สงสัยมั้ยว่า ทำไมบางคนฉีดโบท็อกลดกรามแล้วเห็นผล หน้าเรียวขึ้นจริง แต่บางคนกลับฉีดโบท็อกลดกรามแล้วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันนี้เราจะพามาสำรวจว่าใบหน้าแบบไหนถึงเหมาะสำหรับการ ฉีดโบท็อกหน้าเรียว เพราะถ้าเราไม่ได้รับการแก้ไขที่ตรงจุด หรือไม่ได้รับการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี การโบท็อกสำหรับบางคนก็จะไม่เห็นผล ซึ่งการดูแลตัวเองถือเป็นสิ่งสำคัญของการฉีดโบท็อก เพราะหากดูแลตัวเองแบบผิดๆก็อาจจะทำให้ตัวยาโบท็อกนั้นไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ วันนี้เราจึงขอมาแนะนำวิธีการฉีดโบท็อกหน้าเรียวสำหรับผู้ที่ปัญหาหน้าบานและกรามใหญ่ ให้มีความเข้าใจก่อนฉีดเพื่อให้ตรงตามผลลัพธ์
ฉีดโบท็อกหน้าเรียว ลดกราม อันตรายไหม ผลลัพธ์อยู่ได้นานกี่เดือน
การฉีดโบท็อกลดกรามคืออะไร ทำไมต้องฉีดโบท็อก?
การฉีดโบท็อกลดกรามด้วยตัวยาที่มีชื่อทางการแพทย์ว่า โบทูลินั่ม ท็อกซินเอ (Botulinum toxin type A) ซึ่งเป็นสารสกัดจากเชื้อแบคทีเรีย “Clostridium Botulinum” ที่มีออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ซึ่งจะมีผลให้กล้ามเนื้อตรงบริเวณที่ฉีดทำงานได้ลดลง กล้ามเนื้อจึงมีขนาดที่เล็กลงได้ชัดเจน ทำให้ถูกนำมาใช้ในด้านเสริมความงามเพื่อช่วยเรื่องปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นได้อีกวิธีหนึ่ง เนื่องจากมีการเห็นผลที่รวดเร็ว มีผลข้างเคียงน้อยกว่าการผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น แถมช่วยให้ผิวมีความยกกระชับได้อีกด้วย ดังนั้นแพทย์จึงนิยมฉีดโบท็อกลดกรามควบคู่กับการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้านั่นเอง เพื่อให้ได้เห็นผลลัพธ์ของใบหน้าที่เล็กเรียวอย่างเต็มรูปแบบ
ลักษณะกรามหนาเป็นอย่างไร?
โดยทั่วไปลักษณะกรามหนา, กรามใหญ่ จะสามารถเป็นออกเป็น 2 ลักษณะได้จากการสังเกตตัวเองง่ายๆดังนี้
ลักษณะของกรามหนาจากกล้ามเนื้อ คือ กรามที่มีกล้ามเนื้อที่มุมกรามเป็นก้อนหนา ทำให้บริเวณกรามดูแข็งเป็นก้อน สังเกตได้จากเมื่อกัดฟันกรามแน่นๆจะสามารถเห็นได้ชัดว่ามีกล้ามเนื้อนูนเด้งสู้มือขึ้นมา ทำให้ลักษณะใบหน้าดูเป็นเหลี่ยม หน้าดูบานกว่าคนทั่วไป ซึ่งในเคสแบบนี้เมื่อฉีดโบท็อกลดกรามไปแล้วจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนดีมาก
ลักษณะกรามหนาจากกระดูก คือ เมื่อสังเกตจะเห็นได้ชัดว่าบริเวณมุมกรามมีโครงสร้างของกระดูกที่มีขนาดใหญ่ ทำให้สามารถมองเห็นเหลี่ยมของมุมกรามที่กางออกได้จัดเจนทั้งจากหน้าตรงและด้านข้าง ซึ่งเมื่อลองกัดฟันแน่นๆแล้วจับดูจะไม่ค่อยมีกร้ามเนื้อเด้งนูนขึ้นมา แต่จะรู้สึกถึงความแข็งของกระดูก ซึ่งเคสแบบนี้การฉีดโบท็อกลดกรามจะไม่สามารถแก้ไขได้ (ฉีดแล้วมีการเห็นผลน้อย) แนะนำให้ปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อทำการผ่าตัดปรับโครงหน้าเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ใบหน้าแบบไหนเหมาะกับการฉีดโบท็อกลดกราม?
