สวัสดีค่าสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน เหมือนเช่นเคยเมื่อมีหนังหรือซีรีส์อะไรที่น่าสนใจ เราก็จะขอหยิบยกและมารีวิวให้สาวๆ ได้รู้จักเนื้อเรื่องกันมากขึ้น และช่วงนี้เหมือนโควิคกลับมาอีกเป็นระลอกที่ 3 ดังนั้นหนังเรื่องนี้เป็นหนังอีกเรื่องที่สะท้อนให้เห็นสถานการณ์ในปัจจุบันทั้งในแง่แก่นหนังและในแง่ความเป็นจริง Clubsister ขอเอาใจคอ NETFLIX กับ “รีวิว Love and Monster บน Netflix ความรักในวันล่มสลายของโลก” มาดูกันว่าทำไมนะหนังสัตว์ประหลาดเรื่องนี้ถึงติด Top 5 ของ NETFLIX เพียงไม่กี่วัน
“รีวิว Love and Monster บน Netflix ความรักในวันล่มสลายของโลก”
เรื่องย่อและที่มา:
Love and Monster เป็นผลงานการกำกับของ Michael Matthews โดยนำบทภาพยนตร์ของ Brian Duffield และ Matthew Robinson ที่เป็นนักเขียน Underwater, The Babysister และ
Divergent หนังแนว Thriller, Action, Sci-fi ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เดิมทีหนังเรื่องนี้ถูก Studio ยักษ์ใหญ่อย่าง Paramount Picture ใช้เงินสร้างประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยคาดหวังว่าจะนำมันเข้าฉายบนจอเงิน แต่ทว่าผลของโควิดและสถานการณ์ต่างๆ ทำให้ต้องเลื่อนและพับแพลนทั้งหมดที่มี ดังนั้น NETFLIX จึงมองเห็นโอกาสนี้ขอซื้อลิขสิทธิ์มาฉายบน NETFLIX ซะเลยดีกว่า และนี่คือสาเหตุว่าทำไมหนังค่ายใหญ่ถึงไม่ขึ้นจอภาพยนตร์
Love and Monster เป็นภาพยนตร์แนว Action, Sci-fi, Romantic พูดถึงเรื่องราวของโลกที่เข้าขั้นวิกฤตหลังจากเกิดเหตุการณ์อุกาบาตพุ่งชนโลก ทำให้เกิดมหันตภัยร้าย เกิดสัตว์ประหลาดและสิ่งที่มีชีวิตอื่นๆ มากมาย เมื่อวันเวลาผ่านไป 7 ปี Joel เด็กชายที่อาศัยในบังเกอร์หลบภัยร่วมกับคนอื่นๆ แต่ทว่าในวันหนึ่งเขาสามารถติดต่อกับ Aimee แฟนสาวของเขาที่เขาเฝ้ารักและคิดถึงเธอเหมือนเดิม ผ่านทางวิทยุสื่อสารได้ ทำให้เขารู้ว่าเธออยู่ห่างจากเขาราวๆ 80 ไมล์ ด้วยความรักและแรงกล้า ทำให้เขาตัดสินใจที่จะออกจากบังเกอร์ที่อยู่ เพื่อเดินทางตามหา
และไปยังคนรักของเขา และนี่คือการผจญถัยของ Joel กับ การตามหาความรักในวันที่โลกจะล่มสลาย
ตัวละคร:
คนที่ 1: Joel แสดงนำโดย Dylan O’Brien
หากสาวๆ คนไหนที่เป็นคอหนัง Adventure, Sci-fi หรือ Fantasy แล้วละก็จะต้องคุ้นหน้าคุ้นตากับพระเอกของเรื่องนี้เป็นแน่ กับ Dylan O’Brien นักแสดงหนุ่มมากความสามารถ ภาพยนตร์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาเลยคือ The Maze Runner กลับมาในครั้งนี้ เขามาพร้อมความท้าทายให้โดยรับบทกับ Joel เด็กหนุ่มผู้ต้องการตามหารักแท้ที่ขาดหายไปของเขา ในโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย เดิมที Joel เป็นเด็กหนุ่มผู้อ่อนโยน จิตใจดี ขี้กลัว ขี้วิตกกังวล และไม่ค่อยกล้าเผชิญหน้ากับอันตราย
แต่ทว่าครั้งนี้ เขาเปลี่ยนตัวเอง ก้าวท้าวออกจาก Comfort Zone ที่มีเพื่อตามหาความรักของเขา เขาตัดสินใจออกจากบังเกอร์ ด้วยเสียงคัดค้านของเพื่อนร่วมที่อยู่อาศัย ถึงแม้จะรู้ดีว่าตัวเองจะเอาชีวิตรอดไหมก็ไม่รู้ แต่ทว่าหากเขาไม่ลองเสี่ยง เขาอาจจะต้องเสียเธอไปก็ได้
