สวัสดีค่าสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน ช่วงนี้ตัวเราเองได้กลับมาดูหนังแนวสืบสวนสอบสวนเหมือนเคย และก็คิดได้ว่า เอ่อ! เรานี่ดูหนังหรือซีรีส์ สัญชาติสเปนเยอะเหมือนกันนะ และก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดีด้วยเช่นกัน วันนี้ Clubsister เลยขอแนะนำ “5 หนังและซีรีส์สเปน สืบสวนโคตรหักมุม บน Netflix” บอกเลยว่าแต่ละเรื่อง หยุดดูไม่ได้ เอาทางไม่ถูก หักมุม จนคนดูอย่างเราร้องว้าว! เลยทีเดียว งั้นอย่ารอช้าไปเริ่มที่เรื่องแรกกันเลย
“5 หนังและซีรีส์สเปน สืบสวนโคตรหักมุม บน Netflix”
เรื่องที่ 1: Invisible Guest (คลิกเพื่อรับชม)
ประเภท: ภาพยนตร์
ความยาว: 1 ชั่วโมง 46 นาที
หากให้ยกตัวอย่างหนังและซีรีส์สเปน อีกทั้งยังเป็นหนังสืบสวนแล้วด้วยละก็เรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกๆ ที่เราอยากแนะนำให้ใครหลายๆ คนได้ดูกัน The Invisible Guest เป็นหนังสัญชาติสเปน โดยมีอีกชื่อหนึ่งว่า Contratiempo
พูดถึงเรื่องราวของ เอเดรียน นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่ชีวิตกำลังเป็นดาวรุ่งสุดๆ ถูกจับกุมพร้อมเป็นผู้ต้องสงสัยคนเดียวในคดีฆาตกรรมแฟนสาว ลอร่า ตากล้องมือดี ณ ห้องปิดตายในโรงแรมแห่งหนึ่ง สิ่งที่เขาทำได้คือการจ้างทนายความ มาเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์และค้นหาความจริงในเรื่องนี้ว่าใครเป็นคนฆ่าแฟนสาวของเขา
สิ่งที่ชอบในเรื่องนี้เลยคือทุกอย่าง ใช่แล้วคุณอ่านไม่ผิด มันคือทุกอย่างของเรื่องนี้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นพล็อต / การเล่าเรื่อง / Mood&Tone / การวาง Position ของตัวละคร ความสมเหตุสมผลในการเล่น Plot หนัง Twist Plot (หนังหักมุม)
หรือแม้กระทั่งการตัดสลับภาพเหตุการณ์พร้อมกับคำบอกเล่าของตัวละคร ทุกอย่างลงตัว เข้าเรื่องได้ไว เล่นกับความอยากรู้อยากเห็น ของคนดูได้อย่างเต็มเหนี่ยวทุกวินาที เรากล้าพูดได้เลยว่าไม่มีช่วงไหนเลยที่น่าเบื่อ แต่สิ่งที่หนังทำเราเจ็บแสบเลยคือเนื้อเรื่องและบทสรุปของเรื่อง
ว่ากันตามตรงหนัง Twist Plot บางเรื่องยังพอมีบางจุดที่เรายังเดาได้บ้าง แต่เรื่องนี้บอกได้เลยว่า เดาไม่ได้เลยซักนิดนึง ถึงแม้เราจะพอเดาตัวละครในบางสถานการณ์ได้บ้าง
แต่ !!!!! สิ่งที่คิดมันไม่ใช่เลยยย เป็นหนังที่เล่นสนุกตลบแตลง หลอกล่อกับความคิดและจินตนาการของคนดูได้อย่างฉลาดสุดๆ และอีกเรื่องคือหนัง Twist Plot บางเรื่องมักมีความไม่สมเหตุสมผลอยู่ในตัว แต่เรื่องนี้ไม่เป็นอย่างนั้น เนื้อเรื่องมีที่มาที่ไป จับจุดได้ อีกทั้งมีจุดสังเกตให้เราได้เรียงร้อย ความจริงหลายอย่างได้อย่างน่าประหลาดใจ (แต่กว่าจะสังเกตก็จบเรื่องแล้วไง) เรากล้าพูดเลยว่า หนังเรื่องนี้เป็นโครตหนังเงิบ ที่ดูจบต้องร้องเฮียหนักมากกก
เรื่องที่ 2: The Innocent (คลิกเพื่อรับชม)
ประเภท: ซีรีส์
ความยาว: 1 ซีซั่น จำนวน 8 ตอน
