พวกเราหลายคนมักเอางานกลับบ้านโดยไม่รู้ตัว และมักจะปล่อยให้ความเครียดจากงาน ซึมซาบเข้ามาแทนที่การใช้ชีวิตประจำวันแบบปกติ ถึงแม้ว่าการทำงานอาจมีความเครียด แต่ที่จริงแล้วเราควรที่จะผ่อนคลายและ Let it go! ตั้งแต่วินาทีที่เราเดินออกจากที่ทำงาน จนกว่าจะถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเรากลับมาทำงานนะ เพราะการเอางานกลับบ้าน ไม่ได้ทำงานให้เกิดประโยชน์อะไรกับชีวิตเลย มีแต่จะทำให้ชีวิตประจำวันศูนย์เปล่า และพังลงไปเรื่อย ๆ ต่างหาก ดังนั้นเราควรเรียนรู้ที่จะหยุดมันด้วย วิธีคลายเครียดหลังเลิกงาน มันเป็นสิ่งจำเป็น ที่มนุษย์ทำงานทุกคนควรศึกษาไว้ เพื่อลดระดับความเครียด และเพิ่มความสุขให้ตัวคุณเอง
วิธีคลายเครียดหลังเลิกงาน เพื่อไม่ให้กระทบชีวิตส่วนตัวคุณ
อะไรบ้างที่บ่งบอกว่า “เรานำงานกลับบ้าน”
เราคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในระหว่างเดินทาง:
การขับรถกลับบ้านจากที่ทำงาน อาจเป็นเวลาที่คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับอิสระ ของการใช้เวลาที่ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่าเดินทาง หรือ!!! มันอาจกลายเป็นเวลาที่คุณ เอาแต่ครุ่นคิดเกี่ยวกับความเครียดของงานในแต่ละวัน ย้อนมองความหงุดหงิดในใจของคุณ และคิดเกี่ยวกับทุกสิ่งที่แบกรับไว้บนบ่า ในขณะที่คุณต่อสู้กับความเดือดดาลบนท้องถนน จนกว่าคุณจะถึงบ้าน บ่อยครั้งมากที่ผู้คนเลือกที่จะคิดอย่างหลัง เมื่อเทียบกับความคิดแรก ที่จะให้ตัวเองมีอิสระจากภาระหน้าที่ แทนที่จะปล่อยให้การขับรถกลับบ้าน เป็นประสบการณ์ที่ปลดปล่อยความรู้สึก มันจะมีประโยชน์กว่ามากนะ ปัญหาคือ! ความคิดแบบนี้สามารถขยายระดับความเครียด ให้สูงขึ้นมากกว่าที่เคยเป็น เมื่อสิ้นสุดวันทำงาน
วิธีคลายเครียด:
ลองสังเกตตัวเอง ในขณะที่คุณขับรถกลับบ้าน ในขณะที่คุณยืนอยู่บน BTS หากฟังดูแล้วนี่คือคุณ! พยายามใช้เวลาเดินทางให้เป็น “ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน” เพื่อที่คุณจะได้รีเซ็ตและโฟกัสสิ่งใหม่ ให้คิดว่าการเดินทางกลับบ้านนี้ เป็นการมี “เวลาส่วนตัว” เพื่อเคลียร์สมองให้โล่ง เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่คุณกำลังจะทำต่อไป เมื่อคุณกลับถึงบ้าน
เราเอาแต่ระบายความเครียดเรื่องงานให้คนรักฟัง:
การบ่นเรื่องงานให้คนรักฟัง เป็นงานอดิเรกทั่วไปของคนมีคู่ ที่มีความเครียดจากงาน คุณจะรู้สึกดีในขณะที่คุณระบาย แต่อาจจะรู้สึกเสียเวลาของ “เรา” เมื่อเวลาผ่านไป จริงอยู่ว่าการเก็บความรู้สึกไว้ในขวด จะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด แต่ถ้าเราเอาเวลาที่มีคุณค่ากับคนรัก ไปใช้เพื่อจดจ่อกับความเครียดของงานในแต่ละวัน เราจะยิ่งเสียเวลา ไปกับความเครียดจากงานมากขึ้น ยิ่งเราโฟกัสมากเท่าไหร่ เวลาที่เราจะมีสติอยู่กับปัจจุบัน และมีความสุขกับช่วงเวลานั้น ๆ มันจะน้อยลง
วิธีคลายเครียด:
