สวัสดีค่าสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเรียกได้ว่า Netflix นี่ขนเอาซีรีส์เจ๋งๆ และเป้นที่น่าจับตามองเข้ามามากมายเลยทีเดียว และนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่เรียกได้ว่าแซงทางโค้งแทบจะทุกเรื่องขึ้นนำเป็น Top 3 ได้ภายในไม่ถึง 3 วัน จน ณ ปัจจุบันขึ้นแท่นอันดับ 1 เรียบร้อยแล้ว วันนี้ Clubsister ขอซะหน่อยกับ “รีวิว Squid Game ซีรีส์สายดาร์ก! เกมเด็กโคดโหด! ไม่ใช่เกมธรรมดา แต่เล่น ลุ้น ตาย!” มาดูกันว่ามันจะสนุกแค่ไหน เริ่มกันเลย
“รีวิว Squid Game ซีรีส์สายดาร์ก! เล่น ลุ้น ตาย!”
ก่อนที่จะเริ่ม รีวิว Squid Game เราบอกก่อนว่า บทความนี้ปลอดสปอยล์แน่นอน เนื่องจากด้วยตัวของเนื้อเรื่องนั้น เราอยากให้เพื่อนๆ ไปดูและลุ้นเอาเองดีกว่า
เรื่องย่อและที่มา:
Squid Game เป็นผลงานการกำกับและการเขียนบทของฮวังดงฮยอก ผู้กำกับและเขียนบทที่มือชื่อเสียงชาวเกาหลี โดยผลงานที่ผ่านมาของเขาคือ Miss Granny (2013), The Fortress (2017) และ Collectors (2020) โดยบทซีรีส์เรื่องนี้ฮวังดงฮยอกเขียนและกะว่าจะเผยแพร่ตั้งแต่ช่วง 10 ปีก่อน
โดย Concept ของเรื่องได้รับแรงบันดาลใจมาจากการละเล่นชื่อดังของเกาหลีใต้ในปี 19 ที่เรียกว่า Squid Game หรือ เกมปลาหมึก แต่ทว่าด้วยความเข้มข้น ความดาร์ค และความดำดิ่งของเนื้อเรื่อง เป็นเหตุทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ต้องขยับขยายเวลาออกไปไม่ได้ถ่ายทำเสียที เนื่องจากสมัยก่อนมองว่ามันรุนแรงเกินไป แต่ ณ วันนี้ ซีรีส์เรื่องนี้ได้ถูกนำบทกลับมาปัดฝุ่นและพร้อมฉายความสนุกให้บน Netflix อีกครั้ง
โดย Squid Game เป็นเรื่องราวขององค์กรลับที่คิดค้นเกมที่มีต้นแบบอย่าเกมปลาหมึกสมัยก่อน โดยจะรับสมัครผู้เล่นที่มีความสนใจทั้งหมด 456 คนมาร่วมแข่งขัและเล่นเกมนี้ ซึ่งของรางวัลคือเงินจำนวน 45.6 พันล้านวอน (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 1,300 ล้านบาท) และที่น่าสนใจคือ
เงินรางวัลทั้งหมดนี้จะตกเป็นของผู้ที่ชนะเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่การเล่นมันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะเมื่อใครก็ตามที่ก้างขาไปเล่นเกมนี้ ไม่ได้เงินก็ต้องแลกด้วยชีวิต
ตัวละครสำคัญในเรื่อง:
ตัวละครที่ 1: กีฮุน รับบทโดย อีจองแจ
ใครที่ติดตามซีรีส์เกาหลีมาโดยตลอดจะคงพอคุ้นหน้าคุ้นตา นักแสดงนำชายรุ่นใหญ่อย่าง อีจองแจกันบ้าง และใน Squid Game เขากลับมาสร้างความตื่นเต้นให้กับคนดูอีกครั้ง ในบท กีฮุน ชายหนุ่มวัยกลางคน ที่ชะตาชีวิตเหมือนพลิกผันและแกล้งเขาอยู่ตลอดเวลา เขาเกิดและเติบโตมาในฐานะยากจน
พอโตขึ้นทำงาน มีธุรกิจก็ล้มเหลว หย่าร้าง ติดการพนัน จนเรียกได้ว่าไม่มีอะไรเหลือเลยนอกจากลมหายใจ ด้วยปัญหาชีวิตและหนี้ที่รุมเร้าเขาจึงตัดสินใจ เข้าร่วมเกมนี้เพื่อหวังเงินรางวัล
ตัวละครที่ 2: ซังอู รับบทโดย พัคแฮซู
เป็นนักแสดงมากความสามารถอีกคนหนึ่งรุ่นใหญ่และชื่อดังพอๆ กันกับ อีจองแจ เลยก็ว่าได้ ครั้งพัคแฮซู มารับบทที่เรียกได้ว่าสุดหินและเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่สะท้อนอารมณ์ ความมัวเมาและด้านมืดของมนุษย์ได้ดีเลยทีเดียว กับบท ซังอู เพื่อนสนิท ที่เปรียบเสมือนพี่น้องของกีฮุน เขาเติบโตมาในละแวกบ้านเดียวกัน