หนังและซีรีส์สเปน เรื่องต่อมาที่อยากจะแนะนำบอกเลยว่า ทำเราไม่ได้นอนมาแล้ว! อวยขนาดนี้ก็ต้องไปตามดูแล้วเปล่า!?! เป็นอีกหนึ่งหนังที่ผู้กำกับเดียวกันกับเรื่องด้านบน และเรื่องนี้มีชื่อว่า The Innocent ในชื่อสเปนคือ El inocente เป็นอีกหนึ่งนิยาย ที่ถูกนำมาทำซีรีส์สืบสวนสอบสวน วางตอนจบได้แบบขยี้ใจดูคนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งยังคงกลิ่นอายการกำกับและลำดับภาพ ที่เปรียบเสมือนลายเส้นประจำตัวของผู้กำกับ ฮาร์ลาน โคเบน คนนี้ไปเสียแล้ว
เรื่องราวพูดถึง แมท นักศึกษาวิชากฏหมายที่ตามมางานปาร์ตี้พร้อมเพื่อนและพี่ชาย แต่ทว่าเขาเกิดเหตุทะเลาะวิวาทจนพลั้งมือผลักเพื่อนคนหนึ่งล้มลงหัวกระแทกหินจนเสียชีวิต ด้วยเหตุนี้ทำให้แมทถูกต้องคดีจำคุกเป็นเวลา 4 ปีด้วยข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา ในวันหนึ่งพ่อและแม่ของแมทเสียชีวิต ทำให้เขาได้มีโอกาสพักโทษออกมาร่วมพิธีกับทางบ้าน ทำให้ได้เจอกับหญิงสาวที่ต้องตาและดึงดูดใจของเขาอย่าง โอลิเวียร์ ทั้งคู่ตกหลุ่มรักกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แต่ทว่าแมทก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตในเรือนจำต่อ
วันเวลาผ่านไปแมทถูกปล่อยตัว ให้กลับมาใช้ชีวิตในสังคมนี้อีกครั้ง เขาทำงานเป็นผู้ช่วยทนายในสำนักงานของพี่ชาย จนบังเอิญได้กลับมาเจอ โอลิเวียร์หญิงสาวคนเดียวที่เป็นรักแรกพบของเขา ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
จนกระทั่งวันหนึ่งโอลิเวียร์ต้องเดินทางไปต่างเมืองเพื่อจัดการงานเร่งด่วน แต่แล้วแมทก็ได้รับข้อความจากโอลิเวียร์ ซึ่งในนั้นเป็นรูปโอลิเวียในร่างเปลือย พร้อมชายแปลกหน้า ที่เหมือนจะอยู่นอนกับเธอ ด้วยเหตุนี้ทำให้แมทต้องออกเดินทางตามหาภรรยาของเขา ที่ไม่รู้ว่าอยู่กับใคร และ
ไม่รู้ว่าภรรยาของเขาปิดบังอะไรอยู่กันแน่
เราบอกได้คำเดียวว่า “สุดยอด” กับซีรีส์เรื่องนี้ เป็นซีรีส์ที่ผูกเรื่อง ผูกปม ขมวดทุกอย่างได้อย่างดีเยี่ยม เรียกได้ว่าเป็นลายเส้นที่คงเอกลักษณ์ของผู้กำกับคนนี้จริงๆ ความสนุกของซีรีส์เรื่องนี้ คือการค้นหาความจริง ที่ตัวเนื้อเรื่องสับขาหลอก และทำให้เรารู้สึกว่าเราเชื่อใจใครไม่ได้เลย
ทุกคนและทุกตัวละคร มีปม มีเรื่องราว และทุกเรื่องราวเกี่ยวโยงเข้ากันเป็นเรื่องราว บรรยากาศ กลิ่นอายในเรื่องให้ความรู้สึก Mood and Tone เดียวกัน เหมือนสะกดสายตา และ ความอยากรู้อยากเห็นของคนดูได้อย่างอยู่หมัด เรียกได้ว่า “เอาเราอยู่หมัด”
จริงๆ บ่อยครั้งที่ซีรีส์สืบสวนบางเรื่อง มักทำออกมาดีในช่วง 1 – 3 ตอนแรก และจะเริ่มแผ่วๆ แต่สำหรับซีรีส์เรื่องนี้ไม่เป็นอย่างนั้น กราฟความอยากรู้อยากเห็น ความสนุก และการหยุดไม่อยู่ มันพุ่งทะยายขึ้นเรื่องๆ ที่พีคไปกว่านั้น ฉากจบที่เหมือนจะจบ แต่กลับผลิกแพลงแตลงคนดูอย่างเราได้อย่างเฉียบ! และกินใจคนดูอย่างสุดๆ (อวยแรงมากขนาดนี้ ไปดูเถอะขอร้อง!)
