการเต้นสูงสุดของร่างกายเรา
เช่น ถ้าเราอายุ 20 ก็เอา 220 – 20 จะได้อัตราเต้นสูงสุดของตัวเรา เท่ากับ 200 ครั้ง/นาที หมายความว่า เราต้องออกกำลังกายให้หัวใจเต้น 50-70% ของ 200 หรือก็คือ 100-140 ครั้ง/นาที โดยควรออกเป็นเวลา อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
โอเค เข้าใจแล้ว ว่าหัวใจเราจะแข็งแรงขึ้น แล้วยังไง เราได้ประโยชน์อะไรจากมัน?
เมื่อหัวใจเราแข็งแรง ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบหายใจของเราดี จะทำให้สามารถ อดทน ต่อความเหนื่อยได้มากขึ้น และออกกำลังกายได้นานขึ้นนั่นเองค่ะ ซึ่งสิ่งนี้ ก็จะช่วยใจการดึงพลังงาน ที่สะสมภายในร่างกายของเรา ออกมาใช้ได้มากขึ้นนั่นเอง และแหล่งพลังงานของเรานั้น ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล ไขมัน และ แป้ง (ไกลโคเจน) จะถูกดึงออกมาใช้นั่นเองจ้า
ออกกำลังกายแบบ คาร์ดิโอ มีอะไรบ้าง?
อะไรก็ตามที่ทำให้เรารู้สึกเหนื่อย ก็สามารถนับเป็นคาร์ดิโอ ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น วิ่ง เดินเร็ว เล่นแบตมินตัน เล่นฟุตบอล เต้นซุมบ้า หรืออื่น ๆ อีกมากมาย
สรุป คาร์ดิโอ เหมาะกับคนที่อยากให้ร่างกาย ดึงพลังงานที่สะสมไว้มาใช้ ซึ่งก็จะทำให้ผอมลง และเหมาะกับคนที่อยากดูแลระบบหัวใจ และ การหายใจ ด้วยนะ ซึ่งตรงนี้ จะส่งผลดีต่อสุขภาพระยะยาวแน่นอน
2. เวทเทรนนิ่ง (weight training)
การออกกำลังกายแบบนี้ เป็นการใช้แรงต้าน จากแหล่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องมือ หรือ น้ำหนักจากตัวเราเอง เพื่อฝึกให้กล้ามเนื้อ มีความแข็งแรงขึ้น และ เป็นการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ให้มีมากขึ้น ซึ่งการมีมวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ ร่างกายของเรา ได้ใช้พลังงานมากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้แล้ว การออกกำลังกายแบบ เวทเทรนนิ่ง (weight training) ยังส่งผลให้เกิด สิ่งที่เรียกว่า After burn หลังจากการออกกำลังกาย ซึ่งช่วยเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นอีกด้วย
ออกกำลังกายแบบ เวทเทรนนิ่ง สามารถเดินทางไปใช้เครื่องมือที่ ยิม หรือจะ เล่นเองที่บ้านก็ได้ เพราะ ปัจจุบัน ก็มีคลิปวิดิโอมากมายให้ดูและทำตาม หรือ ถ้าอยากออกเองที่บ้าน แต่อยากเพิ่มการออกแรง ให้มากขึ้นสักหน่อย ก็ซื้อ สายต้านแรง หรือ resistance band มาใช้ ก็จะทำให้ออกกำลังได้มากขึ้นนะ
สรุปก็คือ เวทเทรนนิ่ง เหมาะกับคนที่อยากมีกล้ามเนื้อแข็งแรง ดูมีรูปร่างที่กระชับ มีบุคลิกภาพที่ดีจากกล้ามเนื้อที่แข็งแรง แถมเพิ่มการใช้พลังงานในร่างกายทำให้ผอมลงง่ายขึ้นด้วยนะ
3. โยคะ (Yoga)
