สวัสดีค่าสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน ช่วงต้นเดือนพฤษภาที่ผ่านมาบอกเลยว่าหากใครที่เล่น Facebook หรือตามข่าวสารเป็นประจำนั้นจะต้องรู้ กลุ่ม Social Media ที่ไม่ลับอย่าง #ย้ายประเทศกันเถอะ กัน ซึ่งในกรุ๊ปนั้นก่อตั้งขึ้นโดยผู้ประกอบการต่างๆ หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด และคิดว่าสถานการณ์ในไทยไม่น่าจะดีขึ้น จนทำให้เกิดการปรึกษาหารือกันเผื่อมองลู่ทางการใช้ชีวิตในที่อื่นได้บ้าง และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น (ฮ่าๆ) ดังนั้น Clubsister ทริคมาฝากสำหรับ “5 วิธีเตรียมตัวก่อนย้ายประเทศ อยากไปต้องพร้อม!” มาดูกันว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไร ดูยังไงเริ่มตรงไหน ไปดูกันได้เลย
“5 วิธีเตรียมตัวก่อนย้ายประเทศ อยากไปต้องพร้อม!”
ก่อนที่เราจะไปเริ่มดูวิธีการเตรียมตัวกันนั้น เราอยากบอกสาวๆ ว่าแต่ละข้อที่เราคิดและเรียงลำดับมาให้นั้น ไม่ได้ให้สาวๆ ต้องทำตามหรือเรียงลำดับแต่ละข้อตามที่เราบอก แต่ให้ลองนำวิธีเตรียมตัวเหล่านี้ไปเป็นวิธี Checklist เพื่อไว้ใช้เตรียมตัวมากกว่านะคะ ทั้งนี้ Checklist ในแต่ละข้อนั้น สาวๆ สามารถเตรียมตัวและทำไปพร้อมๆ กันได้ด้วยเช่นกันนะคะ เอาละไปเริ่มที่ Checklist ข้อแรกกันเลย
Checklist ข้อที่ 1: เลือกประเทศที่สนใจสอดคล้องกับงบประมาณที่ตั้งไว้
เอาละ! วิธีเตรียมตัวก่อนย้ายประเทศข้อแรกคือให้เรา Set Goal หรือเป้าหมายที่ต้องการจะไปก่อน แต่! ให้ดูตามหลักความเป็นจริง มองการเตรียมตัวหลังจากนี้และที่สำคัญมากที่สุดคือการตั้ง Goal นั้นต้องสอดคล้องกับงบประมาณที่เป็นไปได้ด้วยเช่นกัน เรามั่นใจว่าสาวๆ คงพอรู้ค่าใช้จ่ายหรืองบประมาณที่น่าจะเป็นไปได้ของตนเองอยู่บ้างแล้ว อย่างไรควรลอง Set Goal ประเทศที่อยากจะไปเป็นลำดับ 1 – 4 ลดหลั่นตามความสะดวก เพื่อไว้ใช้เป็นเป้าหมายในการเตรียมตัวขั้นตอนต่อๆ ไปค่ะ
Checklist ข้อที่ 2: มองหาโอกาสในการไปเช่น การไปเรียน , การไปทำงาน, พื้นที่อยู่อาศัย ต่างๆ
ข้อต่อไปพอเราจัดและเรียงลำดับ Goal วางแผน Plan A หรือ Plan B เรียบร้อยแล้ว ให้เราเริ่มดูเงื่อนไขในการจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่โน้นก่อน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการเรียนต่อ, การทำงาน, การไป Work and Holiday และโอกาสในการไปอยู่ที่โน้นต่างๆ เพื่อเราจะได้คำนวณและจัดสรรข้อมูลที่จะต้องเตรียมตัวต่อจากนี้ ไม่เพียงแค่นั้นเราจะได้มีเวลาเผื่อในการเตรียมตัวและเพิ่มเติมศักยภาพของตนเองต่อไปได้เร็วมากขึ้น
เช่นเราตั้งใจจะไปเรียนต่อ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษา, Dipolma (อนุปริญญา), ปริญญาตรี – เอก หรือแม้กระทั่งการเข้าคอร์สเรียนต่างๆ ใดๆ รวมถึงลู่ทางในการทำมาหากินหรือทำงานด้วยเช่นกัน เมื่อเราได้ข้อมูลในส่วนนี้แล้ว เราจะได้ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ อย่างค่าใช้จ่ายในการเรียนตลอดทั้งปีหรือทั้งคลาสเรียน, โรงเรียนหรือสถานที่ที่ทำงานมีทุนให้หรือไม่, เมืองและสถานที่ที่จะไปเรียน เมืองและละแวกใกล้เคียง
