สวัสดีค่าสาวๆ เพื่อนๆ ชาว Clubsister เมื่อเดือนเริ่มต้นอย่างเดือนมกราคมก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว สาวๆ เป็นยังไงกันบ้างคะ? ส่วนทางเราคิดว่าค่อนข้างสาหัสสากันอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะเปิดต้นเดือนมาก็มานั่งเคลียร์งานเมื่อปลายปี (ชดใช้กรรมกันไป) ไหนจะเหตุการณ์บ้านเมืองต่างๆ ที่ถาโถมมาไม่รู้เท่าไร งั้นวันนี้ Clubsister เราขอแนะนำทริปนี้กันกับ “ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพฯ” รับวันพระใหญ่อย่างวันมาฆบูชากัน บอกเลยว่าทริปไหว้พระ9วัด ในครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ง่ายๆ สบายๆ แถมบางจุดเรามีแนะนำของกินสุดอร่อยกันด้วย


แต่ก่อนที่จะไปเริ่มที่วัดแรกกันนั้นเราขอให้สาวๆ อย่าลืมพกไอเท็มสุดฮิตในนี้กันก่อน
ไม่ว่าจะเป็น หน้ากากอนามัย, ทิชชู่เปียก และแอลกอฮอล์หรือเจลล้างมือ  เอาละ ! เรามาเริ่มที่วัดแรกกันเลย 

 

ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพฯ อิ่มบุญ อิ่มท้อง อิ่มอก อิ่มใจตาม ๆ กันแน่นอน

วัดที่ 1: วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร

 

ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพฯ

วัดราชโอรสหรือบางคนเรียกกันว่าวัดจอมทอง เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์โดยยุคนั้นเป็นยุคทองของไทยยุคหนึ่ง เพราะเป็นยุคที่ไทยเริ่มห่างจากสงคราม
และเป็นยุคที่ไทยนั้นเริ่มบูรณะวัดหลากหลายแห่ง ซึ่งวัดจอมทองหรือวัดราชโอรสแห่งนี้เป็นอีกวัดหนึ่งที่ได้ถูกบูรณะในสมัยนั้นด้วยเช่นกัน โดยหากสังเกตเห็นปฏิมกรรมของวัดนี้เป็นการผสมผสานศิลปะแบบจีนเข้ามา
ไม่เพียงแค่นั้นยังมีการวางผังโดยยึดการวางแปลนตามฮวงจุ้ยแบบจีนอีกด้วย พูดได้เลยว่าเป็นวัดที่สวยอันดับต้นๆ ในกรุงเทพฯเลยก็ว่าได้ โดยด้านในอุโบสถประกอบด้วยองค์พระประธานประดิษฐานอยู่ พร้อมทั้งวัตถุมงคลจากประเทศจีนโดยช่วยเรื่องโชคลาภและเรียกสิ่งดีเป็นมงคล อีกทั้งยังมีภาพวาดเทพเจ้าต่างๆ ผสมผสานไปกับวัฒนธรรมไทยอีกด้วย 

 

วัดที่ 2: วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร

 

ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพฯ

 

วัดอรุณราชวราราม หรือ วัดอรุณฯ และในอีกชื่อหนังที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อว่า “วัดแจ้ง” หนึ่งในวัดชื่อดังของชาวกรุงเทพฯ เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นเอก คือวัดที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์ขึ้นเพื่อใช้ในการส่วนพระองค์ ซึ่งวัดอรุณฯ นี้ถูกสร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยสมัยนั้นมีชื่อว่า “วัดมะกอก” แต่พออยู่ในสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์ทรงเปลี่ยนเมืองหลวงเป็นกรุงธนบุรี และได้เดินทางมาที่หน้าวัดมะกอกตอนยามรุ่งสางพอดี ดังนั้นจึงเปลี่ยนชื่อ วัดกระกอก เป็นวัดแจ้ง และเปลี่ยนมาใช้ชื่อวัดอรุณฯ อย่างเป็นทางการในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ซึ่งสิ่งที่ทำให้วัดอรุณฯ เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในเรื่องสถาปัตยกรรมนั้น คือยอดพระปรางค์ใหญ่ ที่ก่อสร้างด้วยผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งประดับประดาด้วยเครื่องกระเบื้องเคลือบและเครื่องเบญจรงค์ พูดง่ายๆ ว่าเป็นศูนย์รวมของดีและประวัติศาสตร์ของไทยในที่เดียว ไม่เพียงเท่านั้นจุดเด่นอีกอย่างคือซุ้มประตูทางเข้าพระอุโบสถที่มียักษ์ทศกัณฑ์ซึ่งเป็นความเชื่อว่าเป็นยักษ์ที่ปกปักรักษาสถานที่นี้เอาไว้อีกด้วย

