สวัสดีค่าสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน เผลอแปปเดียวก็เข้าหน้าฝนกันอย่างเต็มตัวแล้วเนอะ พออยู่บ้านไม่รู้จะทำอะไร นอกจากงานก็มี Netflix เป็นเพื่อนคลายเหงา งั้นวันนี้ขอเอาใจหน้าฝนกับ “น้ำตาแตกรับหน้าฝน ชวนดู 5 หนังเศร้า Netflix พาน้ำตาร่วง” กันเสียซักหน่อย ดูซิจะน้ำตาไหลกันซักเท่าไหนกัน จะมีเรื่องอะไรกันบ้างไปดูเลย 

 

“น้ำตาแตกรับหน้าฝน ชวนดู 5 หนังเศร้า Netflix พาน้ำตาร่วง”

 

เรื่องที่ 1: The Boy in the Striped Pajama

แนวภาพยนตร์: Drama, History
รับชมภาพยนตร์: Netflix 

หนังเศร้า Netflix

Photo Credit 1: pluggedin

หนังเศร้า Netflix เรื่องแรกที่เราอยากให้ลองดูกันนั้น อาจจะไม่ใช่หนังเศร้าแนวรักสุดซึ้ง แต่เป็นหนังที่เรียกได้ว่าสร้างความสะเทือนใจและเรียกน้ำตาให้กับคนดูมานักต่อนัก แต่เรากล้าพูดเลยว่าไม่ว่าจะทำการ Remake กี่ครั้ง หนังเรื่องนี้ก็ยังกินใจคนดูอยู่เสมอ

The Boy in the Striped Pajama หรือในชื่อภาษาไทยที่ว่า เด็กชายในชุดลายทาง เป็นหนังที่สร้างมาจากหนังสือนิยายที่ใช้ชื่อเดียว พูดถึงเด็กชาย 2 คนที่อยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
เด็กชายคนหนึ่งชื่อว่า บรูโน อยู่ในครอบครัวทหารเยอรมันชั้นผู้ใหญ่บ้านมีฐานะ  แต่ทว่าในบริเวณบ้านเขาติดกับรั้วของค่ายกักกันชาวยิว ส่วนเด็กชายอีกคนชื่อ ซามูเอล เป็นเด็กชายชาวยิวที่สวมชุดเหมือนชุดนอนลายทางอาศัยอยู่ในสถานที่กักกัน ทั้ง 2 บังเอิญได้มาเจอกันโดยมีรั้วหนามกั้นระหว่างกันเอาไว้ บรูโนถูกพร่ำสอนจากผู้เป็นพ่อว่าคนชาวยิวนั้นร้ายกาจ

เมื่อเขาได้เจอซามูเอล โดยบังเอิญ ทำให้รู้ว่าชาวยิวไม่ได้น่ากลัวและร้ายกาจอย่างที่เขาเคยได้ยินมาทั้งคู่สานสัมพันธ์และเป็นเพื่อนเล่นกัน โดยที่มีเพียงรั้วหนามแห่งศึกสงครามกั้นเอาไว้ ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของเด็กทั้ง 2 จะเป็นไปได้ด้วย เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แต่ทว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบล้วนเต็มไปด้วยศึกสงคราม และนำพาโศกนาฏกรรมมาในที่สุด

 

เรื่องที่ 2: Marriage Story

แนวภาพยนตร์: Drama
รับชมภาพยนตร์: Netflix

หนังเศร้า Netflix

ต่อมาขอกลับมาที่หนังเศร้า Netflix ที่พูดถึงความรักในวัยผู้ใหญ่ที่บอกเลยว่าบีบหัวใจและเรือกความสะอื้นได้ไม่น้อยเลยทีเดียว กับ Marriage Story หนังโรแมนติก ดราม่า สะท้อนปัญญาครอบครัวในแบบผู้ใหญ่ ที่จับต้องได้ จุก หน่วง น้ำตาร่วง แถมบางช่วงแฝงไปด้วยความอบอุ่นอมเทา Marriage Story เป็นภาพยนตร์โรแมนติก ดราม่า ที่รังสรรค์การสร้างจาก Netflix การันตีความเจ๋งกับการถูกเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์มากมายหลากหลายสาขา

โดยหนังพูดถึงเรื่องราวของ นิโคล อดีตนักแสดงละครเวทีชื่อดัง กำลังดำเนินการฟ้องหย่าสามีของเธอ ชาลี ซึ่งทั้งสองคนนี้มีลูกชายที่น่ารักด้วยกัน 1 คน เรื่องราวความรักและชีวิตของทั้งคู่เป็นปกติเหมือนเดิมแบบนี้ทุกครั้ง ไม่เคยเปลี่ยน แต่ทว่านิโคลเธอกลับมีความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมกับสามีของเธอ อีกทั้งเธอยังระแคะระคายว่าสามีเธอนั้น อาจจะกำลังมีอะไรกับเลขาคนสนิทของเขาอยู่ก็ได้

