สวัสดีค่าสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน ล่าสุดมีซีรีส์เรื่องนึงที่สร้างปรากฏการณ์โค่นล้มซีรีส์แทบจะทุกเรื่องเพียงชั่วข้ามคืน เหมือนกำลังไต่ลำดับความมันส์และเรียกเรตติ้งขึ้นเรื่อยๆ กับซีรีส์ Original Netflix น้องใหม่และนั่นจะเป็นเรื่องอะไรไปไม่ได้นอกจาก “The Uncanny Counter” และแบบนี้ Clubsister อย่างเราจะพลาดได้อย่างไรวันนี้เลยเราขอเสนอบทความที่เอาใจแฟนคลับหรือคนที่กำลังเริ่มอยากจะดูเรื่องนี้กับ “The Uncanny Counter รีวิว ซีรีส์เกาหลีที่มาแรงแซงทางโค้งในตอนนี้!!” คอซีรีส์เกาหลีและแดนกิมจิไม่ควรพลาด อย่ารอช้าไปเริ่มกันเลย
“The Uncanny Counter รีวิว ซีรีส์เกาหลีที่มาแรงแซงทางโค้งในตอนนี้!!”
เรื่องย่อและที่มาของเรื่อง:
The Uncanny Counter ซีรีส์เกาหลีน้องใหม่จากผลงาน Original Netflix เกาหลีที่สร้างมาจากการ์ตูนชื่อดังอย่าง Amazing Rumor จากค่าย Webtoon (จะว่าไปซีรีส์ดีๆ ดังสร้างจากเว็บตูนเยอะเหมือนกันนะเนี้ย) โดยพูดถึงเรื่องราวของเด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายผู้โชคร้ายนามว่า “โซมุน” เขาประสบอุบัติเหตุตอนเด็กโดยครอบครัวของเขาซึ่งมีพ่อและแม่นั้นตายจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ทว่าเขาเป็นคนเดียวที่รอด และนั่นทำให้เขาพิการที่ขอและเป็นเหมือนปมในจิตใจที่โทษตัวเองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่แล้ววันหนึ่งอยู่ดีๆ ก็เกิดแสงประหลาดพุ่งชนเขาในขณะที่เขาอยู่กับเพื่อนๆ ซึ่งหลังจากนั้น “โซมุน” ก็เดินได้และมีพลังวิเศษ ทำให้เขาเจอกับคนอีก 3 คนในร้านบะหมี่ “ออนนี่” ที่โด่งดังและอร่อยจนใครๆ ก็ต่างพามาต่อแถวเข้าคิวรอชิมกัน และได้รู้ว่าสิ่งที่เขาเจอและเป็นนั้นเรียกว่า Counter เป็นหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากนรก เปรียบเสมือนยมฑูตในโลกมนุษย์ ที่ต้องคอยปราบสัตว์ปีศาจร้ายที่อยู่บนโลก
โดยปีศาจแต่ละตัวจะมีเลเวลและระดับของมันตั้งแต่ลำดับ 1 เพิ่งเริ่มต้น จนไปถึงลำดับที่ยากที่จะปราบอย่างลำดับที่ 4 ซึ่งคนที่จะเป็น Counter ได้นั้นเงื่อนไขคือจะต้องเป็นคนที่เสี่ยงหรือเกือบตายมาก่อนถึงจะได้เป็น แต่ด้วยเหตุนี้โซมุนจึงได้ถูกเชื้อเชิญจากคนแปลกหน้าทั้ง 3 ให้เข้าร่วมวง Counter และปราบปีศาจด้วยกัน เนื่องจากทางทีม ออนนี่ ต้องการหาสมาชิกมาแทนคนที่ตายไปจากการปราบปีศาจในครั้งก่อน และนั่นคือจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่โซมุน กับหน้าที่ Counter บนโลกมนุษย์
แต่ก่อนอื่นที่เราจะไปถึง The Uncanny Counter รีวิว กันนั้น เราขอเริ่มจากการแนะนำตัวละครและความสามารถพิเศษของแต่ละคนกันก่อน จะได้ค่อยๆ ลิ้มรสความน่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้กัน
แนะนำและวิเคราะห์ตัวละครตัวที่ 1: โซมุน แสดงนำโดย โจบยองกยู
และก่อนจะไป The Uncanny Counter รีวิว เราจะขาดตัวละครที่สำคัญและเรียกได้ว่าโดดเด่นที่สุดในเรื่องเลยก็ว่าได้อย่างพระเอกของเราอย่าง “โซมุน” ไปไม่ได้ โซมุน เด็กหนุ่มผู้โชคดีในโชคร้ายเขาเป็นเพียงคนเดียวที่รอดตายจากอุบัติเหตุที่คร่าชีวิตพ่อและแม่ของเขา
ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาพิการและต้องไปอาศัยอยู่กับตายายที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ และด้วยความรักที่มีของตายาย ทำให้โซมุน เติบโตมาเป็นเด็กที่ดีและจิตใจอ่อนโยน แต่ทว่าเหมือนฟ้าลิขิตหรือชะตาชีวิตแปรผันอย่างไร วิญญาณของยมฑูตที่มีฤทธิ์เดชไม่แพ้ตนใดอย่าง วีเก็น กำลังมองหาร่างสิงสู่อย่างไม่ได้ตั้งใจ เลยมาได้ร่างของโซมุน ทำให้เขาเกิดมีพละกำลังและขาของเขาหายเป็นปกติ
และด้วยเหตุนี้ในตอนแรกเองเขาปฏิเสธการเชื้อเชิญของแก๊งค์ Counter จากร้านออนนี่ แต่ด้วยความที่เขาอยากแข็งแกร่งขึ้น เพื่อต้องการปกป้องเพื่อนๆ ของเขาจากการถูกกลั่นแกล้งโดยกลุ่มนักเรียนเกเรที่โรงเรียน เขาเลยตกลงเข้าร่วมสมาชิกทีม Counter นี้
แนะนำและวิเคราะห์ตัวละครตัวที่ 2: โทฮานา แสดงนำโดย คิมเซจอง
และตัวละครในThe Uncanny Counter รีวิว ตัวต่อไปจะเป็นใครไปไม่ได้เลย เพราะว่าในเมื่อมีพระเอกแล้ว ก็ต้องมีนางเอกด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ “โทฮานา” หญิงสาวสุดเท่ (แอบเซ็กซี่) และเรียกได้ว่าเป็นหญิงที่แกร่งที่สุดในแก๊ง๕ Counter เลยก็ว่าได้
ความสามารถพิเศษของเธอคือการอ่านความทรงจำในอดีตของผู้อื่นได้โดยไม่กี่วินาที และแถมสามารถสัมผัสพลังงานปีศาจได้ไกลจนถึง 100 กิโลเมตรเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่แสดงออกภายนอกว่าเป็นคนแกร่งและเข้มแข็ง แต่แท้จริงแล้วก่อนที่เธอจะมาเป็น Counter นั้น เธอผ่านเรื่องราวที่น่าเจ็บปวดและรอยแผลที่ไม่มีวันจางหายมาก่อน ด้วยเหตุนี้เลยทำให้เธอเป็นโรคที่ไม่อยากสัมผัสหรือโดนตัวใคร
แนะนำและวิเคราห์ตัวละครที่ 3: ชูมันอ๊ค แสดงนำโดย ยอมฮเยรัน
เป็นอีกหนึ่งตัวละครหนึ่งใน The Uncanny Counter ที่เรียกได้ว่าเหมือนคุณแม่ของแก๊งค์ออนนี่ เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ “ชูมันอ๊ค” อาจุมม่าผู้ดูแลร้านและเป็นเหมือนเสาหลักที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ พร้อมเตือนสติให้กับสมาชิก Counter
ความสามารถพิเศษของเธอคือพลังที่ช่วยเยียวยาและรักษา (Skill เหมือนนักเวทย์ที่ช่วยฮีลเหล่าสมาชิกอย่างไหงอย่างงั้น) ซึ่งก่อนที่เธอจะมาเป็น Counter นั้น เธอต้องผ่านเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่า เหมือนตายทั้งเป็น นั่นก็คือการสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียวของเธอไป โดยที่เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่น่าสนใจ และมีความเป็นแม่สูงมากเลยทีเดียว
แนะนำและวิเคราห์ตัวละครที่ 4: กาโมทัก แสดงนำโดย ยูจุนซัง
และตัวละครตัวสุดท้ายที่เราอยากจะแนะนำอีกตัวหนึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ เป็นสมาชิกคนสำคัญอีกคนหนึ่งในแก๊งค์ออนนี่ นั่นก็คือ อดีตตำรวจหนุ่ม กาโมทัก ที่ถูกทำร้ายปางตายในขณะที่กำลังสืบและไล่จับผู้มีอิทธิพลอยู่ และนั่นทำให้เขาสูญเสียความทรงจำ ด้วยความเป็นที่อดีตตำรวจเก่าทำให้เขามีนิสัยรักความยุติธรรม เลือดร้อน และความสามารถพิเศษของเขาคือ การเชี่ยวชาญทางด้านพละกำลังและการต่อสู้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าครบเครื่องสายเลือดตำรวจเลยทีเดียว
