“ความโกรธ” มักเกี่ยวข้องกับการเสียเวลาคิดถึง เหตุการณ์ที่ทำให้ขุ่นเคืองใจ เหตุการณ์ที่สร้างความคับข้องใจ ความโกรธจะกลายเป็นปัญหา เมื่อรู้สึกบ่อยเกินไปหรือรุนแรงเกินไป หรือเมื่อแสดงออกด้วยวิธีที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย จิตใจ และสังคม ด้วยเหตุนี้ “การจัดการกับความโกรธ” จึงมีประโยชน์และช่วยให้คุณค้นพบวิธีที่ดี ในการแสดงความรู้สึกของคุณ แม้ว่าความโกรธจะไม่ใช่อาการป่วยทางจิต แต่ในบางกรณี ความโกรธอาจเชื่อมโยง กับความผิดปกติทางอารมณ์ ความผิดปกติในการใช้สารเสพติด และภาวะสุขภาพจิตอื่น ๆ ได้

การจัดการความโกรธคืออะไร?

การจัดการความโกรธ คือการใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อช่วยให้บุคคลรับนั้นมือกับความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรม ในลักษณะที่ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แล้วทำไมเราาต้องจัดการกับความโกรธ? นั่นก็เพราะ การจัดการความโกรธ สามารถช่วยให้ร่างกายและสมองของเรา รู้จักการตอบสนองต่อความเครียดได้เป็นอย่างดี หากเราไม่รู้จักจัดการความโกรธอาจ มันอาจจะนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ ที่สงผลเสียต่อตัวเราได้ เช่น การพูดในสิ่งที่คุณจะต้องเสียใจทีหลัง ส่งข้อความแบบหุนหันพลันแล่น จนไปถึงการเผชิญกับปัญหาสุขภาพในอนาคต และที่ร้ายไปกว่านั้น ความรู้สึกโกรธที่ไม่ได้รับการจัดการ อาจนำไปสู่พฤติกรรมก้าวร้าว การหันไปใช้ความรุนแรง

แต่การจัดการความโกรธนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไม่โกรธ แต่มันเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้วิธี รับรู้ และรับมือกับความโกรธ แสดงความโกรธของคุณออกมา อย่างมีสุขภาพจิตที่ดีและมีประสิทธิภาพ การจัดการความโกรธเป็นทักษะที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ แม้ว่าคุณจะคิดว่าคุณควบคุมความโกรธได้ แต่ก็ยังมีพื้นที่ให้ปรับปรุงอยู่เสมอ

 

ต่อไปนี้คือ 8 กลยุทธ์ การจัดการกับความโกรธ เพื่อช่วยให้คุณสงบลง

 

พิจารณาสิ่งที่กระตุ้นความโกรธ

หากคุณเคยชินกับนิสัยอารมณ์เสีย ให้ลองพิจารณาสิ่งที่กระตุ้นความโกรธของคุณ เช่น การต่อแถวยาว การจราจรติดขัด ความคิดเห็นที่น่ารำคาญ หรือความเหนื่อยล้ามากเกินไป บางสิ่งที่อาจทำให้ฟิวส์ของคุณขาด แม้ว่าคุณจะไม่ควรตำหนิคนอื่น หรือสถานการณ์ภายนอก ที่ทำให้คุณใจเย็นไม่ได้ แต่การเข้าใจสิ่งที่ทำให้คุณโกรธ สามารถช่วยให้คุณรับมือมันได้อย่างเหมาะสม

เพื่อช่วยให้คุณจัดการกับความโกรธได้ดีขึ้น หรือคุณอาจฝึกเทคนิคการจัดการความโกรธ ก่อนที่คุณจะพบกับสถานการณ์ ที่มักทำให้คุณจะรู้สึกไม่สบายใจ การทำสิ่งเหล่านี้ สามารถช่วยให้คุณเกิดอาการฟิวส์ขาดน้อยลง ซึ่งหมายความว่า ในเวลาที่คุณต้องรู้สึกผิดหวัง มันอาจจะไม่ทำให้คุณผิดหวังมากก็เป็นได้

 

