Gaslighting คือ รูปแบบการแสดงออก ที่พยายามโน้มน้าว ทำให้อีกคนรู้สึก สงสัย ตั้งคำถาม กับความคิด ความทรงจำ ของตัวเอง หรือแม้กระทั่ง สงสัยตัวเองเลยก็ได้นะ ว่าเรายังปกติดีอยู่หรือเปล่า!


 

Gaslighting คือ

ที่มาของคำว่า Gaslighting นั้น มาจากภาพยนตร์ เรื่อง ‘Gaslight’ มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ สามี ที่ต้องการจะ ฮุบสมบัติ ของภรรยา โดยพยายามทำให้ ภรรยา คิดว่าตัวเองเป็นบ้า วิธีที่เขาทำคือ หรี่ไฟของตะเกียงลง และเมื่อภรรยา บอกว่าแสงมันมืดลง เขาก็บอกเธอว่า เธอคิดไปเอง แสงของตะเกียงยังเท่าเดิม

ทำให้ภรรยารู้สึกสงสัย ในความคิดของตัวเอง และยังสร้างสถานการณ์ อีกหลาย ๆ อย่าง ที่ทำให้ภรรยารู้สึกสับสันไปเรื่อย ๆ จนสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง ทำให้ต้องพึ่งพาแต่สามี และจุดนั้นเอง ทำให้สามีสามารถเข้าควบคุมเธอได้

 


คำว่า Gaslighter จึงเป็นคำที่ใช้เรียกคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ พวกเขาไม่ได้ต้องการทำให้คนอื่นประสาทหลอนไปจริง ๆ แต่ทำไปเพียงเพื่อ ต้องการ เพิ่มอำนาจให้ตัวเอง โยนความผิดให้อีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายดูกลายเป็นคนที่ ‘แค่เข้าใจผิดไปเอง’

โดย Gaslighting สามารถเกิดขึ้นได้ในความสัมพันธ์ หลากหลายประเภท ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นความสัมพันธ์เชิงชู้สาวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความสัมพันธ์แบบ เจ้านาย-ลูกน้อง ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน หรือความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น พ่อ-ลูก ก็เป็นไปได้

Gaslighting คือ


 

แล้วแบบไหน ที่เรียกว่าว่า Gaslighting มาดูตัวอย่างกัน

ด้านล่างนี้ เป็นพฤติกรรมปั่นหัว ให้เราสับสนในตัวเอง เคยเจอกันบ้างหรือเปล่า?

 

  • ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นซะหน่อย : คนเหล่านี้ อาจพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่มาบอกทีหลังว่า ไม่ได้พูดแบบนั้นนะ เธอคิดไปเอง!

 

  • เบี่ยงประเด็น : บางครั้ง เวลาเรา ถาม หรือ ว่า ในเรื่องที่เขาทำ คนเหล่านี้จะพยายาม เบี่ยงประเด็น ไปเถียงเรื่องอื่น เปลี่ยนเรื่องเนียน ๆ ทะเลาะยังไงก็ไม่จบ เพราะมันออกทะเลไปได้เรื่อย ๆ จนบางที จุดที่เป็นปัญหาจริง ๆ ของเรื่อง กลับถูกปล่อยเบลอไม่ได้แก้ไข และไปให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นแทน

 

  • เธอคิดมากไปหรือเปล่า? : บอกเราให้ใจเย็นลง และ ทำเหมือนกับว่า เราเป็นฝ่ายที่อ่อนไหวเกินไป โมโหมากเกินไป โอเวอร์ เล่นใหญ่ไปเอง จนทำให้เราคิดว่า เราเป็นฝ่ายที่ไม่มีเหตุผลไปเองจริง ๆ หรือ ที่จริงแล้ว เราไม่ควรโกรธหรือเปล่านะ

 

  • หาเรื่องโทษเราซะงั้น : ไม่ว่าจะถกเถียงกันในเรื่องอะไรก็ตาม คนที่เป็น Gaslighter จะสามารถ หาจุด ที่เราเป็นฝ่ายผิด และ โทษเรา ได้ซะอย่างนั้น เช่น โทษว่าเราเป็นสาเหตุของพฤติกรรมแย่ ๆ ของเขา “เพราะเธอทำแบบนั้น ฉันถึงต้องทำแบบนี้!” หรือ “จริง ๆ แล้วเธอนั่นแหละ ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้”

Gaslighting คือ

 

  • บิดเบือน เรื่องราว : บางครั้ง Gaslighter จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ในเวอร์ชั่นที่พวกเขาไม่ผิด จนทำให้เราต้องรู้สึกว่า ‘เอ๊ะ!… หรือมันจะเป็นแบบที่เขาว่าจริง ๆ’  ‘หรือว่าเราจำผิดจริง ๆ’