และแล้วเราก็มาถึงบทวิเคราะห์ The Uncanny Counter ซีรีส์มาแรงเรื่องนี้กัน ส่วนตัวเรามองว่าซีรีส์เรื่องนี้ต้องการถ่ายทอดและตีแผ่ประโยคหนึ่งที่มาจากซีรีส์เองนั่นก็คือ “คนก็คือปีศาจนั่นแหละ” โดยซีรีส์เรื่องนี้ต้องการบอกความสีเทาและความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์ที่เห็นกันอย่างได้ชัดในสังคม
ไม่ว่าจะเป็นความเลื่อมล้ำชนชั้น, ความลุ่มหลงในอำนาจ ดูได้จากข้าราชการและผู้มีอิทธิพลต่างๆ ที่ร่วมมือกันทำธุรกิจสีเทา, ความโลภของมนุษย์ที่มีมากกว่าสิ่งใดในโลกนี้ และสุดท้ายคือ การรังแกและข่มเหงในสังคมเริ่มต้นซึ่งเป็นสังคมเล็ก อย่างในโรงเรียน ที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้เสียที ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปจากสังคมเราเอง (ไม่ใช่แค่เฉพาะเกาหลี)
และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกสนใจ พร้อมทั้งคิดว่าเป็นจุด Trigger Point (จุดน่าสนใจ) ที่ทำให้คนดูอย่างเราละสายตาไปไม่ได้เลยนั่นก็คือ การดำเนินเรื่องและการปูเรื่องราวหรือ Background และปมของตัวละครแต่ละตัว ซึ่งทำให้เราเห็นว่า ซุปเปอร์ฮีโร่ หรือ คนที่เราคิดว่าเขาวิเศษ ใช่ว่าเขาไม่เจ็บปวดมาก่อน
นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เข้าใจว่าซีรีส์เรื่องนี้กำลังจะบอกเราถึง “ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง ความผิดพลาด ผิดหวัง หรือเรื่องราวที่หน้าขมขื่นต่างๆ ในอดีต นั่นจะเป็นเหมือนเชื้อเพลิงในชีวิต ที่ทำให้เราเดินหน้าและก้าวต่อไป จงจดและจำมันไว้ เพื่อนำมันไปเป็นบทเรียน จงอยู่กับมันและเรียนรู้กับมันไปให้ได้”
นอกจากแก่นของเรื่องที่ซีรีส์ต้องการนำเสนอแล้วนั้น สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าซีรีส์เรื่องนี้น่าติดตามไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เลยก็คือฉากบู๊และฉากกระชากน้ำตาของเรื่อง บอกตามตรงบางครั้งก็ทำให้เราอารมณ์แปรปรวน ตอนแรกก็รู้สึกหึกเหิม สักพักเรียกดราม่า น้ำตาไหลเป็นทางเลยทีเดียว
ไม่เพียงแค่นั้นฉาก CG ยังทำออกมาให้เรารู้สึกถึงกลิ่นอายของการ์ตูนและความแฟนตาซีอยู่บ้าง นอกจากนั้นยังมีการใช้มุมกล้องที่เรามักพบเห็นได้ในการ์ตูนอนิเมะหรือเกม โดยจะใช้มุมกล้องแทนสายตาของตัวละคร เพื่อทำให้คนดูอย่างเราคล้อยตามและเข้าถึงสถานการณ์ตรงหน้าได้เป็นอย่างดี
ถึงแม้ว่าตอนนี้เรื่องราวจะดำเนินมาจนถึงตอนที่ 12 แล้ว (ณ วันที่ 10 มกราคม 2021) แต่เรากล้าบอกเลยว่าเนื้อเรื่องของซีรีส์เรื่องนี้ยังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ปมและความสีเทาของตัวละครแต่ละตัวจะเริ่มเด่นชัดขึ้น จนทำให้เราเรียนรู้ถึงคำว่า “มนุษย์นี่แหละ น่ากลัวไม่แพ้ปีศาจเลยก็ว่าได้”
หากสาวๆ คนไหนสนใจซีรีส์เกาหลีแนว Sfi-ci, Action, Fantacy แล้วละก็เราขอแนะนำซีรีส์เรื่องนี้เลย โดยจะฉายและเข้า Netflix (คลิกเพิ่มรับชมซีรีส์) ทุกวันเสาร์ – อาทิตยย์ เวลา สามทุ่ม สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านบทความ The Uncanny Counter นี้จนจบ และพบกันใหม่บทความหน้า จะเป็นการรีวิวหรือแนะนำซีรีส์เรื่องอะไรอีก มาคอบติดตามกันนะคะ บ๊ายบายค่า
Photo Credit:
Stay connected