 

วัดที่ 3: วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพฯ

วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ที่หลายๆ ใครรู้จักกันในนาม วัดหลวงพ่อโต (กรุงเทพฯ) ถูกสสร้างในสมัยอยุธยา
เดิมทีชื่อวัดบางว้าใหญ่ (บางหว้าใหญ่) ต่อมาในรัชสมัยพระเจ้าตากสิน พระองค์ทรงสร้างพระราชวังในบริเวณใกล้กัน
ดังนั้นจึงโปรดเกล้าฯ ยกวัดบางว้าใหญ่นี้ให้เป็นพระอารามหลวงและที่ประทับของพระสังฆราช และในที่สุดรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ขุดพบเจอระฆังลูกหนึ่ง แต่พระองค์ทรงนำไปเก็บไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ด้วยเหตุนี้กระองค์ทรงมีคำสั่งให้สร้างระฆังเพื่อเป็นการชดเชยให้ทั้งหมด 5 ลูก จากนั้นได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดระฆังโฆสิตาราม” แต่จุดเด่นของวัดระฆังไม่ได้มีเพียงเท่านี้ อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้คนนิยมเข้ามากราบไหว้พร้อมเยี่ยมชมนั่นก็คือหอพระไตรปิฎกที่ได้มีการปฏิสังขรณ์และบูรณะให้มีความสวยงามตามศิลปะแบบไทย หรือที่ใครๆ ต่างรู้จักกันในชื่อ “เรือนสามหอ” ซึ่งเป็นสถานที่
ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมของคนไทยชั้นสูงหาดูได้ยาก

 

ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพฯ

แนะนำเพิ่มเติม: หากเที่ยวเล่นวัดวัดระฆังฯ แล้ว ช่วงเย็นหรือหัวค่ำ มองหาที่นั่งกิน นั่งเล่น จิบน้ำเย็นๆ มองวิวแม่น้ำ เราแนะนำร้าน 342 (สามสี่สอง บาร์) เป็นร้านอาหารและบาร์บนดาดฟ้าที่อาหารหลักร้อย และวิวหลักแสน เมื่อมองไปฝั่งตรงข้ามแล้วจะเห็นวัดอรุณฯ สาดแสงสีทองให้เห็นสวยงามเลยทีเดียว

 

วัดที่ 4: วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม

 

ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพฯ

วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม หรือ วัดราชประดิษฐาน ซึ่งเป็นวัดในพระอารามหลวงชั้นเอกในรัชสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นวัดที่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับวัดอื่นๆ เพราะมีเนื้อที่เพียง 2 ไร่เท่านั้น โดยวัดนี้เป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นตามขนบธรรมเนียบประเพณีโบราณว่าด้วยราชธานีจะต้องมีวัดสำคัญประจำ 3 วัด คือ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดราชประดิษฐาน อีกทั้งพระองค์ทรงสร้างวัดราชประดิษฐานเพื่อถวายแก่พระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย (ฝ่ายธรรมยุติ) อีกทั้งตัวพระองค์เอง และ เหล่าขุนนางต่างๆ จะได้ไปทำบุญ หรือ เข้าวัดใกล้พระราชวังได้สะดวกมากยิ่งขึ้นจุดเด่นสำคัญอขงวัดไม่ได้เป็นแค่วัดประจำพระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นวัดที่มีสถาปัติยกรรมการตกแต่งที่สวยไม่แพ้วัดอื่นๆ เพราะด้วยตัวพระวิหาร พระอุโบสถและ ปาสาณเจดีย์ นั้น  ตกแต่งด้วยหินอ่อน อีกทั้งในตัวพระอุโบสถมีพระประทานชื่อดังอย่าง “พระพุทธสิหิงคปฏิมากร” พระประทานประจำพระวิหารหลวงอยู่ให้ชาวเราได้บูชากันอีกด้วย