Marriage Story เป็นหนังที่ถ่ายทอดชีวิต ความคิด จุดเริ่มต้นและจุดจบของความรักด้เป็นอย่างดี หลายต่อหลายพูดว่าในยามที่รักกันนั้นให้อธิบายความรู้สึกรักหรือเหตุผลที่จะรักมักไม่มี แต่หากเวลาจะตัดความสัมพันธ์นั้น ไม่เพียงกี่เหตุผลก็สามารถทำให้เลิกกันได้

 

เรื่องที่ 3: The Green Mile

แนวภาพยนตร์: Inspiration
รับชมภาพยนตร์: Netflix 

หนังเศร้า Netflix

Photo Credit 3: imdb

หนังเศร้า Netflix เรื่องที่ 3 นี้เป็นหนังเศร้าที่สร้าง Inspiration และสะท้อนความเท่าเทียมของสังคมได้เป็นอย่างดี บอกเลยว่าดูเรื่องนี้ทีไร น้ำตาไหลเป็นสายธารทุกที The Green Mile เป็นนิยายและภาพยนตร์แนวแฟนตาซี, ดราม่า ที่พูดถึง พอล ชายแก่ที่อาศัยในบ้านพักคนชรา ขณะที่เขากำลังพูดคุยกับเพื่อนในบ้านพักถึงหน้าที่การทำงานในอดีตของเขา รวมถึงเหตุการณ์ที่เขาอยากจะกลับไปแก้ไข

แต่ทว่าทำยังไงก็ไม่สามารถกลับไปได้อย่างการเป็นผู้คุมนักโทษไปยังแดนประหารโดยพอลเคยทำงานเป็นผู้คุมนักโทษที่จะถูกส่งตัวไปยังเก้าอี้ไฟฟ้า โดยตลอดเส้นทางเดินไปยังห้องประหารนั้น จะมีชื่อเรื่องว่า “The Green Mile” ด้วยผนังและแสงไฟสลัว ที่ทำให้ตลอดเส้นทางเดินเป็นสีเขียว ในครั้งหนึ่งพอลได้รับตัวนักโทษคนหนึ่งที่มีชื่อว่า จอห์น คอฟเฟ่ เขาถูกรับโทษประหารชีวิตจากคดีฆาตกรรมเด็กสาว 2 คน

แต่สิ่งที่ทำให้เหล่าผู้คุมและตัวของพอลนั้นประหลาดใจ คือพฤติกรรมของจอห์นที่ไม่ว่ายังไงก็ดูเหมือนจะฆ่าใครไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการเป็นคนจิตใจดี พูดจามีสัมมาคารวะ โอบอ้อมอารี พร้อมที่จะช่วยเหลือคนอื่น ไม่เพียงแค่นั้น เขาเป็นโรคกลัวความมืด บ่อยครั้งที่จอห์นได้ช่วยเหลือนักโทษคนอื่นๆ และช่วยผู้คุมจากเรื่องต่างๆ ด้วยความดีนี้ทำให้พอลและผู้คุมแทบจะทุกคนรู้ได้ว่าจอห์นเป็นผู้บริสุทธิ์

แต่ทว่าคำสั่งศาลถือเป็นที่สิ้นสุด เมื่อใครก็ตามที่ถูกตัดสินให้นั่งบนเก้าอี้ตัวนี้ ถึงแม้จะไม่ผิด ก็ไม่สามารถทวงคืนคำตัดสินนั้นได้ สิ่งที่ทำให้เราประทับใจและเรียกได้ว่าตราตรึงและกินใจกับหนังเรื่องนี้เลยคือ การเสียดสีสังคม (แบบเป็นนัยยะ ตามแบบฉบับของคิง) โดยเรื่องนี้ต้องการจะสอนและบอกคนดูอย่างเราว่า “อย่าตัดสินคนจากภายนอก ถึงแม้ว่าภายนอกเขาจะดูน่ากลัวหรือดูน่าเกรงขามเพียงใด จงสัมผัสที่แก่นแท้ของจิตใจของมนุษย์ดีกว่า มิเช่นนั้น การตัดสินใจผิดของเราเพียงครั้งเดียว อาจสร้างรอยแผลในใจที่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้เลย”

 