เพื่อไว้เลือกเมืองที่จะพักอาศัย และดูว่าค่าครองชีพของละแวกนั้น หรือประเทศนั้นเป็นอย่างไร เพื่อจะได้เป็นหลักสำคัญในการคำนวณและเตรียมตัวใน Checklist ต่อไปได้ และเรา Website หรือวิธีการ Search ง่ายๆ ในการเตรียมตัวข้อนี้มาฝาก
ในกรณีที่สาวๆ คนไหนสนใจอยากเข้าเรียนต่อนั้น ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างเรา (แหะๆ) มีความสนใจอยากลงเรียน Diploma หรือ อนุปริญญา ที่แคนาดา ก็ Search ระดับชั้นหรือประเภทที่เราอยากเรียน + สาขาวิชาที่อยากเรียน + ประเทศที่สนใจ ก็จะมี Website ที่จัดตั้งและรวบรวมข้อมูลในการศึกษาต่อมากมายขึ้นมา เราก็เลือกดูว่าสถานบันไหนที่เราสนใจ มีค่าใช้จ่ายเท่าไรใดๆ ชื่อเสียงสถาบันเป็นอย่างไร แต่บอกก่อนว่าบางสถาบันไม่ได้บอกข้อมูล in Detail ขนาดนั้น เราอาจจะต้องกรอกแบบฟอร์มเพื่อสอบถามข้อมูล หรือ Email สอบถามข้อมูลเข้าไปแทน
ในกรณีที่สาวๆ คนไหนต้องการหางานทำ อันนี้อาจจะไม่ยาก มี Website หรือ Application ที่ไว้เอื้ออำนวยในการหางานเยอะแยะมากมาย อย่างการสร้าง LinkedIn หรือ JobStreet หากใครที่ต้องการหางานในละแวกเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และวิธีการ Search หางานใช้คำว่า Finding job in (ตามด้วยประเทศที่สนใจอยากไป) แต่! ทั้งนี้ทั้งนั้น ก่อนที่จะเริ่มเราต้องเตรียมความพร้อมในส่วนของข้อมูลและประวัติส่วนตัวก่อนไม่ว่าจะเป็น Resume, Portfolio, Profile ใดๆ ต่างๆ
ข้อที่ 3: วางแผนทางด้านการเงินและประเมินงบประมาณตามที่ตนตั้งไว้ที่ตั้งไว้
วิธีเตรียมตัวก่อนย้ายประเทศต่อมาบอกเลยว่าเป็นข้อที่เรียกได้ว่าสำคัญมากๆ ข้อหนึ่งเลยก็ว่า แต่ก่อนเรามีความเข้าใจว่าการจะไปต่างประเทศได้นั้น “การไม่รู้ภาษาถือว่าเป็นอุปสรรค” แต่! ในยุคทุนนิยมนั้น “การเงินต่างหาก” ที่เป็นอุปสรรคกับการไปต่างประเทศ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มมองว่าเราไปที่ไหน เราวางมาวางแผนทางด้านการเงินและคำนวณความเป็นไปได้ ในแบบที่เราไม่เหนื่อยล้าจนเกินไปกันก่อน ในขั้นตอนแรกเราอยากให้สาวๆ ลองวางแผนคิดและคำนวณค่าใช้จ่ายแบบ Fix Cost กันก่อน
เช่นใครที่มีภาระหนี้สินระยะยาวอย่างหนี้บ้าน, ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ให้คำนวณค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้เรียบร้อย เงินเหลือเท่าไร ให้ตั้งการออมสำหรับเงินสำหรับการใช้ชีวิตในต่างแดนนั้นๆ เอาไว้ และเหลือเท่าไรเอาไว้ใช้ในระยะเวลานั้นๆ (ซึ่งในส่วนนี้ต้อง คำนึงและดูดีๆ มากๆ เลยนะคะ เอาที่ตนเองไม่ลำบากจนเกินไปน้า)