 

วัดที่ 5: วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

 

ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพฯ

หากพูดถึงวัดที่อยู่คู่บ้านคู่เมือง อีกทั้งเป็นวัดที่ใครต่อใครต่างกราบไหว้และสักการะอยู่เป็นประจำก็คงหนีไม่พ้นวัดบวรฯ แห่งนี้เดิมแต่ก่อนเลยใช้ชื่อว่า วัดใหม่ ซึ่งเป็นวัดในพระอารามหลวงชั้นเอก ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยรัชกาลที่ ๓ ที่เป็นยุคทองของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเศรษฐกิจ การค้า และการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดและทำนุบำรุงศาสนา โดยวัดนี้เคยเป็นที่ประทับของพระสังฆราชชื่อดังถึง 4 พระองค์ อีกทั้งยังเป็นวัดประจำของรัชกาลที่ ๖ และ ๙ หากพูดถึงเรื่องความสวยงามของสถาปัตยกรรมแล้วนั้น วัดบวรฯ ได้รับอิทธิพลในการตกแต่งและปลูกสร้างมาจากประเทศจีน เนื่องจากในยุคนั้นเป็นยุคที่เราทำการค้ากับประเทศจีนเป็นซะส่วนใหญ่ เลยทำให้ได้รับวัฒนธรรมจากจีนมาด้วย แต่จุดเด่นของวัดบวรฯนี้ไม่ใช่แค่เป็นวัดคู่ขวัญคู่เมืองของไทยเพียงอย่างเดียว แต่วัดแห่งนี้เป็นวัดที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุถูกสร้างขึ้นในรัชกาลที่ ๓ แต่เสร็จสิ้นในรัชกาบที่ 4  อีกทั้งพระประทานประจำวัดยังเป็น “พระพุทธชินสีห์” โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพทรงอัญเชิญมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก

 

วัดที่ 6: วัดสุทัศนเทพวราราม

ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพฯ

ถ้าพูดถึงวัดสุทัศน์หลายคนคงนึกถึงสัญลักษณ์ที่อยู่ใกล้กับวัดอย่างเสาชิงช้า ต้องบอกเลยว่าวัดสุทัศน์นั้นเป็นอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นอารามหลวง ที่มีอยู่ไม่กี่แห่งในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นอารามหลวงแห่งรัชกาลที่ ๘ โดยเดิมทีแล้ววัดสุทัศน์นั้นถูกพระราชทานชื่อว่า “วัดมหาสุทธาวาส” แต่พอตกมาอยู่ในรัชสมัยของสมเด็จพระนั่งเกล้าก็ได้พระราชทานนามว่า “วัดสุทัศน์เทพวราราม” แต่สิ่งที่น่าดึงดูดใจนั้นคือพระอุโบสถที่จัดว่าเป็นพระอุโบสถที่าวที่สุดในประเทศไทย และองค์พระประทานประจำพระอุโบสถคือ พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดีอีกเรื่องหนึ่งหากพูดถึงวันสุทัศน์นั่นก็คือ ตำนานเปรต ความเชื่อเหล่านี้เกิดจากภาพวาดจิตรกรรมที่วาดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

 

ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพฯ

 

แนะนำเพิ่มเติม: หากใครแวะเวียนไปบูชาพระประทานเสร็จแล้ว อย่าลืมหาของว่างรองท้องกันอย่าง มนต์นมสด ร้านนมและขนมปังเจ้าดังอันดับตั้นๆ ของไทย ด้วยตัวนมสดที่อร่อยอย่างมีเอกลักษณ์ และขนมปังที่เหนียมนุ่มกำลังดี

 

วัดที่ 7: วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

 

ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพฯ

 

เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นวัดอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร อีกที่หนึ่ง
เดิมทีมีชื่อว่าวัดแหลม หรือ วัดไทรทอง ภายหลังได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้ใช้ชื่อ “วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม” ซึ่งมีความหมายว่า “วัดของเจ้านายทั้ง 5 พระองค์” ที่ทรงร่วมกันปฏิสังขรณ์วัด ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระองค์ทรงพระราชทานามใหม่ว่า “วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม” โดยมีความหมายว่า “วัดของพระเจ้าแผ่นดินในรัชกาบที่ ๕” ซึ่งหากพูดถึงวัดนี้แล้วสิ่งที่ต้องนึกถึงเลยคือ ศาลาสี่สมเด็จเป็นศาลาที่ประดับด้วยช่อฟ้าใบระกา ตั้งอยู่บนแผ่นศิาสีนวลสวยงดงาม เดิมทีแล้วศาลาแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศาลาสำหรับพระสงฆ์และสมเณร แต่ปัจจุบันใช้เป็นหอกลอง อีกทั้งบริเวณวัดเบญฯ แห่งนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เพื่อจัดแสดงพระพุทธรูปทั้งในและนอกประเทศอีกด้วย

 

วัดที่ 8: วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

 

ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพฯ

 

เป็นอีกวัดที่ไม่ว่าจะมีเทศกาลสำคัญใดๆ ในประเทศไทย วัดนี้มักเป็นวัดสำคัญที่คนนึกถึง วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือ วัดภูเขาทอง ถูกสร้างขึ้นเมื่อสมัยอยุธยา เดิมทีแต่ก่อนใช้ชื่อวัดว่า “วัดสะแก” ต่อมารัชสมัยของพระเจ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชพระราชทานเปลี่ยนชื่อให้เป็นวัดสระเกศ ถัดมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะและสร้างพระบรมบรรพตหรือภูเขาทอง แต่ไม่สำเร็จ แต่ทั้งนี้แล้วเสร็จสิ้นได้ในยุคสมัยของพระบทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวด้รับพระราชทานนามว่า “สุวรรณบรรพต” โดยใช้เป็นที่ตั้งของพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดค้นพบที่เมืองกบิลพัสดุ์ แต่หากพูดถึงวัดสระเกศแล้วจะต้องนึกถึงคำพูดของคนโบราณที่ว่า “แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์”
คำพูดเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะในสมัยรัชกาลที่ ๑ ประเทศไทยเกิดโรคอิวาตกโรคระบาดหนักในกรุงเทพฯ และซึ่งในขณะนั้นยังไม่รู้จักวิธีการรักษาและไม่มียารักษาผู้คนจึงล้มตายนับหมื่นคน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้คนฟังและเผาศพเหล่านี้ไม่ทัน เลยทำให้ศพของผู้ป่วยกองอยู่หน้าวัดภูเขาทองเยอะแยะมากมาย จนเหล่าฝูงแร้งฝูงกา ต่างก็มาจิกกินหายสิบหายพันตัว

 

วัดที่ 9: วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

 

ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพฯ

 

วัดนี้เป็นวัดที่อยู่คู่คนไทยมาเป็นเวลาหลายร้อยปี และเป็นวัดที่ไม่มีใครไม่รู้จัก วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ เรื่องอีกชื่อหนึ่งว่าวัดพระแก้ว  วัดพระแก้วเป็นวัดที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดนี้ขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ โดยวัดพระแก้วเป็นวัดที่อยู่ในพระบรมมหาราชวัง
อีกทั้งเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต พระประทานประจำวัดและพระที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองคนไทยมานาน สิ่งที่น่าสนใจเวลาเดินทางไปเยี่ยมชมวัดพระแก้วนั้นคือ พิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ก่อตั้งขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ซึ่งเดิมทีใช้เป็นโรงกษาปโดยมีสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก

 

เอาละค่ะวันนี้เราก็ได้เดินทางมาจนถึงวัดสุดท้ายกันแล้ว
ต้องบอกก่อนว่าเราอาจจะไม่ได้เรียงลำดับตามเส้นทางการเดินทางซักเท่าไร

แต่ทริปการไหว้พระ9วัดในครั้งนี้เป็นวัดที่เราคัดเลือกมาแล้วว่ามีจุดเด่นอื่นๆ
นอกจากการไหว้พระเป็นสิริมงคลให้แก่ตนเอง

เสาร์อาทิตย์นี้หากใครว่างๆ ไม่มีแพลนไปไหน ก็ลองไปตามดูนะคะ

 

ข้อมูลเพิ่มเติม:

th.wikipedia.org

readthecloud

– .kapook

silpa-mag

 

รูปภาพเพิ่มเติม: 

– .dhammathai

matichonacademy

novotelbangkokplatinum

go2bangkok

bktemple

dhammathai

thecabana

Comments

comments