หลายๆ วันที่ผ่านมานี้กระแสข่าวต่างๆ ในโซเชี่ยลมีเดียร์หนาหูเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเรื่องเหตุบ้านการเมืองต่างๆ และอย่างที่เราๆ รู้กันว่าไม่นานที่ผ่านมานี้ ทางการได้แถลงการ การริเริ่มบังคับใช้ พรก. ฉุกเฉิน ในสถานการณ์ COVID-19 เพื่อป้องกันและจำกัดการแพร่กระจายของโรค อย่างนี้ด้วยวาระเหตุบ้านการเมืองในช่วงนี้ Clubsister เราขอนำเสนอ “5 ซีรีย์การเมือง ที่มันส์ทุกหยด” และล่วงรู้เท่าทันเกมการเมือง มานำเสนอกัน บอกเลยมันส์ แซ่บ ถึงพริก ถึงขิง เอาแบบถึงไส้ถึงพุงกันเลยทีเดียว งั้นอย่ารอแถลงให้มากความอยู่เลย มาเริ่มเรื่องที่ 1 กันเลยดีกว่า 

 

5 ซีรีย์การเมือง รู้ทัน มันส์ทุกหยด คอการเมืองต้องดู!

เรื่องที่ 1: House of Cards
จำนวนซีซั่น: 6 ซีซั่น

 

หากพูดถึงซีรีย์การเมืองที่เป็น Number 1. ในใจใครหลายๆ คนแล้วละก็ ต้องยกให้เรื่องนี้ “House of cards” หรือมีชื่อเรียกภาษาไทยว่า “เกมอำนาจ” 
แค่ชื่อไทยก็กินขาดแล้ว อีกทั้งซีรีย์น้ำดีเยี่ยมรื่องนี้ การันตีรางวัลเข้าชิงไพรม์ไทม์เอมมี่
และรางวัลที่มีชื่อเสียงของวงการโทรทัศน์อย่างเอมมี่อาวอดด์มาแล้ว
แถมด้วยนักแสดงที่ดีดรีเข้าชิงรางวัลออสก้าอีกเพียบและรวมถึงนักแสดง
มากความสามารถอีกไม่น้อย
โดยเรื่องราวเกี่ยวกับความตื้นลึกหนาบาง และ ความสีเทาของบุคลากรต่างๆ ในทำเนียบขาว

ซีรีย์การเมือง

ในความสนุกนี้มันไม่ได้ลุ้นระทึกเหมือนหนังสืบสวนสอบสวน หรือ หนังอาชกรรมทั่วไป
แต่มันเป็นการลุ้นระทึก
กับการชิงไหวชิงพริบของเหล่าสส. และ ข้าราชการต่างๆ
ที่บ้างก็ตีหน้าซื่อคุยกัน บ้างแสดงความเคารพให้กันประหนึ่งจงรักภักดี
แต่เปล่าเลยลับหลังเท่านั้นแหละ สีหน้าและแววตาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน และพร้อมเสียบมีดลงกลางหลังได้ทุกวินาที
แต่ที่เราชอบยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ความฉลาดในการอ่านเกมของตัวเอก
ทำให้เรารู้สึกเอาใจช่วยตัวละครเหล่านั้นไปโดยไม่รู้ตัว และบอกก่อนเลยว่า
หากใครที่เล็งกำลังดูเรื่องนี้อยู่
แล้วคิดว่าฉันเดาทางเกมของเรื่องออกแน่นอน
บอกเลยว่าคุณอาจจะผิดหวังก็ได้ เพราะคุณจะเดาทางการเดินหมากของแต่ละตัวละครได้ยาก
ถึงยากมากที่สุดทีเดียว

 

ปูลู เรื่องนี้เด็ดมาก จนทำให้อดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามาโพสต์ถึงใน Twitter เชียว

 

เรื่องที่ 2: Kingdom
จำนวนซีซั่น: 2 ซีซั่น

 

ซีรีย์การเมือง

 