แต่ทว่าซังอูเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ และทะเยอทะยาน เขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง เข้าทำงานเป็นหัวหน้าทีมในบริษัทตลาดหลักทรัพย์ชื่อดัง แต่ทว่าเขาถูกจับได้ว่ายักยอกเงินของบริษัท ทำให้เป็นหนี้ก้อนโต ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาตัดสินใจเข้าร่วมเกมนี้พร้อมกีฮุน
ตัวละครที่ 3: ฮวังจุนโฮ รับบทโดย วีฮาจุน
อีกหนึ่งตัวละครที่มีมิติและปมเยอะไม่ต่างจากตัวละครตัวอื่นๆ ฮวังจุนโฮ เป็นตำรวจสายสืบที่แฝงตัวเข้ามาในเกมนี้เพื่อตามหาเบาะแสของน้องชายที่หายไป และองค์กรเกมลับนี้ โดยไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นใคร และเข้ามาในเกมนี้ได้อย่างไร
ตัวละครที่ 4: คังแซบยอก รับบทโดย จองโฮยอน
หญิงสาวชาวเกาหลีเหนือ ที่ลี้ภัยมาอยู่ที่เกาหลีใต้ เธอต้องผ่านช่วงชีวิตที่แทบจะไม่ได้ลืมตาอ้าปาก ลำบากและทุกข์ทน เธอหวังแค่จะเข้าร่วมเกมนี้และใช้ชีวิตที่เป็นสุขสักครั้ง
ช่วง รีวิว Squid Game:
เอาละค่ะ และก็มาถึงช่วงรีวิวกันแล้ว อย่างแรกต้องขอบอกความน่าประทับใจของซีรีส์เรื่องนี้ก่อน เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ตีความและขยายเอา จุดเล็กๆ อย่างการละเล่นสมัยเด็กที่เรียกได้ว่าเหมือนผ้าขาว และดูไม่มีผิดภัย มาขยายและทำให้มันดูน่ากลัว และพลิกแพลงทำให้ดูโหดร้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ไม่เพียงแค่นั้นในซีรีส์จะแบ่งตอนแต่ละตอนเป็นการละเล่นที่เราๆ ก็คงรู้จักกันบ้าง มาทำให้ดูโหดขึ้น มีความท้าทายขึ้น เรียกได้ว่าทำเอาคนดูลุ้นไปตามๆ กัน นอกจากการพลิกแพลงการเล่นแล้วสิ่งที่น่าสนใจของเรื่องคงหนีไม่พ้น การสะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำในสังคม ความรุนแรง และสะท้อนด้านมืดของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี
ในครั้งที่คนเราไม่ได้มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ เราก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่เมื่อความโลภ ความโกรธ ครอบงำเมื่อไร ความดีและมิตรภาพต่างๆ ก็ดับสูญไปเท่านั้น อย่างว่าเพราะแบบนี้ มนุษย์เราเลยขึ้นมาเป็นสัตว์ที่เห็นแก่ตัว และทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของตน
แต่สิ่งที่น่าเสียใจอย่างเห็นได้ชัดของซีรีส์เรื่องนี้คงเป็นความเนือยในบางช่วงที่เนือยจนเกือบจะหลับ ความไม่หลากหลายของพล็อต โดยการเล่นเกมแนวเอาตัวรอดนั้น มีมาตั้งแต่สมัยปี 20 ต้นๆ และมีมากมายเหลือเกิน ด้วย Squid Game นั้นออกมาช้าไปเสียซักนิด
เลยทำให้
รุ่นพี่หนังเรื่องต่างๆ ทำแนวนี้ออกมาจนดูเหมือนจะหลากหลายเสียมากกว่า และในข้อสุดท้ายนั่นก็คือ การใช้เทคนิคความระทึกของเวลา ซีรีส์เรื่องนี้เล่นมุกความระทึกและความลุ้นของเรื่องเวลาอยู่บ่อยจนทำให้เราพอเดาทางออก
แต่ใช่ว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่สนุกเลยซะทีเดียว ส่วนตัวเรามองว่าซีรีส์เรื่องนี้สามารถต่อยอดและดำเนินเรื่องไปได้อีกเยอะ สุดท้ายหากใครที่สนใจซีรีส์เรื่องนี้ก็สามารถติดตามกันได้ที่ Netflix (คลิกเพื่อรับชม) กันได้เลยค่า และพบกันใหม่บทความหน้า ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตรงนี้ค่า
Photo Credits:
Stay connected