ลองบ่นเรื่องงานกับคนรักให้น้อยลง รู้จักปล่อยวาง และคุณค่าของความที่มีอยู่ตรงหน้ากับคนรัก แล้วคุณจะเห็นได้ชัดว่า ยิ่งเราใช้เวลาบ่นเรื่องงานน้อยลงเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีเวลาจดจ่อ กับสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขมากขึ้นเท่านั้น ลองสังเกตว่าคุณใช้เวลาไปกับ การบ่นเรื่องงานมากน้อยเพียงใด และลองดูว่านั่นเป็นเวลาที่เหมาะสม สำหรับคุณที่จะบ่นหรือไม่
เราครุ่นคิดเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจยาก:
เป็นเรื่องธรรมดามากที่จะขอความช่วยเหลือ ระบาย หรือหาทางออก เมื่อต้องรับมือกับเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจยาก เช่นเดียวกับการระบายความเครียด จากปัญหางานโดยทั่วไป แต่อย่างไรก็ตาม การมุ่งความสนใจไปที่ความเครียด ที่เกิดจากเพื่อนร่วมงานที่มีปัญหา มากจนเกินไป อาจทำให้เราสูญเสียความสุขในชีวิตไปได้
วิธีคลายเครียด:
หากคุณพบว่าตัวเอง ใช้เวลานอกเวลาทำงานหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ หรือแม้แต่คิดถึงความเครียด ที่เพื่อนร่วมงานนำมาสู่ชีวิตการทำงาน ถึงเวลาประเมินว่า คุณควรตัดสินใจที่จะตัดวงจรความคิดนี้ออกไปสักที เพราะถึงเราคิดวนไปก็ไม่ได้ทำให้ปัญหาดีขึ้น สู้แก้ปัญหากับเพื่อนร่วมงานคนนี้ เมื่อมันเกิดขึ้นที่หน้างาน อย่างมีสติจะดีกว่า
เรากังวลเกี่ยวกับงานจนนอนไม่หลับ:
หากคุณกำลังเผชิญกับ ความเครียดอย่างหนักจากงาน หรือมีงานประเภทที่ต้องแก้ไขปัญหาสำคัญ ๆ เชื่อว่าการหยุดคิดถึงมันคงจะเป็นเรื่องยาก (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่ทำงานแบบ WFH) จนหลายคนที่ไม่สามารถ เอาความคิดออกจากงานที่ทำได้ จนถึงขั้นมีปัญหาในการนอนหลับ เพราะคุณกำลังเล่นความคิดทุกอย่างซ้ำ ๆ ในใจ และคุณไม่สามารถปิดสมองเพื่อที่จะเข้านอนได้ หากความกังวลเกี่ยวกับงาน เกิดรบกวนเวลาพักผ่อนหรือเวลานอนของคุณแบบนี้ มันคือการรบกวนชีวิตส่วนตัวของคุณเกินไป
วิธีคลายเครียด:
ให้พิจารณาทำ “การทิ้งขยะในสมอง” หรือเขียนรายการสิ่งที่ต้องทำ หรือบันทึกความกังวลทั้งหมดลงไป ให้ทำเป็นส่วนหนึ่งก่อนเวลาเข้านอน หรือทำให้เป็นหนึ่งในกิจวัตร เพื่อการพักผ่อนของคุณ ทำให้มันเป็นเรื่องสนุกสำหรับคุณ ในการหาทางออก เพื่อไม่ให้รบกวนชีวิตส่วนตัวของคุณมากเกินไป การเขียนความคิดไอเดียใหม่ ๆ สำหรับงานของคุณ อาจกลายเป็นงานอดิเรกที่ช่วยหาทางออกได้
หลังเลิกงานควรทำตัวอย่างไรเมื่อกลับถึงบ้าน
สร้างสภาพแวดล้อมในบ้านที่ผ่อนคลายสำหรับตัวคุณเอง:
เนื่องจากหลังเลิกงาน เราใช้เวลาส่วนใหญ่ที่บ้าน สภาพแวดล้อมในบ้าน ที่ช่วยบรรเทาความเครียดของคุณ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง! ไม่ใช่ว่ากลับมาแล้วบ้านรก บ้านเหม็น มันจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกเครียด และเหนื่อยล้ามากกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากความยุ่งเหยิง มีผลกระทบต่อระดับความเครียดของเรา การจัดระเบียบบ้านให้ดูดีอยู่สม่ำเสมอ จะเป็นจุดผ่อนคลายที่สุดเมื่อเรากลับจากที่ทำงานมาเหนื่อย ๆ หากทำให้บ้านของคุณ เป็นที่หลบภัยจากความเครียดได้ การปล่อยความเครียดจากงานให้หายไป จะง่ายเสมอเมื่อคุณกลับถึงบ้าน