การฉีดโบท็อกลดกราม เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาใบหน้าใหญ่และหน้าบาน ที่มีสาเหตุมาจากขนาดกล้ามเนื้อกรามโดยเฉพาะ เนื่องจากสาร Botulinum toxin A จะมีการออกฤทธิ์ไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท ทำให้ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ จึงทำให้กล้ามเนื้อโดยตรง ทำให้กร้ามเนื้อกรามมีการขยับตัวได้น้อย เหมือนเกิดการเป็นอัมพาตแบบชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อขยับตัวได้ยากจึงทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็งตัวและมีขนาดเล็กลงได้แบบชั่วขณะ ซึ่งจะเห็นผลอย่างชัดเจน 1-2 สัปดาห์หลังการฉีด
โบท็อกแต่ละยี่ห้อ อยู่ได้นานแค่ไหน
ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมและได้รับการยอมรับจากแพทย์ผู้ฉีดหลายๆ คน มีอยู่แล้วว่าเห็นผลไว เห็นดีและมีผลข้างเคียงที่น้อยดังนี้
- Nabota (เกาหลี)
จุดเด่น : ตัวยามีความบริสุทธิ์ถึง 98.7% ทำให้เห็นผลไว ฉีดบ่อยๆ ได้ไม่ค่อยเกิดการดื้อยา ที่ได้รับการรองรับจากทั้งฝั่งอเมริกาและฝั่งประเทศเกาหลี ยี่ห้อนี้สามารถทำได้ทั้งลดขนาดกราม ลดริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ
ระยะเวลาการเห็นผล : 5-6 เดือน
ราคา :
– 50 ยูนิต ประมาณ 3,696 บาท
– 100 ยูนิต ประมาณ 5,696 บาท
- Allergan (อเมริกา)
จุดเด่น : สามารถเห็นผลได้ไวมาก โดยจะเริ่มเห็นผลได้ตั้งแต่หลังฉีด 3 วันเป็นต้นไป นอกจากนั้นตัวยายังมีโมเลกุลที่ใหญ่จึงทำให้สามารถกระจายตัวได้ดี
ระยะเวลาการเห็นผล : 4-6 เดือน
ราคา : 100 ยูนิต ประมาณ 18,000 บาท
- Xeomin (เยอรมัน)
จุดเด่น : อีกหนึ่งยี่ห้อที่สามารถเห็นผลไว และมีโอกาสดื้อยาได้ต่ำมากๆ นอกจากนั้นตัวยายังสามารถกระจายตัวได้ทีทำให้เห็นผลไวและมีอาการบวมน้อย
ระยะเวลาการเห็นผล : 4-6 เดือน
ราคา : 100 ยูนิต ประมาณ 12,000 บาท
ฉีดโบท็อกลดกรามจะเริ่มเห็นผลภายในกี่วัน
จริงอยู่ที่การฉีดโบท็อกจะช่วยลดขนาดกรามได้อย่างรวดเร็วแต่ผลลัพธ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังทำ ซึ่งจะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดได้ประมาณ 1-2 เดือนหลังทำ ซึ่งระหว่างนั้นคนไข้จะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงทีละนิดว่ากรามค่อยๆ ลดลง
ต้องใช้โบท็อกกี่ยูนิตถึงจะเห็นผล
สำหรับการฉีดโบท็อกเพื่อลดขนาดกรามนั้นส่วนใหญ่แล้วจะมีการใช้ปริมาณโบท็อกอยู่ที่ข้างละ 20-30 ยูนิตเพื่อให้ตัวยามีประสิทธิภาพมากพอในการทำให้กล้ามเนื้อกรามค่อยๆ หดตัวลง ซึ่งในคนไข้บางรายอาจมีการใช้ปริมาณที่น้อยหรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับการประเมินของหมอผู้ฉีด
ฉีดโบท็อกลดกรามอันตรายจริงไหม
การฉีดโบท็อกลดกรามจะไม่มีความอันตราย ถ้าคนไข้เลือกฉีดกับหมอที่มีประสบการณ์และมีการใช้โบท็อกของแท้ โดยควรเลือกยี่ห้อโบท็อกที่ผ่านการรองรับความปลอดภัยจากอย. แล้วซึ่งมีทั้งหมด 6 ยี่ห้อ ดังนี้ Nabota, Botulax, Aestox, Allergan, Dysport, Xeomin และนอกจากนั้นก็ควรเลือกฉีดในปริมาณที่เหมาะสมไม่เยอะเกินไปซึ่งอาจทำให้หน้าตึง ขยับและแสดงสีหน้าไม่ได้นั่นเอง
ฉีดโบท็อกแล้วหน้าบวมจริงไหม บวมนานแค่ไหน
หลังฉีดโบท็อกจะทำให้หน้าบวมขึ้นจริง ซึ่งถือเป็นเพียงปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองตัวยาเท่านั้น โดยอาการดังกล่าวจะสามารถหายไปได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ ซึ่งข้อแนะนำคำคนไข้ห้ามกด เกา หรือนวดผิวในส่วนที่บวมอย่างเด็ดขาดควรปล่อยทิ้งไว้ให้อาการค่อยๆ หายไปเอง แต่สำหรับใครที่มีอาการบวมและเจ็บร่วมด้วย รวมไปถึงมีการเกิดก้อนขึ้นในผิวหนังให้รีบเข้าพบแพทย์ผู้ฉีดโดยด่วน
การดูแลตัวเองหลังฉีดกราม?