เรื่องที่ 4: A Moment to remember

แนวภาพยนตร์: Romantic Drama
รับชมภาพยนตร์: Netflix 

หนังเศร้า Netflix

Photo Credit 4: justdial

หนังเศร้า Netflix เรื่องถัดมาบอกเลยว่าเป็นหนังสไตล์ Romantic Drama ที่ประหนึ่งถอดแบบมาจากหนังแนวมาตราฐานเลยทีเดียว แต่ถึงแม้จะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ แต่บอกเลยว่าดึงเอาน้ำตาของคนดูออกมาได้ไม่น้อย กับ A Moment to remember กับในชื่อภาษาไทย ให้ฉันเป็นความทรงจำให้เธอนะ ที่รัก แค่ชื่อก็พาน้ำตาคลอแล้ว

เรื่องราวพูดถึง หญิงสาวมีฐานะเธอเป็นคนซุ่มซ่ามและก็ขี้ลืม ในวันหนึ่งเธอตัดสินใจจะตัดขาดจากที่บ้านและหนีตามผู้ชายที่มีภรรยาแล้วไปด้วยกัน แต่ทว่าชีวิตมันกับไม่ Lucky ขนาดนั้น ฝ่ายชายกลับเทเธอไม่มาเจอและได้หาไปจากชีวิตเธอเลย หญิงสาวต้องนำพาหัวใจสลายเดินกลับบ้านไปเสียอย่างนั้น แต่ทว่าในขณะที่กำลังกลับบ้านเธอแวะซื้อเครื่องดื่มปลอบใจ ทำให้เธอลืมกระเป๋าของเธอไว้ และบังเอิญมีชายหนุ่มท่าทางเซอร์ ไว้ใจไม่ได้เก็บกระเป๋าไว้ให้ แต่เธอกลับลืมและไปต่อว่าเขา

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความรักครั้งใหม่ ดูเหมือนจะแฮปปี้แต่เปล่าเลย มีอยู่วันหนึ่งนางเอกกลับรู้สึกไม่สบายและไปหาหมอ เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็น อัลไซเมอร์ ในอายุเพียง 27 ปี ด้วยเหตุนี้ทำให้เธอ จำคนรักของเธอได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ทว่าพระเอกกลับคิดเพียงว่า ถึงแม้เธอจะจำเขาไม่ได้ ขอเพียงเขาจำเธอได้คนเดียวก็พอ

 

เรื่องที่ 5: 6 Years

แนวภาพยนตร์: Drama Coming of Age
รับชมภาพยนตร์: Netflix

หนังเศร้า Netflix

หนังเศร้า Netflix เรื่องสุดท้าย เป็นผลงาน Original Netflix ที่ดีไม่แพ้เรื่องอื่นๆ อีกทั้งยังสอดแทรกความเป็น Coming of Age ในช่วงการเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เต็มตัวอีกด้วย 6 Years เป็นหนัง American Romantic Drama พูดถึง ‘เมล’ และ ‘แดน’ คู่รักวัยรุ่นที่คบหาดูใจกันตั้งแต่เรียนมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัยนาน 6 ปี ความรักของทั้งคู่ก็เหมือนความรักวัยรุ่นทั่วไปที่เต็มไปด้วยความสนุก คึกคะนอง ใช้ชีวิตในแต่ละวันแบบไม่ต้องคิดหรือมีหน้าที่อะไรต้องทำ

แต่เมื่อเวลาผ่านไปคนทุกคนต้องก้าวข้ามช่วงวัยรุ่นไปสู่วัยผู้ใหญ่ สิ่งต่าง ๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่ภาระหน้าที่แต่รวมถึงจิตใจของแต่ละคนด้วยเช่นกัน ตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมงกว่าที่ดูหนังเรื่องนี้ อยากบอกว่าหนังถ่ายทอดความรักวัยรุ่นตอนปลายได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกิจวัตรประจำวันที่ตัวละครทำ ความคิด ความอ่านของตัวละครแต่ละตัว

โดยเฉพาะในช่วงของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่วัยรุ่นตอนปลายทุกคนต้องเจอ คือการเปลี่ยนแปลงในเรื่องภาระหน้าที่ ที่ต้องก้าวจากนักเรียนไปเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องดูแลตัวเอง เพราะแบบนี้จึงทำให้เราได้เห็นว่าคู่รักหลายคู่มักมีจุดแตกหักจากเรื่องแบบนี้รองลงมาจากเรื่องนอกใจ เพราะเรามักชินกับนิสัยเดิม ๆ ในวัยเด็กที่เราอยู่ด้วยกันจนไม่แคร์อะไรนอกจากความรักระหว่างเด็กน้อย แต่เมื่อเติบโตขึ้น มีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกมาก ไม่ใช่แค่คนข้างๆ เพียงอย่างเดียว มันรวมไปถึงครอบครัว อนาคต และการเติบโตของตนเอง

Comments

comments