ถ้าพูดถึง “นม” แล้ว หลาย ๆ คนคงจะนึกถึงนมวัว ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ที่ดีต่อสุขภาพกระดูก เต็มไปด้วยโปรตีน แคลเซียม วิตามินดี และบี 12 สูง ดีต่อร่างกาย ที่ตอนเด็ก ๆ หลาย ๆ คนคงจะเคยถูกบังคับ ให้ดื่มนมเยอะ ๆ จะได้ตัวสูง ๆ กันใช่ไหมล่ะคะ! แต่จริง ๆ แล้วก็มีอีกหลายคนเลยค่ะ ที่แพ้ นมวัว! และหันมานิยม ดื่มนมที่สกัดมาจากพืชกันมากขึ้น แต่นมแต่ละประเภท แต่ละแบบนั้นมีประโยชน์ยังไง แตกต่างกันยังไงบ้างนั้น วันนี้เรามี ประเภทของนม แต่ละชนิด พร้อมบอกประโยชน์ที่แตกต่างกัน มาบอก รับรองว่า คนที่ชอบดื่มนม รู้ไว้แล้วดี! มาเริ่มกันเลยค่ะ!
8 ประเภทของนม แต่ละชนิด พร้อมบอกประโยชน์ที่แตกต่างกัน!
#1. นมข้าวโอ๊ต
กลายเป็นเทรนด์ และนิยมดื่มมาก ๆ ในอเมริกาเลยทีเดียวค่ะ กับนมข้าวโอ๊ต ที่มีไฟเบอร์ และเบต้ากลูแคน ที่ละลายน้ำได้สูง แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับนมวัว
โดยนมข้าวโอ๊ตขนาด 8 ออนซ์ หรือ 1 แก้วนั้น มีพลังงานทั้งหมด 130 แคลอรี่ มีไขมัน 2 กรัม และโปรตีน 4 กรัมค่ะ
#2. นมอัลมอนด์
เริ่มกลายเป็นกระแส มีคนดื่มกันเพิ่มมากขึ้นแล้วค่ะ กับนมอัลมอนด์ ด้วยความที่มีแคลต่ำ ไม่มีน้ำตาล ดีต่อสุขภาพ คนที่ต้องการควบคุมอาหารการกิน ลดน้ำหนักสุด ๆ รสชาติมาความเป็นถั่ว ๆ มัน ๆ หน่อย ๆ มีทั้งโปรตีนจากถั่ว วิตามินเอ วิตามินอี วิตามินดี แมกนีเซียม สังกะสี ฟอสฟอรัส แคลเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ
โดยนมอัลมอนด์ 8 ออนซ์ หรือ 1 แก้ว มีแคลอรี่ 40 แคลอรี่ ไขมัน 3.58 กรัม และโปรตีน 1.51 กรัม
#3. นมวัว
วนกลับมาที่นมวัว กันก่อนดีกว่าค่ะ เพราะเป็นนมที่ใครหลาย ๆ คนคุ้นเคย โดยนมวัวนั้น เป็นแหล่งแคลเซียม โปรตีน วิตามินดี โพแทสเซียม และฟอสฟอรัสที่ดีเยี่ยม มีแคลเซียม 300 มิลลิกรัม ซึ่งคิดเป็น 30% ของปริมาณที่แนะนำต่อวันสำหรับผู้ใหญ่
ซึ่งนมวัว ต่อ 1 แก้ว มีโปรตีนมากกว่านมถั่วเหลืองประมาณ 2 เท่า มีโปรตีน 8 กรัม และคาร์โบไฮเดรต 12 กรัม
#4. นมแพะ
แม้ว่าปริมาณไขมันของนมวัว และนมแพะ จะใกล้เคียงกัน แต่อนุภาคไขมันมีขนาดเล็ก ทำให้ร่างกายย่อยได้ง่ายขึ้น นมแพะยังอุดมไปด้วย แคลเซียมมากมาย โดยเทียบเป็น 33% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน เทียบกับนมวัว 28% เลยทีเดียว รวมพลังงานทั้งหมด 170 แคลอรี่
และนมแพะ มีลดการเกิดสารก่อภูมิแพ้ มีไขมันต่ำกว่านมวัว และมีกรดไขมันดีบางชนิด ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ และยังสามารถช่วยในการรักษาสภาพต่าง ๆ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ และความผิดปกติของลำไส้ ให้ทำงานได้มีระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
#5. นมถั่วเหลือง