เมื่อคำนวณในสิ่งนี้ได้แล้ว ให้คำนวณต่อไปว่าเราจำเป็นต้องใช้เวลาทั้งหมดกี่ปีในการเก็บเตรียมตัว ยกตัวอย่างว่าตั้งใจว่าจะเก็บเงินสำหรับส่วนนี้ 2 ปี เราจะได้เงินก้อน 500K (สมมตินะจ๊ะ) และหากได้ Budget หรือ งบประมาณที่ตั้งไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เราเขยิบไปข้อถัดไปได้เลย หรืออีกวิธีนึงคือแบ่งสัดส่วนเงินเป็น % เช่น Fix Cost คิดเป็น % ของรายได้ทั้งหมดที่เรามี, แบ่งไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันกี่ %. เก็บไว้ใช้สำหรับการย้ายหรือเตรียมตัวสำหรับต่างประเทศกี่ % เป็นต้น
ข้อที่ 4: เตรียมตัวทางด้านภาษา
และก็มาถึงข้อนี้กันแล้วเป็นวิธีเตรียมตัวก่อนย้ายประเทศข้อหลักๆ พอๆ กับ Checklist ข้อที่ 3 เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากเราจะต้องมีเงินและค่าใช้จ่ายที่เพียงพอแล้ว เราจะต้องมีภาษาติดตัวเอาไว้เพื่อการดำรงชีวิตด้วยเช่นกัน ในส่วนของการเตรียมตัวทางด้านภาษานั้นเราขอยกตัวอย่างภาษาอังกฤษแล้วกัน เพราะเห็นภาพได้ง่ายและชัดมากที่สุด
หากพอเรารู้แล้วว่าเรามีเวลากี่ปีในการเตรียมตัวเรื่องเงิน สมมติ 2 ปี ให้เราแบ่งและจัดสรรเวลาในการเตรียมตัวเรื่องภาษาด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่าง เราเป็นพนักงานประจำทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ให้เรา Set Time Table ต่อวันว่าเราจะใช้เวลากี่ชั่วโมงในการฝึกภาษา อย่างเราตั้งใจจะฝึกภาษาอังกฤษ 1 ชั่วโมงต่อวัน อาจจะแบ่งท่องศัพท์ เรียนรู้เรื่องคำศัพท์ 30 นาที และเรียนรู้เรื่อง Grammar อีก 30 นาที
มีบางวันเป็นวัน Entertainment เน้นการฟัง ก็ให้ดูซีรีส์, ดูภาพยนตร์ หรือฟังเพลง ได้ 1 ชั่วโมง และ สังเกตคำศัพท์วิธีการพูดใดๆ แต่ที่สำคัญอย่าลืมที่จะฝึก Part Speaker หรือ Writing ด้วยเช่นกัน หากใครเป็นบุคคลเขินอาย อาจจะใช้วิธีการพูดตามรูปประโยคจากหนัง หรือ ฟังสำเนียงและร้องเพลงตาม ก็ใช้ได้เหมือนกัน หรือหากใครที่เป็นสายกล้าๆ Extrovert หน่อยๆ อย่าได้เหนียมอายแต่อย่างใด ลองใช้ Application Community Chart ต่างๆ เพื่อพูดคุยก็ได้ หรือ ลองไปเดินซื้อของในย่ายที่มีต่างชาติเยอะๆ ลองพูดคุยกับเขาดูก็ไม่เสียหาย (แต่ดูสถานการณ์โรคระบาดและดูแลตัวเองมากๆ ด้วยนะคะ)
ข้อที่ 5: ปรึกษาคนข้างกายและคนในครอบครัว
มาถึง Checklist ในข้อสุดท้ายกันบ้าง ซึ่งจากที่เราได้เริ่มเข้ากลุ่มในช่วงแรกๆ นั้น เราสังเกตได้ว่า ข้อนี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนคิดไม่ตกกับการย้ายประเทศหรือเริ่มจะไปทำงานและเรียนต่อต่างประเทศ นั้นก็คือคนในครอบครัวหรือคนข้างกาย คนข้างกายอย่างแฟน (ที่ยังไม่แต่งงาน) ยังไม่เท่าไร
แต่! บุคคลในครอบครัวอย่างพ่อแม่, พี่น้อง ใดๆ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เรามีความกังวลและลำบากใจที่จะตัดสินใจ ส่วนตัวเรามองว่าในส่วนนี้เราสามารถพูดและบอกเล่าด้วยเหตุและผลได้ ลองคิดถึงวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อ Support ในส่วนของข้อกังวลและความไม่สบายใจของครอบครัวไว้ อีกทั้งควรพูดและบอกด้วยความเข้าใจไม่ควรใช้อารมณ์นะคะ
Photo Credit: unsplash
Stay connected