เอาละต่อมาเรามาถึงซีรีย์แห่งยุคและเป็นซีรีย์แห่งปี 2019 และ 2020 กันบ้าง
หากพูดถึงซีรีย์ที่เป็นขวัญใจใครหลายๆ คนนั้น เราเชื่อว่าเรื่องนี้จะต้องติดโผเข้ารอบแน่นอน

แต่ทว่าหลายคนอาจจะคิดว่า เอ่า..ทำไมเรื่องนี้ถึงได้อยู่ในลิสต์ซีรีย์การเมืองละ
มันเป็นซอมบี้ไม่ใช่หรอ! ใช่ค่ะ! ซีรีย์เรื่องนี้อาจจะเป็นซีรีย์แนว Period ที่มีซอมบี้

แต่สำหรับเราเรื่องรองลงมาจากซอมบี้เลยคือ การเมืองและการแย่งชิงอำนาจบัลลังก์ต่างๆ ของเรื่อง ที่เดือดพอๆ กับซอมบี้เลยก็ว่าได้

ซีรีย์การเมือง

เรื่องราวทางการเมืองทั้งหมดของเรื่องนี้ เกิดขึ้นจากความละโมบของขุนนางชั้นสูง
ที่ใช้ลูกสาวของตนเป็นเครื่องมือ โดยให้แต่งงานกับประมุขและเมื่อยามที่ประมุขป่วย
ก็สร้างแผนกล่าวหาใส่ร้ายองค์รัชทายาทผู้สืบบัลลังก์
ว่าเป็นกบฏ อีกทั้งยังใช้สถานการณ์
บ้านเมืองที่ไม่ค่อยสู่ดีนี้ เพื่อเป็นเส้นทางไปสู่บัลลังก์ได้ง่ายขึ้น โดยไม่แยแสต่อประชาชน
ที่กำลังเผชิญหน้ากับโรคระบาด ทรัพยากรขาดแคลน และรวมถึงผู้คนล่มตายเพราะความยากจน

(นี่เราพูดถึงซีรีย์ Kingdom อยู่นะคะ) นี่แหละค่ะ ความมันส์ของซีรีย์เรื่องนี้ เพราะนอกจากคุณจะหนีซอมบี้แล้ว คุณยังต้องลุ้นกับการต่อสู้ศึกแย่งบัลลังก์นี้กันด้วย

 

เรื่องที่ 3: Bodyguard
จำนวนซีซั่น: 1 ซีซั่น

 

ซีรีย์การเมือง

ซีรีย์การเมืองเรื่องต่อไปเป็นเรื่องที่สนุกเร้าใจ และ ลุ้นระทึกไปกับความคิดความอ่านของตัวละครได้ดีไปไม่น้อยกว่าเรื่องไหน นั่นก็คือ Bodyguard อีกทั้งซีรีย์เรื่องนี้ยังได้รับรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมาแล้ว (ไม่ให้เยี่ยมได้ไง หล่อฝุด หล่อมากลากดิน)
เป็นเรื่องราวของ เดวิด บัดด์ อดีตทหารผ่านศึกที่มีปมในอดีตกับเรื่องที่ผ่านการรบที่อิรัก
มาทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ด องค์รักษ์คุ้มครองความปลอดภัยของรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทหญิงอย่าง จูเลีย มอนตากิว ผู้ที่ฉลาด ได้รับการยกย่อง และมีอำนาจจัดการในมือ

ซีรีย์การเมือง

แต่ทว่า เดวิด กลับมีความรู้สึกพิเศษและไม่ไว้ใจไปพร้อมๆ กันกับผู้บังคับบัญชาของตน
อีกทั้งเรื่องราวของปมในอดีตและร่องรอยจากแผลของการรบที่อิรัก ทำให้เป็นปัญหา
ต่อการทำงานของเขา ไม่เพียงแค่นั้นตัวเขาเองได้ล่วงรู้ความลับบางอย่าง

ของ จูเลีย ซึ่งทำให้เรื่องราวในครั้งนี้มีเงื่อนงำและความคลุมเครือซ่อนอยู่ตลอดเวลา

