เชื่อว่าหลายๆคนที่รักสิวจะต้องชอบซื้อ skincare ดีๆมาใช้ใช่มั้ยล่ะ แต่ชาวซิสรู้มั้ยว่า สกินแคร์ตัวไหน ห้ามใช้ด้วยกัน บ้าง ตัวไหนที่เอามาใช้แทนที่ผิวจะสวยขึ้น กลับพัง จะบอกว่าเราไม่สามารถโทษแบรนด์นั้นๆได้อย่างเดียว เราต้องรู้ในส่วนของสารสกัดต่างๆว่าตัวไหนที่ไม่ควรใช้ร่วมกันบ้าง ส่วนจะมีตัวไหนบ้างที่ไม่ควรใช้คู่กัน ไปดูกันเลย!

ส่วนผสมสกินแคร์ตัวไหน อะไรบ้าง ที่ห้ามใช้ด้วยกัน 

1. Vitamin C / Benzoyl Peroxide

สกินแคร์ตัวไหน ห้ามใช้ด้วยกัน

สกินแคร์ตัวไหน ห้ามใช้ด้วยกัน

   สาวๆที่เป็นสิวบ่อย ทั้งสิวผด สิวเม็ดข้าว สิวอักเสบ หรือสิวอุดตัน ต่างต้องรู้จัก Benzoyl Peroxide หรือ BPO หรือ BP ใช้สำหรับการเรียกสิวขึ้นมา ให้หายเร็วขึ้น หรือบางคนใช้สำหรับการให้สิวอุดตันนั้น ขึ้นหัวเพื่อที่จะกดออกได้สะดวกใช่มั้ยล่ะ แต่ชาวซิสรู้มั้ยว่า เจ้าตัว Benzoyl Peroxide ถึงแม้จะมีความดีงาม แต่ถ้าหากใช้กับ Vitamin C นั้นจะไม่ก่อให้เกิดผลดีเท่าไหร่ค่ะ

  โดยความดีงามของ Vitamin C นั้นก็มีหลากหลายเช่นกัน เช่น ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส รดรอยดำรอยแดง เพิ่มความนุ่มให้ผิว และช่วยทำให้สุขภาพผิวดีขึ้น

  ซึ่งถ้านำมาใช้คู่กับวิตามินซีจะทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ที่ไม่ทำให้เกิดผลดีกับผิว นอกจากนี้ตัว BP ยังค่อนข้างกัดผิว ละลายหัวสิว จนบางคนมีอาการแสบ แดง คัน ระคายเคืองอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอตัววิตามินซีเข้าไปยิ่งพังไปกันใหญ่ ถ้าอยากใช้จริง ๆ รอให้เลิกใช้ BP ก่อน อดทนรอนิดนึงเพื่อผิวที่เปล่งปลั่งสุขภาพดีค่ะ

สรุปผล : ยิ่งทำให้ผิวอักเสบ ระคายเคือง

 

2. Salicylic / Glycolic 

สกินแคร์ตัวไหน ห้ามใช้ด้วยกัน

สกินแคร์ตัวไหน ห้ามใช้ด้วยกัน

   และสำหรับคนที่ชอบเรื่องของผิวกระจ่างใส รอยดำรอยแดงฝ้ากระจางลง ก็จะรู้จัก 2 ตัวนี้เป็นอย่างดี ตัวแรกชื่อว่า กรด Salicylic ซึ่งเป็นส่วนผสมในการรักษาสิว ที่มีส่วนผสมของ AHA และ BHA สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ดีมาก

  ส่วนตัว กรด Glycolic นั้นก็ทำหน้าที่เหมือนกัน คือเป็นส่วนผสมที่ใช้ในการผลัดเซลล์ผิว คือการผลัดเซลล์ผิวเก่าๆ ที่ทำให้หน้าหมองคล้ำหลุดไป และต้องบอกว่าสาร 2 ตัวนี้เป็นส่วนผสมที่ดี เป็นที่นิยมมากๆค่ะ แต่ทำไมถึงไม่ควรใช้คู่กันนะ? มาค่ะจะบอกให้