ประเมินความโกรธของคุณ

ถามตัวเองว่าความโกรธของคุณ เป็นเพื่อนหรือศัตรู หากคุณถูกเอาเปรียบจากใครบางคน หรือคุณอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังจะโกรธ ในกรณีนี้ คุณอาจต้องลองเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ แทนที่จะเปลี่ยนสภาวะทางอารมณ์ บางครั้ง ความโกรธของคุณ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว เช่น โกรธเพราะความสัมพันธ์ที่ทำร้ายจิตใจ หรือโกรธเพราะมิตรภาพที่เป็นพิษ

ความโกรธอาจทำให้คุณมีความกล้า ที่จะยืนหยัดหรือเปลี่ยนแปลงก็ได้ อย่างไรก็ตาม หากความโกรธของคุณทำให้เกิดความทุกข์ หรือทำร้ายความสัมพันธ์ ความโกรธของคุณอาจเป็นศัตรูของตัวคุณเอง สัญญาณของความโกรธประเภทนี้ ได้แก่ รู้สึกควบคุมความโกรธไม่ได้ จนมานั่งเสียใจกับคำพูดหรือการกระทำของคุณทีหลัง ในสถานการณ์เหล่านี้ คุณควรพยายามจัดการกับอารมณ์ และทำให้ตัวเองสงบลงก่อน

 

รับรู้สัญญาณเตือน

จังหวะการเต้นของหัวใจจะเต้นแรงขึ้นในทันที เมื่อคุณรู้สึกว่าความโกรธพุ่งเข้าใส่ ใบหน้าของคุณรู้สึกร้อน หรือบางทีคุณอาจเริ่มกำมือแน่น คุณอาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางปัญญาบางอย่าง บางทีจิตใจของคุณก็เริ่มกระสับกระส่าย คุณเริ่มมองเห็นภาพไม่ชัด ให้เรียนรู้ที่จะใส่ใจกับความรู้สึกของคุณ ให้รับรู้สัญญาณเตือนเหล่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ความโกรธของคุณถึงจุดเดือด มันจะทำให้คุณมีโอกาสป้องกันตัวเอง จากการกระทำหรือคำพูด ที่จะสร้างปัญหาใหญ่มากขึ้น แล้วคุณจะเข้าใจสัญญาณเตือนได้ดียิ่งขึ้น

 

ถอยออกมา

การพยายามเอาชนะการทะเลาะวิวาท หรือการพูดในสถานการณ์ที่กำลังแย่ จะยิ่งทำให้คุณโกรธมากขึ้น การฝึกควบคุมความโกรธที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง คือการเอาตัวเองออกจากสถานการณ์นั้น ๆ ถ้าทำได้ หากมีคนที่คุณทะเลาะด้วยเป็นประจำ เช่น เพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัว ให้พูดคุยกับพวกเขาด้วยการขอเวลานอก และค่อยกลับมาคุยกันต่อ เมื่อคุณทั้งคู่รู้สึกสงบลงแล้ว

เมื่อคุณต้องการถอยออกมา ไม่ได้แปลว่าคุณพยายามหลบเลี่ยงปัญหา แต่คุณกำลังพยายามจัดการกับความโกรธอยู่ คุณไม่สามารถคุยอย่างมีประสิทธิภาพ หรือแก้ไขข้อขัดแย้งได้ เมื่อคุณกำลังรู้สึกโกรธ หรือไม่สบายใจจริง ๆ บางครั้งการหาเวลาที่เฉพาะเจาะจง เพื่อคุยกันในตอนที่ทุกคนสงบลง จะช่วยให้สามารถพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาได้อีกครั้ง การทำเช่นนี้จะทำให้เพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือสมาชิกในครอบครัว รู้สึกสบายใจที่จะพูดคุย ถึงปัญหาดังกล่าวในภายหลัง

 

คุยกับเพื่อน

หากมีใครสักคนที่ทำให้คุณสงบลงได้ การพูดคุยปัญหาหรือแสดงความรู้สึกของคุณ ต่อบุคคลนั้น ๆ อาจเป็นประโยชน์ เช่น การบ่นเกี่ยวกับเจ้านายของคุณ การเล่าว่าทำไมคุณไม่คน ๆ นั้น หรือการบ่นเกี่ยวกับความไม่ยุติธรรมที่คุณรับ แต่ในทางกลับกัน มันก็อาจจะเพิ่มเชื้อเพลิงให้กับกองไฟก็ได้ ฉะนั้น คุณต้องระบายความโกรธเพื่อให้รู้สึกดีขึ้นเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้อง “กำจัดความโกรธ” ควรใช้ทักษะการเผชิญปัญหา ด้วยการเล่าอย่างระมัดระวัง จึงเป็นสิ่งสำคัญ