 

เรื่องที่ 4: Designated Survivor
จำนวนซีซั่น: 3 ซีซั่น

ซีรีย์การเมือง

ซีรีย์เรื่องนี้เป็นซีรีย์ที่คอการเมืองจะพลาดไม่ได้เป็นอันขาด
เพราะเป็นซีรีย์การเมืองที่เด็ดดวงหฤทัยสุดๆ พูดเลยว่าเปิดดูตอนแรก หยุดดูไม่ได้เลยค่า

เรื่องราวของซีรีย์เรื่องนี้พูดถึง ยุควิกฤตทางการเมืองของสหรัฐอเมริกา
ที่มีการจัดตั้งประชุมสภาเพื่อคัดเลือก ประธานาธิบดีคนใหม่ แต่ทว่าในวันที่กำลังประชุมนั้น
เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น
ทำให้ รัฐมนตรีว่าการเคหะตัวเล็กๆ อย่าง ทอม
ต้องขึ้นมาเป็นประธานธิบดีแทนโดยไม่ตั้งใจ

ซีรีย์การเมือง


แต่การที่จะขึ้นมาอยู่ข้างบนได้นั้น มันไม่ง่ายเลย เพราะเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เพิ่งเกิดขึ้น
การโดยโจมตีจากสื่อ
การถูกขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัว เรื่องในอดีต การถูกปองร้ายต่างๆ และเยอะแยะสารพัดที่หมากตัวเล็กๆ อย่างทอมต้องเจอ แต่สิ่งที่ทำให้เราชอบซีรีย์เรื่องนี้เลยก็คือ
รายละเอียดต่างๆ ในเรื่อง
ซีรีย์เรื่องนี้เป็นซีรีย์ที่เก็บรายละเอียดทางด้านการเมืองได้เฉียบจนน่าขนลุก ไม่ว่าจะเป็นระเบียบจารีจประเพณีต่างๆ การวางตัวของ สส. แต่ละคน และ การชิงไหวชิงพริบของเหล่าาชการที่ต้องเจอ มันทำให้คนดูคล้อยตามอารมณ์ของบทได้เป็นอย่างดี

 

เรื่องที่ 5: Trump: An American Dream
จำนวนซีซั่น: 1 ซีซั่น

 

ซีรีย์การเมือง

 

ถ้าพูดถึงการเมืองแล้วนั้น บุคคลที่มีชื่อเสียงทางด้านนี้จะเป็นใครไปไม่ได้
เสียนอกจากผู้นำประเทศมหาอำนาจและชื่อเสียงเลื่องลือทางด้านการเมืองอย่าง โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา
Trump: An American Dream เป็นซีรีย์การเมือง
ในรูปแบบ Documentary หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า ซีรีย์เชิงสารคดี ที่เน้นใช้ภาพจาก Footage เก่าๆ ที่เคยถ่ายทำมา พร้อมกับการสนทนาในเชิงบอกเล่ากับผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์นั้นๆ เพื่อเน้นรายละเอียดต่างๆ อย่างลึกซึ้งมากขึ้น

 

ซีรีย์การเมือง

ซึ่งเนื้อหาของซีรีย์ชุดนี้คือการพูดถึงประวัติอย่างสังเขปของโดนัล ทรัมป์
ตั้งแต่ยุคบุกเบิกที่เพิ่งได้เข้าวงการการเมือง อีกทั้งยังมีการถ่ายบางมุมที่เกี่ยวข้องเรื่องส่วนตัว ลักษณะนิสัย และแนวคิดของทรัมป์ รวมไปถึงเนื้อหาโดยรวมของซีรีย์แอบตีความได้ว่า กลยุทธ์ในการใช้เลือกตั้งของเขา ว่าเพราะอะไรเขาถึงชนะการเลือกตั้งได้อย่างพลิกสถานการณ์
ของผู้ที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของประเทศที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ “โดนัล ทรัมป์” 

 

Photo Credit:

Comments

comments