ให้รางวัลตัวเอง
ลองนึกถึงสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะมาช่วยสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณ และรับสิ่งเหล่านั้นให้มากขึ้นในแต่ละวันของคุณ สิ่งกระตุ้นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ นักจิตวิทยาเรียกว่า “ความสุข” ที่สามารถยกระดับอารมณ์ และช่วยลดความเครียดได้ อาจเป็นการดื่มชา การดูรายการตลก การดูหนังเรื่องโปรด การเดินเล่นกับคนที่คุณรัก หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้คุณมีความสุข ให้คุณได้สนุกไปกับมันมากยิ่งขึ้น ความสุขเล็ก ๆ ที่เราควรจะได้รับมัน
ปลูกฝังสติ
การวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่มีมุมมองที่มี “สติ” สามารถโฟกัสที่ช่วงเวลาปัจจุบัน และเบี่ยงเบนความสนใจไปจากความเครียดในอดีต หรือความวิตกกังวลในอนาคตได้ นั่นแปลว่าผู้ที่มีสติ จะสามารถปล่อยวางความเครียดจากงานได้มากขึ้น อยู่ที่ทำงานก็ทำงาน และควรใช้เวลาที่คุณมีทุกเย็น และทุกสุดสัปดาห์เพื่อสนุกกับชีวิต การฝึกสติสามารถเพิ่มความสามารถของคุณ ในการรักษามุมมอง ณ ปัจจุบันขณะได้ ดังนั้นจึงแนะนำเป็นอย่างยิ่ง ในการปลูกฝังตัวเองให้เป็นคนมีสติ
ขอความช่วยเหลือจากคนข้างๆ
หากคุณต้องการพูดคุย เกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้คุณเครียดในที่ทำงาน ก่อนที่คุณจะสามารถปล่อยวางได้ การมีคนสนับสนุนที่จะรับฟัง นั้นจะช่วยให้คุณคลายเครียดได้ คน ๆ นั้นอาจช่วยคุณระดมสมองและแก้ไขปัญหา หรือให้คุณระบายและเปลี่ยนความผิดหวัง ให้กลายเป็นเสียงหัวเราะ เขาอาจคอยเตือนคุณเบา ๆ หรือส่งพลังงานบวกให้ หากคุณเริ่มจมอยู่กับความคิด ที่เคร่งเครียดเรื่องงาน ท้ายที่สุด หากคุณเครียดจากงาน การขอความช่วยเหลือ อาจหมายถึงการพูดคุยกับแพทย์หรือหานักบำบัดที่ดีที่สามารถช่วยคุณ คิดกลยุทธ์ในการรับมือที่ได้ผลก็เป็นได้
ทำให้เวลาหลังเลิกงานของคุณมีค่า
หนึ่งในวิธีที่สนุกและมีประสิทธิภาพที่สุด ในการทิ้งความเครียดจากงานไว้กับงาน ก็คือการโฟกัสไปที่การทำให้ชีวิตที่เหลือของคุณมีค่า ควรแก่การเอาใจใส่ และมีเรื่องสนุกมากพอที่จะเลิกสนใจ ความเครียด ด้วยการสร้างสมดุล ในชีวิตของคุณให้เพียงพอ เพื่อรวมเวลาว่างสำหรับงานอดิเรก รวมถึงการกำหนดเป้าหมาย ที่ทำให้คุณตื่นเต้นและทำมันให้สำเร็จ หรือบางครั้งอาจหมายถึงการเพลิดเพลิน กับช่วงเวลาปัจจุบัน ไม่ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ในขณะนั้น เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกเติมเต็ม และขจัดความเครียดออกไปได้ เป็นการสร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อคลายความเครียด
เป็นเรื่องปกติที่จะเครียดเรื่องงาน ดังนั้น อย่าโทษตัวเอง ขอแค่เราเอาชนะตัวเองให้ได้มากกว่านี้ ปลดปล่อยตัวเองและสนุกกับชีวิต เมื่อคุณไม่ได้ทำงาน คุณควรทิ้งภาระนั้นไว้ในที่ทำงาน ไม่ต้องกังวล มันจะยังอยู่ที่นั่นเมื่อคุณกลับไป
source: verywellmind
Stay connected