ใครที่วางแพลนจะฉีด-ฟิลเลอร์ ให้ปากอวบอิ่ม ขอบปากชัด ยกมุมปาก เพื่อให้ใบหน้าดูเด็ก ดูละมุน ถูกโหงวเฮ้ง ต้องดู ! วันนี้เราจะมาบอก สิ่งที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ และอีกหลายประเด็นที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ปากราคาเริ่มต้นอยู่ที่เท่าไหร่ เลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อจากฝั่งอเมริกาหรือเกาหลีให้ผลลัพธ์ต่างกันมากไหม?
เรื่องต้องรู้ก่อนฉีด-ฟิลเลอร์ปาก อันตรายมั้ย ควรเตรียมงบเท่าไหร่ (โดยประมาณ)
ฉีดฟิลเลอร์ปากอวบอิ่มคืออะไร?
การฉีดฟิลเลอร์ปากอวบอิ่มเป็นการใช้สารเติมเต็มในกลุ่มประเภทไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid : HA) ซึ่งเป็นสารที่ทำหน้าที่คล้ายคอลลาเจนในร่างกาย มีคุณสมบัติพิเศษในการอุ้มน้ำและช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูขึ้น ฉีดเข้าไปบริเวณริมฝีปากเพื่อช่วยเพิ่มให้เนื้อปากให้มีวอลุ่มมากขึ้นและปรับขนาดของโครงสร้างปากให้บริเวณปากดูอวบอิ่มขึ้น
ฟิลเลอร์ปากช่วยอะไรบ้าง?
- ช่วยปรับขอบปากที่ดูบางเล็กให้ดูอวบอิ่มขึ้นได้ทันที
- ช่วยแก้ปัญหารูปปากที่ดูคว่ำให้ดูยิ้มแย้มขึ้น
- ช่วยแก้ปัญหารูปปากที่ดูไม่เท่ากันให้มีความสมดุลมากขึ้น
- ช่วยแต่งเต็มริมฝีปากอวบอิ่มมีเสน่ห์มากขึ้น
- ช่วยแก้ปัญหาปากแห้ง ปากมีริ้วรอย ให้ชุ่มชื้นเต่งตึงขึ้น
- แก้ไขปากบางจากการผ่าตัดทำให้ริมฝีปากดูชัดขึ้น
- ช่วยปรับให้รูปปากให้มีกระจับ
- ช่วยให้ทาลิปสติกไม่ตกร่อง ดูเรียบเนียน และติดทนนานมากยิ่งขึ้น
ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก?
ฟิลเลอร์ปากเป็นสาร เติมเต็มจากธรรมชาติ ที่สามารถย่อยสลายได้จากเอนไซน์ (Enzyme) ที่มีความปลอดภัยสูง จึงเหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการแก้ไขปัญหามีริมฝีปาก
ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี
ในปัจจุบันยี่ห้อฟิลเลอร์มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อด้วยกัน โดยแต่ละยี่ห้อต่างก็จะมีจุดเด่นในเรื่องของลักษณะเนื้อฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันออกไปรวมถึงระยะเวลาการเห็นผลอีกด้วย
- ยี่ห้อ Restylane โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดปากมีดังนี้
- Restylane Refyne เห็นผลประมาณ 12 เดือน
- Restylane Kysse เห็นผลประมาณ 12 เดือน
- Restylane Defyne เห็นผลประมาณ 18 เดือน
- Belotero โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดปากมีดังนี้
- Belotero Soft เห็นผลประมาณ 6-12 เดือน
- Belotero Balance เห็นผลประมาณ 12-18 เดือน
- Revanesse โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดปากมีดังนี้
- Revanesse Ultra เห็นผลประมาณ 6-12 เดือน
- Juvederm โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดปากมีดังนี้
- Juvederm Volift เห็นผลประมาณ 12 เดือน
- Juvederm Ultraplus เห็นผลประมาณ 12 เดือน
- Juvederm Voluma เห็นผลประมาณ 18 เดือน
- Definisse โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดปากมีดังนี้
- Definisse Restore ระยะเวลาการเห็นผล 12 เดือน
- Perfectha โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดปากมีดังนี้
- Perfectha Derm เห็นผลประมาณ 6-12 เดือน
- Perfectha Deep เห็นผลประมาณ 8-12 เดือน