โยคะ เป็น ศาสตร์ จากอินเดีย ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งความหมาย ของคำว่า ‘โยคะ’ หมายถึง การรวมเอา ร่างกาย และ จิต ไว้ด้วยกัน โดยฝึกจากการทำท่าทาง และ การกำหนดลมหายใจ ซึ่งจะนำไปสู่การมีสมาธิ แต่ที่ โยคะ เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ในฐานะ การออกกำลังกาย เป็นเพราะ โลกตะวันตก นำเอาโยคะมาดัดแปลง ให้เข้ากับการออกกำลังกายสมัยใหม่มากยิ่งขึ้น โดยจะเน้นการเคลื่อนไหวต่าง ๆ มากกว่า เน้นที่จิต ด้านใน
เนื่องจาก ท่าทาง ยืดเหยียด ที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ของการเล่น โยคะ เป็นการทำให้ร่างกาย ดึงพลังงานออกมาใช้ แต่ก็มีหลายท่า ที่ต้องค้างนิ่ง เกร็งอยู่กับที่ จึงเป็นการฝึกความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อด้วยเช่นกัน ทำให้ร่างกายดูเฟิร์มขึ้น กระชับขึ้น และ เป็นการปรับบุคลิกภาพต่าง ๆ ให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น
ด้านจิตใจเอง โยคะ ก็ช่วยได้ เพราะมีการศึกษา ที่พบว่า การเล่นโยคะ สามารถ เพิ่มระดับสารสื่อประสาท ที่มีความเกี่ยวข้องกับอารมณ์ ให้มีมากขึ้นได้ ซึ่งทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
สรุป โยคะ เหมาะกับผู้ที่อยากออกกำลังกายแบบยืดเหยียด ลดการเมื่อยตึงของกล้ามเนื้อ แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยเผาผลาญพลังงาน และ จัดระเบียบร่างกายให้สมดุล รวมถึงฝึกจิตให้มีสติ มีอารมณ์แจ่มใสอีกด้วย
การออกกำลังกาย 3 แบบ ตามที่กล่าวมา จะพบว่า ทั้ง การออกกำลังแบบ คาร์ดิโอ เวทเทรนนิ่ง หรือ โยคะ อาจ ไม่ได้ มาความแตกต่างกันมาก ขนาดที่แยกกันขาด ในแง่ของการดูแลสุขภาพ เพราะการออกกำลังกายทุกชนิด ก็มีผลดีต่อสุขภาพเช่นเดียวกัน แต่ในแง่ของผลลัพธ์ด้านรูปร่าง หรือผลพลอยได้อื่น ๆ เช่น เรื่องของจิตใจ หรือเรื่องของระบบหายใจ ดังนั้น ออกกําลังกายแบบไหน เหมาะกับเรา ก็ขึ้นอยู่กับว่า ใครอยากได้ผลลัพธ์แบบไหนมากกว่ากัน
และถ้ามองในแง่ของการลดน้ำหนัก แค่ออกกำลังกาย ก็ช่วยได้จริง แต่ก็ควรสนใจเรื่องการกินด้วยค่ะ มีหลักการง่าย ๆ คือ นำพลังเข้า ให้น้อยกว่า เอาพลังงานออก หรือออกกำลังกายให้มากกว่า ที่กินเข้าไปนั่นเอง ถ้าสนใจก็ลองดูบทความ เกี่ยวกับเรื่องอาหาร ที่ดีต่อสุขภาพเพิ่มได้ค่ะ
- สุขภาพดีเริ่มที่อาหาร! อาหารบำรุงร่างกาย 9 ส่วน อยากสุขภาพดี ต้องกินอะไรนะ
- หุ่นลีนแบบไม่ต้องออกกำลังกาย! 5 อาหารที่ทำให้พุงยุบ อร่อยดี ได้สุขภาพด้วย
- แนะนำ 5 ร้าน ” อาหารคลีนออนไลน์ ” อยู่บ้านยาวๆ ยังไงก็ไม่อ้วน!
credits : YesSpaThailand , Truepookpanya , Paolohospital , แหมทำเป็นฟิต , Pinrerest , Tunturi
Stay connected