  สาเหตุที่ไม่ควรใช้คู่กันนั้นเป็นเพราะว่า 2 ตัวนี้คือกรดประเภท AHA / BHA ที่แบรนด์ส่วนใหญ่จะให้มาใน % ที่ค่อนข้างสูง แล้วถ้าเราใช้คู่กันจากแทนที่จะทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น หรือสิวหาย ริ้วรอยฝ้าจางลง จะกลับกลายเป็นว่าผิวพังจ่ะแม่! เซลล์ผิวอาจจะแห้งขึ้นมาก เพราะการสูญเสียน้ำของเซลล์ผิวนั่นเอง ทางที่ดีคือใช้ตัวใดตัวนึงพอนะจ้ะซิส

สรุปผล : ผิวยิ่งแห้งลอกง่าย ไม่แข็งแรง 

 

3. Retinol / scrub beads 

สกินแคร์ตัวไหน ห้ามใช้ด้วยกัน

สกินแคร์ตัวไหน ห้ามใช้ด้วยกัน

  สกินแคร์ตัวไหน ห้ามใช้ด้วยกัน ตัวต่อไปคือ Retinol กับ Scrub beads นั่นเองค่ะ

  เรตินอลนั้น เป็นส่วนผสมที่ดีมากอย่างหนึ่ง ที่ใครๆ หลายคนก็เลือกใช้ เพราะว่าทั้งช่วยลดเลือนริ้วรอย ปรับสีผิวให้ขาวสม่ำเสมอกัน แถมช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ด้วย แต่มีข้อเสียคือ ทำให้ระคายเคืองง่าย ไวต่อแสงแดดค่ะ และผิวแห้งได้ 

 ส่วนของสครับนั้น เป็นตัวช่วยที่สามารถทำให้ผิวเราผลัดเซลล์ ขัดขี้ไคล และสามารถทำให้ผิวนุ่มลื่นได้อีกด้วย แต่การสครับผิวนั้นต้องบอกว่าไม่ได้ช่วยทำให้ผิวชั้นลึกๆของเราชุ่มชื่นขึ้น เพราะเนื้อสครับจะสามารถช่วยให้ผิวนุ่มได้ จากการหลุดไปของชั้นหนังกำพร้า ทำให้เรารู้สึกว่าผิวลื่นขึ้นนั่นเอง

บางคนก็อาจจะแก้ปัญหาผิวแห้งด้วยการสครับผิวให้ชุ่มชื้น แต่นี่เป็นวิธีที่ผิดค่ะ เพราะยิ่งทำก็ยิ่งทำให้ผิวแห้งไปกันใหญ่ และผิวระคายเคืองง่ายได้อีกด้วย

สรุปผล : ผิวจะแห้งแตกไม่นุ่มชุ่มชื่น ริ้วรอยขึ้นร็ว

 

 

4. Retinol / AHA/BHA

สกินแคร์ตัวไหน ห้ามใช้ด้วยกันสกินแคร์ตัวไหน ห้ามใช้ด้วยกัน

  AHAs และ BHA  เป็นสุดยอดสารผลัดเซลล์ผิวให้กระจ่างใสขึ้นค่ะ สามารถช่วยในเรื่องของการลดรอยสิสว รอยแดง และริ้วรอยรวมถึงฝ้ากระ เพราะเป็นกรดที่ได้จากผลไม้นั่นเอง

  ในขณะเดียวกันเรตินอลก็เป็นกรดวิตามินเอที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย และช่วยผลัดเซลล์ผิวได้เช่นกัน และสำหรับบางคนคิดว่าถ้าหากใช้ทั้ง 2 ตัวจะทำให้เห็นผลมากขึ้น แต่บอกเลยว่าผิดนะคะซิส ถ้าเอามาใช้ด้วยกันก็จะยิ่งผลัดเซลล์ผิว ให้ผิวเราหายหมอง ดูกระจ่างใสขึ้น และดูอ่อนเยาว์ขึ้นใช่ไหมคะ แต่ความจริงแล้ว ตรงกันข้ามเลยค่ะ เพราะว่า เป็นกรดด้วยกันทั้งคู่ พอเขามาใช้ด้วยกันก็จะยิ่งทำให้เป็นผื่นแดง ระคายเคือง และไวต่อแสงแดดได้มากขึ้นด้วย