- Neuramis โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดปากมีดังนี้
- Neuramis Deep เห็นผลประมาณ 6-18 เดือน
- E.P.T.Q. โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดปากมีดังนี้
- E.P.T.Q. S 100 เห็นผลประมาณ 6 เดือน
- E.P.T.Q. S 300 เห็นผลประมาณ 8 เดือน
- E.P.T.Q. S 500 เห็นผลประมาณ 12 เดือน
- Yvoire โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดปากมีดังนี้
- Yvoire Volume Plus เห็นผลประมาณ 9-12 เดือน
แต่ยังไงแล้วคนไข้ควรเข้าพบแพทย์เพื่อปรึกษาแจ้งถึงความต้องการเพื่อให้แพทย์สามารถแนะนำยี่ห้อและรุ่นที่เหมาะสมกับความต้องการของเราได้
ฉีดฟิลเลอร์ปาก VS ผ่าตัดศัลยกรรมปาก แบบไหนเหมาะกับใคร
- การฉีดฟิลเลอร์ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปากจะช่วยเติมเต็มรูปปากให้อวบอิ่มขึ้น และสามารถจัดแต่งรูปปากได้ตามใจคนไข้ให้เป็นทรงตามเทรนด์ เช่น ทรงสายฝอ ทรงสายเกาหลี ทรงปากกระจับ
ข้อดี : เห็นผลทันทีหลังฉีด ไม่ต้องพักฟื้นมีผลข้างเคียงแค่บวมเล็กน้อย สามารถทาลิปได้ตามปกติ และหากหลังทำแล้วไม่พึงพอใจ สามารถแก้ไขได้ง่าย นอกจากนั้นยังมีราคาในระดับปานกลาง
ข้อเสีย : ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างถาวร เนื่องจากสารฟิลเลอร์ (ของแท้) จะสลายตัวไปได้เองในร่างกายทำให้สามารถกลับมาเกิดปัญหารูปปากบางได้อีกครั้ง
- การผ่าตัดศัลยกรรมปาก
การผ่าตัดศัลยกรรมรูปปากที่สามารถแก้ไขได้ทั้งปัญหาปากบางให้หนาขึ้นด้วยการผ่าตัดเสริมเนื้อริมฝีปาก หรือต้องการแก้ไขรูปปากที่หนาให้บางลงก็สามารถทำได้
ข้อดี : สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างถาวร และยังช่วยแก้ปัญหารูปปากได้อย่างครอบคลุมมากกว่าการฟิลเลอร์ปาก
ข้อเสีย : หลังทำต้องพักฟื้นนานหลายวัน และหากทำแล้วไม่พึงพอใจผลจะสามารถแก้ไขได้ยากและมีค่าใช้จ่ายที่สูง
ใครที่ยังแน่ใจว่าศัลยกรรมปากจะเป็นยังไง อาจจะเริ่มต้นจากการฉีดฟิลเลอร์ปากก่อน เพราะหากไม่ชอบก็สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์และฉีดเติมฟิลเลอร์เข้าไปใหม่ได้ แต่ถเาเลือกทำการศัลยกรรมแล้วผลลัพธ์ไม่ตรงตามความต้องการขึ้นมาจะแก้ไขได้ลำบากหรือไม่สามารถแก้ไขได้เลยในบางเคส
ฉีดฟิลเลอร์ปากควรมีอายุกี่ปีขึ้นไป
การฉีดฟิลเลอร์ปากไม่ได้มีข้อกำหนดว่าต้องอายุ 18 ปีขึ้นไป ถึงอย่างไรแล้วคนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ร่างกายอาจยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ แพทย์จึงแนะนำให้รอให้อายุถึงก่อน แต่สำหรับน้องๆที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องการฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องได้รับอนุญาตจากคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครอง
ปากบางจากการผ่าตัดสามารถแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ปากได้มั้ย?
กรณีที่คนไข้มีการผ่าตัดทำปากบางมาก่อน แล้วเกิดความผิดพลาดทำให้เนื้อปากบางมากเกินไป ก็สามารถฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อช่วยแก้ไขปรับรูปปากให้ดีขึ้นได้ แต่ทั้งนี้จะต้องขึ้นอยู่กับพังผืดที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัดด้วย หากพังผืดดึงรั้งมากไป ก็อาจจจะใช้ฟิลเลอร์เติมเต็มได้น้อย
หลังฉีดฟิลเลอร์ปากมีข้อห้ามอะไรบ้าง?
– งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะแอลกอฮอล์อาจมีฤทธิ์กระตุ้นการอักเสบของร่างกาย และความเมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ก็อาจจะทำให้เผลอเกิดการกระแทกที่ปาก
– เครื่องดื่มร้อนๆทุกชนิด เพราะหลักการฉีดฟิลเลอร์ใหม่ๆรอยเข็มที่ริมฝีปากอาจจะยังหายไม่สนิท จึงทำให้ปากมีอาการบวมและอักเสบได้ง่าย นอกจากนี้ความร้อนยังทำใหเฟิลเลอร์สลายได้ไวขึ้นอีกด้วย
– งดทำกิจกรรมกลางแจ้งที่มีแดดจัดหรืองดการออกกำลังแบบหนัก เพราะการออกกำลังกายหนังอาจทำให้เลือดสูบฉีดมาก จนทำเกิดอาการบวม หรืออาจเผลอเกิดการกระแทกที่ปากในขณะออกกำลังกายจนทำให้ปากเสียรูปทรงได้
– ไม่สัมผัสริมฝีปากเพราะอาจจะทำให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อได้ง่าย
ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก
– ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะสารฟิลเลอร์อาจส่งผลต่อทารกได้
– ผู้ที่มีประวัติการแพ้สารไฮยาลูรอนิค เอซิดหรือสารฟิลเลอร์
– ผู้ที่มีปัญหาเลือดหยุดไหลยาก เนื่องจากในระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ย่อมมีเลือดออกในจุดที่แพทย์ฉีดอยู่แล้ว
– ผู้ที่มีปัญหาผิวในจุดที่จะฉีดเช่น เป็นแผล ผื่น ตุ่มหนองควรรักษาอาการดังกล่าวให้หายขาดเสียก่อน
– หากมีประวัติเกี่ยวกับการแพ้สารคอลลาเจน ไข่ สารลิโดเคน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีด
แนะนำฉีดฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี? ต้องใช้กี่ CC?
สำหรับที่คลินิกจะแนะนำฟิลเลอร์ Restylane และ Juvederm เนื่องจากตัวฟิลเลอร์มีคุณสมบัติอุ้มน้ำ ความยืดหยุ่น เนื้อบางเบา ไม่จับตัวเป็นก้อน และมีความสภาพอยู่ได้นาน สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อปรับรูปทรงปาก โดยทั่วไปปริมาณฟิลเลอร์ที่แพทย์ฉีดจะยู่ที่ 1 cc ก็สามารถเติมเต็มริมฝีปากให้ดูสวยงามขึ้นได้ แต่ในบางเคสที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้กับริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มมากขึ้นอาจจะฉีดอยู่ที่ 2 cc แต่ต้องขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการประเมินและแนะนำปริมาณที่เหมาะสมให้กับคนไข้แต่ละคน
ฉีดฟิลเลอร์ปากอยู่ได้กี่เดือน?
การฉีดฟิลเลอร์ปากขึ้นอยู่กับยี่ห้อ โดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ถ้าเราต้องการให้ฟิลเลอร์อยู่กับเรายาวนาน แนะนำให้หลังการฉีดฟิลเลอร์ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 2 ลิตรต่อวันจะช่วยให้ปากคงความอวบอิ่ม
วิธีเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ปากให้ปลอดภัย?
– เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีการแสดงใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลอยู่ชัดเจน มีป้ายชื่อสถานพยาบาล และเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก
– เลือกคลินิกที่สะอาด มีอุปกรณ์เครื่องมือ ยาและเวชภัณฑ์ที่พร้อมให้บริการ
– เลือกคลินิกที่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ใช้ได้ว่าเป็นของแท้ โดยเช็คกับบริษัทนำเข้าได้ก่อนหัตถการ
– เลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำและต้องมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ปาก
– เลือกคลินิกที่มีการรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
– เลือกคลินิกที่มีช่องทางติดต่อที่สะดวกและมีการนัดติดตามผลหลังการฉีดฟิลเลอร์ปากทุกครั้ง
ผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์ปากมีอะไรบ้าง?
การฉีดฟิลเลอร์ปาก หลังฉีดจะมีรอยแดงจากเข็มเล็กๆ ซึ่งสามารถหายไปเองได้ภายใน 2-3 วัน แต่ก็มีบางเคสที่อาจเกิดรอยเขียวช้ำได้เล็กน้อย ซึ่งมักพบได้บ่อยในเคสที่มีการรับประทานวิตามิน หรือยาละลายลิ่มเลือด เช่น แอสไพริน ,วิตามิน E, น้ำมันปลา, พิมพ์โรส รวมถึงแอลกอฮอล์ แต่รอยเขียวช้ำจะค่อยๆ จางลงได้เองภายใน 1 สัปดาห์ โดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ต้องเตรียมงบเท่าไหร่สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปาก
ราคาค่าฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นจะมีเรทราคาที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับยี่ห้อและประสบการณ์ของคลินิกที่ฉีด เพราะหากเลือกยี่ห้อจากฝั่งอเมริกาหรือยุโรปก็จะมีราคาที่สูงกว่าหากเลือกฉีดยี่ห้อเกาหลี แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 6,000-15,000 บาทต่อ 1 ซีซีนั่นเอง
สรุป
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นวิธีที่ช่วยปรับสภาพและเติมเต็มริมฝีปากให้อิ่มฟูเป็นธรรมชาติหลังการฉีดได้ทันที และเลือกฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ มีเทคนิคในการฉีดที่ถูกต้อง โดยใช้ฟิลเลอร์ที่เป็น Hyaluronic Acid แท้ เพียงเท่านี้สาวๆก็จะได้ริมฝีปากที่มีรูปทรงต้องการและปลอดภัย100%
Stay connected