เรื่องที่ 3: Mirage (คลิกเพื่อรับชม)
ประเภท: ภาพยนตร์
ความยาว: 2 ชั่วโมง 9 นาที
และเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งหนังและซีรีส์สเปน ที่มีผลงานการกำกับเดียวกับเรื่องแรก (อีกเช่นเคย) และเรื่องนี้คือ Mirage หรือ Durante la tormenta แปลเป็นไทยได้ว่า ภาพลวงตา เป็นหนังแนว Mystery, Sci-Fi ที่ดีไม่แพ้เรื่องแรกที่กล่าวไป
โดยเรื่องราวพูดถึง เบร่า หญิงสาวที่เพิ่งย้ายบ้านมาเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่กับสามีและลูกของเธอ ในขณะที่เธอกำลังจัดแจงบ้านใหม่ของเธออยู่นั้น เธอก็ได้พบกับเครื่องเล่นวิดีโอเทปสมัยปี 80’s เข้า จึงตัดสินใจเปิดดู แต่ทว่าเธอดันไปพบเจอกับสิ่งที่น่าประหลาดใจและทำให้คนที่อยู่รอบตัวเธอรวมถึงลูกสาวของเธอหายไปด้วย
จากเรื่องย่อคร่าวๆ ข้างต้นบางคนอาจจะคิดว่า เอ้…เป็นหนังผีรึเปล่านะ หรือสยองขวัญ เราบอกได้เลยว่าไม่น่ากลัวเลยซักนิด เป็นหนังแนวลึกลับ สืบสวนที่น่าค้นหา อีกทั้งซ่อนปมต่างๆ มากมาย ในช่วงแรกๆ อาจจะมีความงงเล็กน้อยถึงปานกลาง ว่าตัดสลับฉากอะไรกับฉากอะไรหว่า
แต่หลังจาก 10 นาทีไปแล้ว ความสนุกบังเกิดเลยค่า
ก็อย่างว่าหนังจากฝีมือผู้กำกับ Invisible Guest ซะอย่าง จะหลุดธีมไปได้ยังไง ถึงความสนุกและความลุ้นระทึกจะมีอย่างไร แต่ส่วนตัวแล้วเรามองว่าเรื่องนี้เดาได้ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ได้ยาก มีบางฉาก และ บางเหตุการณ์ที่พอเดาได้อยู่ (เมื่อเทียบกับเรื่องก่อน) แถมยังมีมุมโรแมนติกกุ๊กกิ๊กวิบวับมาให้ได้พออบอุ่นหัวใจกันเล็กๆ
เรื่องที่ 4: Elite (คลิกเพื่อรับชม)
ประเภท: ซีรีส์
ความยาว: 4 ซีซั่น เฉลี่ย 8 – 12 ตอน
ต่อมาเป็นหนังและซีรีส์สเปนที่โดนใจผู้ชม และแฟนคลับ Netflix หลายๆ คน โดยเฉพาะนักแสดงนำหญิงในซีซั่น 1 – 3 อย่างตัวละครที่มีชื่อว่า คาล่า กับ “Elite” หรือ ในชื่อภาษาไทย เล่ห์ร้ายเกมไฮโซ (ที่ส่วนตัวเราคิดว่าค่อนข้างจักกะจี้หน่อยๆ)
โดยเป็น Series Original จาก NETFLIX ฝั่งสเปน โดยเรื่องย่อของซีซั่น 1 เป็นเรื่องราวของเหล่าชีวิตวัยรุ่นวัยมัธยม ในโรงเรียนไฮโซแห่งหนึ่ง แต่ทว่าในงานโรงเรียนที่ทุกคนใฝ่ฝันทุกความสนุกสนานรื่นรมย์มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะในคืนวันนั้นเกิดเหตุฆาตรรมเด็กนักเรียนสาวชื่อว่า มาริน่า ขึ้น เวลาล่วงเลยผ่านไปเหมือนตำรวจจะจับคนร้ายได้ถูกคน แต่มันไม่ใช่ เพราะคนร้ายตัวจริงยังคงลอยนวลและอยู่ที่เดิม
สิ่งที่ทำให้เราชอบและหลงรักซีรีส์เรื่องนี้เลยคือ การเล่าเรื่องแบบตัดสลับเรื่องราวปัจจุบันหลังเกิดเหตุกับเรื่องราวก่อนเกิดเหตุ เพื่อทำให้คนดูรู้สึกลุ้นตามพร้อมคาดเดาเหตุการณ์ต่างๆ ไปด้วย แต่เพราะการเล่าเรื่องแบบนี้ทำให้เราเห็นความรู้สึกและความกดดันของแต่ละตัวละครได้อย่างชัดเจน