สรุปผล : ผิวระคายเคือง ผิวบาง

 

5. Niacinamide / Vitamin C

สกินแคร์ตัวไหน ห้ามใช้ด้วยกัน สกินแคร์ตัวไหน ห้ามใช้ด้วยกัน

 

  Niacinamide หรือวิตามินบี 3 ที่มีคุณสมบัติช่วยปรับผิวให้ขาวขึ้น และสามารถช่วยในเรื่องของความอุ้มน้ำของผิวอีกด้วย

 และ Vitamin C ก็เป็นส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้ด้วยเช่นกัน สามารถช่วยในเรื่องของรอยแดงต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม

  แต่การนำส่วนผสมทั้งสองอย่างนี้ ไม่ได้ยิ่งทำให้เราขาวขึ้น แต่ทำให้ผิวเราหมองคล้ำได้ค่ะ และลดประสิทธิภาพของส่วนผสมของทั้งสองตัวนี้ลง เพราะด้วยการทำงานของสารที่เข้ากันไม่ได้ จึงส่งผลต่อการใช้ของเราทำให้ผิวไม่ดีอย่างที่คิดไว้เลย เพราะฉะนั้นเลือกแค่ตัวไหนตัวหนึ่ง ก็พอแล้วค่ะซิสส

สรุปผล : ผิวหมองคล้ำลง

 

6. Retinol / Toner

สกินแคร์ตัวไหน ห้ามใช้ด้วยกัน สกินแคร์ตัวไหน ห้ามใช้ด้วยกัน

  เรตินอลนั้น เป็นส่วนผสมที่ดีมากอย่างหนึ่ง ที่ใครๆ หลายคนก็เลือกใช้ เพราะว่าทั้งช่วยลดเลือนริ้วรอย ปรับสีผิวให้ขาวสม่ำเสมอกัน แถมช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ด้วย แต่มีข้อเสียคือ ทำให้ระคายเคืองง่าย ไวต่อแสงแดดค่ะ และผิวแห้งได้

 และ Toner ที่เป็นตัวช่วยก่อนลง Skincare เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว หรือเป็นขั้นตอนการเตรียมผิวก่อนที่จะลงตัวอื่นตามไป บางคนใช้สำหรับการทำความสะอาดอีกขั้นตอนนึง ซึ่งต้องบอกว่าประโชน์ของ Toner นั้นก็มีมากมายเลยทีเดียวนะ

  หลายคนอาจมองว่าโทนเนอร์เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น แต่จริงๆ แล้ว นี่คือสิ่งที่มีประโยชน์หลายอย่างค่ะ ถ้าโทนเนอร์ตัวไหนมีส่วนผสมของกรด glycolic ก็จะช่วยผลัดเซลล์ผิว เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสขึ้นมา ถ้าตัวไหนมีส่วนผสมของ witch hazel ก็จะช่วยรักษาสิวได้ด้วย

  แต่ถ้าจะใช้โทนเนอร์ก็ต้องระวังนิดนึงค่ะว่า อย่าไปใช้ร่วมกับเรตินอล เพราะจะทำให้ผิวเราแห้งหนักกว่าเดิมได้ค่ะ หรือมี Trick ก็คือหากจะใช้ Toner คู่กับ เรตินอล ให้เลือกสูตรที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื่น ไม่ใช่สูตรผลัดเซลล์ผิวนะคะซิส!

สรุปผล : ผิวแห้ง ริ้วรอยเกิดขึ้นเร็ว

 

Credit : https://www.idskinexpert.com/  , https://www.wongnai.com/

 

Comments

comments