– หลังการฉีดโบท็อกควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อจุดที่ฉีดทันทีประมาณ 1-2 ครั้ง
– งดนอนราบอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง
– ควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดเช่นการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น กาทำเลเซอร์ การทำทรีทเมนท์ หรืออาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ
-ควรงดกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง หรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดมากอย่างน้อย 3-7 วัน เพราะอาจทำให้โบท็อกย่อยสลายไวขึ้น เช่นการออกกำลังกายหนัก การดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
– งดอาหารหมักดองเพราะอาจเป็นการกระตุ้นการอักเสบของร่างกาย เพราะจะทำให้มีอาการบวมแลพช้ำมาจากรอยเข็ม
– ควรกลับมาฉีดโบท็อกซ้ำอย่างต่อเนื่องในระยะที่เหมาะสม เพื่อรักษาและยืดอายุของผลลัพธ์ที่ได้ให้อยู่ได้นานขึ้น
ใครบ้างที่ห้ามฉีดโบท็อกลดกราม
ถึงการฉีดโบท็อกลดกรามจะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย แต่ก็ยังบางคนที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับการฉีดโบท็อก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายได้เช่น ผู้ที่มีประวัติการแพ้โบท็อก หรือโปรตีนอัลบูมิน สาวๆที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังอยู่ในช่วงให้นมบุตร ผู้ที่มีความผิดปกติของกล้ามเนื้อหรือป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (myasthenia gravis) ผู้ที่มีภาวการณ์แข็งตัวของเลือด และผู้ที่มีเลือดออกง่ายกว่าปกติ (Hemophilia) เป็นต้น
การฉีดโบท็อกลดกรามรวมกับฉีดเมโสแฟตได้ไหม
เมโสแฟตและโบท็อกกรามสามารถฉีดร่วมกันได้ เนื่องจากตัวยามีจุดมุ่งหมายการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน เช่นโบท็อกมีจุดมุ่งหมายในการลดกล้ามเนื้อให้เล็กลง ส่วนเมโสแฟตมีจุดมุ่งหมายในการกำจัดไขมัส่วนเกินในชั้นผิว ซึ่งการฉีดร่วมกันตัวยาจะสามารถลดไขมันและกล้ามเนื้อ ไปได้พร้อมๆกัน เพื่อให้ได้รูปหน้าที่เรียวขึ้น เห็นกรอบหน้าชัดเจนมากยิ่งขึ้น ถือเป็นวิธีช่วยให้หน้าเรียวขึ้นได้อย่างครบวงจร
สรุป
การฉีดโบท็อกลดกรามถึงจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย แต่คนไข้ก็มีการปฏิบัติตามขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนฉีด และการดูแลหลังฉีดโบท็อกลดกรามตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อทำให้การเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ปลอดภัย ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ทั้งนี้หากผู้ใดที่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะสำหรับการฉีดโบท็อกลดกรามไหม หรือมีคำถามหรือข้อสงสัยในการฉีดโบท็อกเพิ่มเติม สามารถขอคำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว และเคยมีประวัติแพ้ยาที่ต้องการเข้ารับการรักษา
Stay connected