หากคุณกำลังจะคุยกับเพื่อนระบายอารมณ์ คุณต้องแน่ใจว่า คุณกำลังพยายามหาทางแก้ไข หรือหาทางลดความโกรธลง ไม่ใช่แค่ต้องการหาพวกเพิ่ม เพราะมันไม่ยุติธรรมเลย ที่จะใช้การรับฟังของคนอื่น มาเป็นแรงสนับสนุนความโกรธ

 

ออกกำลังกาย

เพราะความโกรธทำให้คุณมีพลัง! หนึ่งในแบบฝึกหัดที่จะสามารถ จัดการจัดการความโกรธที่ดีที่สุด คือการ “ออกกำลังกาย” และทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าคุณจะไปเดินเร็วหรือไปยิม การออกกำลังกายสามารถเผาผลาญ ความตึงเครียดที่มีได้ การออกกำลังกายเป็นประจำยังช่วยให้คุณผ่อนคลาย ช่วยเพิ่มความอดทนต่อความหงุดหงิด นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยให้จิตใจปลอดโปร่ง คุณอาจจะได้พบว่า หลังจากวิ่งเป็นเวลานาน ๆ หรือหลังออกกำลังกายอย่างหนัก คุณจะมีมุมมองที่ชัดเจนขึ้น เกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้คุณหนักใจ

 

จัดการความคิดของคุณ

ถ้าเอาแต่คิที่จะโกรธ มันจะยิ่งเพิ่มเชื้อเพลิง ให้กับความโกรธของคุณ เช่น “รถติดนี้มันทำลายทุกอย่าง ฉันทนไม่ได้” ความคิดนี้จะยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดของคุณ เมื่อคุณพบว่าตัวเองกำลังนึกถึง สิ่งที่ทำให้คุณโกรธ ให้เปลี่ยนความคิดใหม่ ให้คิดถึงข้อเท็จจริงว่า “เพราะมันมีรถหลายล้านคันบนถนน รถมันเลยติด” การมุ่งความสนใจไปที่ข้อเท็จจริง โดยไม่เพิ่มการคาดคะเนที่เลวร้ายหรือการพูดเกินจริง จะสามารถช่วยให้คุณสงบสติอารมณ์ได้ คุณสามารถคิดซ้ำ ๆ เพื่อกลบความคิดที่กระตุ้นความโกรธของคุณ ด้วยการคิดหรือพูดว่า “ไม่เป็นไร ใจเย็น ๆ” หรือ “อย่าคิดมาก” ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อกล่อมตัวเอง ในการช่วยให้คุณลดความโกรธลงได้

 

เน้นการพักผ่อน

มีการจัดการความโกรธหลายแบบ ที่เกี่ยวข้องกับการผ่อนคลาย กุญแจสำคัญคือ การหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ การฝึกหายใจและการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เป็นสองกลยุทธ์ทั่วไปในการลดความตึงเครียด ส่วนที่ดีที่สุดคือ การออกกำลังกาย ทั้งสองแบบสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและรอบคอบ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะหงุดหงิดในที่ทำงานหรือโกรธอะไรมา คุณก็สามารถปลดปล่อยความเครียดได้อย่างรวดเร็วและทันที

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ การออกกำลังกายเพื่อการผ่อนคลาย ต้องอาศัยการฝึกฝน ในตอนแรก คุณอาจไม่รู้สึกราวกับว่ามันได้ผล หรือคุณอาจสงสัยว่า มันใช้ได้ผลสำหรับคุณจริงหรือ แต่ถ้าเราหมั่นฝึกฝน สิ่งเหล่านี้สามารถกลายเป็นกลยุทธ์ที่คุณคู่ควร ในการจัดการความโกรธได้ดีแน่นอน

 

 

Source: verywellmind

Comments

comments