นมถั่วเหลืองหรือที่ใคร ๆ คุ้นเคย เรียกติดปากว่า น้ำเต้าหู้ นั้นใน 1 แก้ว จะให้โปรตีนประมาณ 5 กรัม ให้พลังงาน 80 แคลอรี่ มีไขมัน 4 กรัม โปรตีน 7 กรัม และคาร์โบไฮเดรต 3 กรัม นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาติต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย อย่างไอโซฟลาโวน (isoflavones) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจน มีวิตามินเอ, วิตามินดี 2 และวิตามินบี 12
แถมยังช่วยลดอัตราเสี่ยง โรคเบาหวาน ความดัน และไขมันอุดตันในหลอดเลือดได้ด้วย ใครที่กำลังคุมน้ำหนัก ต้องเลิฟเลยจริง ๆ ค่ะ
#6. นมข้าว
น้ำนมข้าว เป็นนมที่ทำมาจากพืช จึงย่อยง่ายกว่านมวัว ดูดซึมง่ายกว่า ซึ่งเหมาะกับคนที่แพ้แลคโตส แถมนมข้าว ยังมีไขมันต่ำ และมีคาร์โบไฮเดรตสูงกว่านมวัว โดย 100 มิลลิลิตร ของนมข้าว ให้พลังงาน 47 กิโลแคลอรี มีไขมัน 1 กรัม มีโปรตีน 0.3 กรัม และคาร์โบไฮเดรต 9 กรัม
และอุดมไปด้วยวิตามินบี ที่ช่วยรักษาระดับพลังงาน และเพิ่มการเผาผลาญให้มากขึ้น นอกจากนั้นยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือด ให้ผิวดูเนียนนุ่ม เปล่งปลั่ง น่าสัมผัสด้วย
#7. น้ำนมมะพร้าว
ต้องขอบอกก่อนว่า นมมะพร้าว ไม่ใช่ กะทิ นะจ๊ะ แต่เป็นนมที่สกัดมาจากมะพร้าว ซึ่งนมมะพร้าว คือการสกัดเอานมมะพร้าวออกจากเนื้อมะพร้าว จะให้มีรสสัมผัสดีกว่า โดยช่วยในการย่อยอาหาร ทำให้ลำไส้มีสุขภาพดี และยังช่วยต้านไวรัส ต้านเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย แต่ก็มีแคลเซียมสูงเช่นเดียวกัน
แต่ในนมมะพร้าวนี้ ก็ให้พลังงานค่อนข้างสูงเหมือนกันนะ เพราะพลังงานที่มีอยู่ในมะพร้าว จะมาจากไขมัน และน้ำตาล เหมาะกับคนที่แพ้แลคโตส แพ้นมถั่วเหลือง และไม่ทานเนื้อสัตว์ เป็นมังสวิรัติ หรือกินเจอยู่ ก็ดื่มได้เช่นกันค่ะ
#8. นมควาย
ปิดท้ายกันที่นมควาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ผลิตภัณฑ์ที่มาจากนมควาย จะอยู่ในรูปแบบของ ชีส เนย ครีม และโยเกิร์ต ซึ่งนมควาย มีโปรตีน ไขมัน และแลคโตสมากกว่านมวัว ทำให้อิ่มง่ายอยู่ท้อง ให้แคลเซียมสูง ช่วยเรื่องสุขภาพกระดูก และลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
ยังมี วิตามิน A และ E ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ และแร่ธาตุมากอีกด้วย เมื่อดื่มแล้ว จะให้เนื้อสัมผัสที่เข้มข้นมากกว่านมวัว โดยนมควาย 100 มิลลิลิตร ให้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี่ สูงกว่านมวัวด้วยค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะเพื่อน ๆ กับแต่ละ ประเภทของนม แต่ละชนิด ก็มีประโยชน์ที่แตกต่างกัน! ซึ่งเราสามารถเลือกให้เหมาะกับความต้องการของตัวเอง กับสุขภาพของตัวเองกันได้เลยนะคะ
สำหรับวันนี้ต้องขอลากันไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ บ๊ายบายค่า >///<
CR : thefoodjournal, pinterest
Stay connected