ไม่เพียงแค่นั้นซีรีส์เรื่องนี้ยังนำเสนอมุมมองความแตกต่างระหว่างศาสนา ฐานะ และสังคมของวัยรุ่น อย่างเช่น ความกดดันและเคร่งครัดทางด้านศาสนาของครอบครัว มีผลกับการใช้ชีวิต ความแตกต่างและเหลื่อมล้ำทางฐานะ ทำให้เด็กบางคนต้องสร้างโลกสมมติอีกใบขึ้นเพื่อไว้ใช้ผูกสัมพันธไมตรีกับเพื่อนและสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ฉลาดไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เลยคือ การหาวิธีในการเล่าเรื่อง โดยสร้างเหตุการณ์ใหม่ๆ ขึ้นมาประกบและผสานต่อให้ร้อยเรียงไปเป็นเนื้อเรื่องเส้นเดียวกับเหตุการณ์ในซีซั่นก่อนได้อย่างไม่สะดุดเลยซักนิด อีกทั้งซีรีส์เรื่องนี้นำเสนอมุมมอง Coming of Age ของวัยรุ่นตอนปลายที่จะก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ได้ดี เรียกได้ว่าเป็นราโชมอนเวอร์ชั่น วัยรุ่นสเปนก็เป็นไปได้
เรื่องที่ 5: Money Heist (คลิกเพื่อรับชม)
ประเภท: ซีรีส์
ความยาว: 4 ซีซั่น (ยังไม่จบ) เฉลี่ย 8 – 13 ตอน
เรื่องสุดท้ายของการแนะนำหนังและซีรีส์สเปน แนวสืบสวนสอบสวน บอกเลยว่าขาดเรื่องนี้ไปก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ! กับ Money Heist หรือ อีกชื่อหนึ่งในภาษาสเปนว่า La Casa De Papel เป็นเรื่องราวของกลุ่มโจรแปลกหน้าทั้งหมด 8 คน ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ต้องมารวมทีมร่วมแผนปล้นด้วยกัน ที่โรงกษาปณ์ของประเทศสเปน (โรงผลิตธนบัตร)
ซึ่งทุกคนจะใช้ชื่อย่อเป็นชื่อเมืองในประเทศต่างๆ เช่น โตเกียว / ริโอ / มอสโก และอื่นๆ โดยผ่านการควบคุมแผนการปล้นจากเบื้องหลังสุดฉลาดอย่างศาสตราจารย์ (นามแฝง) ซึ่งแผนการปล้นครั้งนี้ถูกวางแผนล่วงหน้านานถึง 5 เดือนเต็ม แต่ใช่ว่าแผนที่ดีจะทำให้ภารกิจสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ทั้งหมดจะต้องเอาชนะอารมณ์ ความรู้สึก และสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเพื่อให้ได้มาในจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้
ซีรีส์เรื่องนี้เป็นอีกซีรีส์หนึ่งของสัญชาติสเปนที่ไม่ผิดหวังอีกเรื่อง (ส่วนตัวเราว่าหนังหรือซีรีส์สเปนดีกว่าทางฝั่งยุโรปบางเรื่องเสียด้วยซ้ำ) พล็อตเรื่องดี มาพร้อมกับการเล่าเรื่องที่สนุก มีการ Flashback และ ตัดสลับฉากก่อนเริ่มปล้น (ช่วงวางแผน) และ ในขณะปล้น ได้ตรงจังหวะเป๊ะ
ทำให้เราได้เห็น story ที่มาที่ไปของตัวละคร และ BG ของแต่ละตัว
อีกอย่างเป็นซีรีส์เกี่ยวกับการปล้นที่ดู Make sense และไม่เว่อร์วังอลังการ เราจะได้เห็นการเล่นเกมกันระหว่างตำรวจสาวสุดฉลาดกับโจรที่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เหมือนเป็นการต่อกรกันที่ค่อนข้างถูกคู่ แต่สิ่งที่ชอบอีกอย่างเลยคือ สิ่งที่หนังคอยบอกเราตั้งแต่ต้นเรื่องว่า “ความรักและอารมณ์มักเป็นตัวที่ทำลายทุกอย่าง”
ส่วนตัวเรามองว่าจริง ในแง่การทำงาน หากมี 2 สิ่งนี้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยมักเป็นอันชิบ xxx ตลอด เรามักจะแยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวไม่ค่อยได้ อาจเพียงเพราะอารมณ์ที่มีมากเกินไป และอีกอย่าง การที่เราได้ดูหนังเรื่องนี้ มันทำให้รู้ว่า ในแง่การทำงานถึงแม้ทุกอย่างจะถูกเตรียมตัวไว้ดีแล้ว แต่ก็จะมี Factor ทั้งหลายแหล่ ที่เข้ามาและเราไม่สามารถควบคุมมันได้ สิ่งที่จะทำได้เลยก็คือ มีสติและวางแผนสำรองล่วงหน้าอยู่เสมอ
Photo Credits:
Stay connected