คนที่ 5: Boy (ไม่รู้เรียกคนได้ไหม) เพราะเป็นสุนัขคู่ใจที่พระเอกของเราร่วมเดินทางด้วย มันมีประโยชน์ในการเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมและคอยระวังสัตว์ประหลาดให้พระเอกในยามคับขัน
คนที่ 3: Aimee แสดงนำโดย Jessica Henwick
สาวสวยขวัญใจพ่อหนุ่มคลั่งรักอย่าง Joel เดิมทีเธอเป็นสาวที่น่ารักและเป็นแฟนสาวแสนดีของ Joel แต่ทว่าพอเกิดเรื่องเธอห็หายไปจากชีวิตของ Joel และพลิกบทบาทจากผู้หญิงที่ดูภายนอกอ่อนแอ เป็นหญิงสาวที่แบกความกล้าหาญ มุ่งมั่น มั่นใจ และมีความเป็นผู้นำสูง โดยให้ความรู้สึกว่า เธอเป็นหญิงที่จะไม่นั่งร้องของหรือรอให้ใครมาช่วย
คนที่ 4: Clyde แสดงนำโดย Michael Rooker
คุณลุงที่จับคู่กับเด็กสาวแก่แดดคนหนึ่ง เขาเป็นผู้ที่มีความสามารถเรียนรู้เรื่องสัตว์ประหลาด และรู้วิธีการรับมือกับพวกมันได้เป็นอย่างดี
คนที่ 5: Minnow แสดงนำโดย Ariana Greenblatt
เด็กสาวที่อยู่คู่กับคุณลุง Clyde เธอเป็นเด็กสาวที่ ความคิด การกระทำ การตัดสินใจ ไม่ค่อยสอดคล้องกับอายุของตัวเองเสียเท่าไร แต่ด้วยความสามารถของเธอ ทำให้เธอเก่งกาจเรื่องหน้าไม้และความแม่นยำในการยิงเป็นที่สุด
รีวิว Love and Monster:
ขอบอกตรงนี้เลยว่าตอนแรกที่เปิดดูก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหนังเรื่องนี้มีอะไร ทำไมมันถึงติด Top Rank นะ และโดยส่วนตัวเป็นคนไม่ได้สนใจดูหนัง Sci-fi มากเสียเท่าไร แต่! พอเปิดดูแล้วนั้นเลยรู้ทันทีเลยว่า นอกจาก CG และความอลังการของเรื่องแล้ว สิ่งที่ได้จากเรื่องนี้เลยคือทัศนคติและ Character Development ที่เราเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน เริ่มจากเรื่องแรกเราขอยกความดีความชอบให้กับ CG และ ภาพกราฟฟิกต่างๆ ของเรื่องนี้เลย กล้าพูดเลยว่าทำออกได้แบบไร้ที่ติ งานประณีตดีๆ เลยก็ว่าได้
สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนคือความมีชีวิตชีวาของสัตว์ประหลาด บางตัวมีนัยย์ตาที่เด่นชัดและเห็นได้อย่างชัดเจน บางตัวหน้ากลัวก็ทำได้สุดจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้เข้าชิง Oscar สามขา Visual Effect และสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้เด่นและสัมผัสอย่างชัดเจนคงหนีไม่พ้นเรื่องราวความรักและทัศนคติของคน บ่อยครั้งที่เรามักทำอะไรบ้าๆ และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อความรัก
พระเอกของเราก็คือหนึ่งในนั้นเช่นกัน เขากล้าออกจาก Save Zone ของเขาเพื่อเผชิญหน้า และไปหาคนที่เขารักถึงแม้จะรู้ว่าด้านนอกเต็มไปด้วยอันตรายก็ตาม
แต่ทว่าการออกมาข้างนอกของเขา ก็เป็นอีกหนึ่งการเปิดโลก ทำให้เขารู้ว่า โลกใบใหญ่ของเขานี้ ไม่ได้มีแค่ในบังเกอร์เพียงอย่างเดียวนอกจากนั้นเราจะได้เห็นพัฒนาการ ทัศนคติของตัวละครแต่ละตัวที่เปลี่ยนไป เรียกได้ว่าเห็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเลยก็ว่าได้
สุดท้ายหากใครสนใจที่จะดูหนังงาน ภาพ แสง สี Visual ดี เราขอเชียร์ให้ดูเรื่องนี้ Love and Monster บน NETFLIX (คลิกเพื่อรับชม) ได้เลย และมาคอยเชียร์คอยลุ้นกันว่าเรื่องนี้จะชนะรางวัลในสาขาที่เข้าชิงหรือไม่ และพบกันใหม่บทความหน้า สุดท้ายขอบคุณที่ติดตามชมกันค่ะ
บ๊ายบาย
Photo Credit:
Stay connected