 

  • ไม่ยอมรับผิด : พวกเขาจะไม่ยอมรับ ว่าตัวเองทำอะไรผิด และ ไม่รับผิดชอบ ต่อความผิดนั้น ทิ้งให้อีกคนรู้สึกถูกละเลย เหมือนกับว่า ความไม่พอใจของอีกฝ่ายไม่มีความสำคัญ

 

  • ใช้คำพูดหวาน ๆ : เช่น พูดกับเราว่า รักเรามาก ไม่มีทางตั้งใจทำร้ายเราแน่นอน หรือ พูดในสิ่งที่เราอยากได้ยิน แต่ก็ทำการกระทำเดิม ซ้ำ ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งคำพูดทั้งหมด ก็พูดเพื่อ หนีเอาตัวรอด ออกจากสถานการณ์เลวร้าย ก็เท่านั้น

Gaslighting คือ

  • ดิสเครดิตเรา : อันนี้อาจจะหนักสักหน่อย เอาเรื่องของเราไปเล่าให้คนอื่นฟัง ทำให้คนอื่นมองเราไม่ดี โดยอาจพูดในเชิง สงสาร หรือ เป็นห่วงเรา แต่เนื้อหาที่เล่า ก็ชวนให้คนอื่นมองว่า เราไม่ปกติหรือเปล่า เราเยอะไปเองหรือเปล่า จนสุดท้าย คนอื่น ๆ ก็จะเข้าข้าง Gaslighter ทั้งที่ไม่รู้ความจริงทั้งหมด ในทางกลับกัน Gaslighter อาจบอกเราว่า มีคนอื่นมาพูดไม่ดี เกี่ยวกับเรา (ทั้ง ๆ ที่คนอื่นไม่ได้พูดแบบนั้น / ไม่ได้ตั้งใจจะสื่อความหมายแบบนั้น) ก็ได้เช่นกัน

 

  • โกหก : แม้จะมีหลักฐาน พวกเขาก็ยังสามารถ ที่จะโกหกเราได้ซึ่ง ๆ หน้า และบอกว่าเราสร้างเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นเอง เราพยายามจะใส่ร้ายเขา ซึ่งแม้ว่า เราจะรู้ดีว่าเขาโกหก แต่คนแบบนี้ ก็จะยังจะโกหกอย่างมั่นใจ และดูน่าเชื่อถืออยู่ดี และถ้าเราโดนปั่นหัวมามากพอ ก็อาจจะสับสนได้เหมือนกัน ว่าสิ่งที่เราคิด มันถูกหรือผิดกันแน่

 


สังเกตสัญญาณเหล่านี้ มันบ่งบอกว่าเรากำลังโดน Gaslighting

ปั่นหัว อยู่หรือเปล่า

  • สงสัยในความรู้สึกของตัวเองต่อสิ่งที่เจอ เช่น เรื่องที่เกิดมันคงไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกมั้ง เราเป็นคน sensitive มากเกินไปเอง เราจำผิดเองแหละ เป็นต้น
  • กลัวที่จะแสดงออก ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกหรือความคิดเห็น เพราะเราได้เรียนรู้ไปแล้วว่า ถ้าแสดงออกออกมา สุดท้ายจะเป็นเราเอง ที่ดูแย่
  • รู้สึกอ่อนแอ ไม่มั่นคง ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง Self-esteem ลดลง
  • รู้สึกไม่มีพลังและโดดเดี่ยว เพราะคนอื่นก็มองว่าเรา ‘ไม่ปกติ’ หรือเป็นคน ขึ้น ๆ ลง ๆ’ หรือเป็นคนแบบเดียวกับที่ Gaslighter บอกว่าเราเป็น
  • สงสัยในตัวเอง ว่าเราเป็นแบบที่ Gaslighter ว่าจริง ๆ หรือเปล่า เช่น เราไม่ดีพอ เราโง่ ไม่ฉลาด เราเป็นคนคิดอะไรแปลก ๆ ไม่เหมือนชาวบ้านหรือเปล่า
  • รู้สึกสับสน ในเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และ สับสนในพฤติกรรมของ Gaslighter

 

อ่านมาทั้งหมดนี้ เริ่มรู้แล้วหรือยังว่าเรากำลังเจอกับอะไร คือ Gaslighting ใช่หรือเปล่า คราวหน้า เราจะมาบอกวิธีการรับมือกับเรื่องแบบนี้กันค่ะ

 

 

 

credits : SPECTRUM , VeryWellMind , health line , Mission to the moon , freepik , abusewarrior , genialepsychologie thefilmexperience , gaslighting-nedir

Comments

comments