ใครอยากเริ่มเข้าคลินิก แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มหัตถการอะไรดี ต้องดู วันนี้เราได้รวม หัตถการความงาม ยอดฮิต มาฝาก แล้วมาให้คำตอบว่า หัตถการคืออะไร มีอะไรบ้าง และต้องทำบ่อยแค่ไหนถึงจะเห็นผล แล้วเราควรเริ่มทำหัตถการความงามแบบไหนดี พร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย
หัตถการความงาม คืออะไร
การเสริมความงามด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่ต้องทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เช่น เลเซอร์ต่าง ๆ ผลักวิตามินสู่ผิว โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม ฯลฯ ซึ่งจะเป็นการดูแลผิวได้ลงลึกถึงชั้นใต้ผิว ซึ่งทำให้เห็นผลมากกว่าการบำรุงผิวด้วยสกินแคร์อย่างเดียว
หัตถการความงาม เหมาะกับใครบ้าง?
รวม 9 หัตถการความงาม ยอดนิยม แบบไหนเหมาะกับใคร ช่วยในด้านไหนบ้าง
1. ฉีดสิว หรือกดสิว
การทำให้สิวอุดตันหัวเปิดหลุดออกมา เพื่อจะช่วยลดการสะสมของไขมันในรูขุมขน ซึ่งจะกดด้วยที่กดสิวที่สะอาด ปลอดเชื้อ และได้มาตรฐาน ส่วนสิวอุดตันหัวปิด ควรละลายสิวอุดตันก่อน หรือทำการเปิดหัวสิว ร่วมกับการกดสิว เพื่อให้การกดง่าย และไม่ทิ้งรอย แนะนำให้ไปกดสิว หากกดสิวหรือบีบสิวเองอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ รักษายากกว่าเดิม วิธีนี้แนะนำให้ทุกเดือน เหมาะกับทุกวัยที่มีปัญหาเรื่องสิว
2. ทำทรีตเมนต์ผิวหน้า
การดูแล รักษา หรือบำรุงผิวหน้าด้วยวิธีการต่าง ๆ อาจมีหลายวิธีรวมกันอยู่ในหนึ่งการทำทรีตเมนต์ หรืออาจมีเพียงวิธีการเดียวก็ได้ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการทำ เช่น การทำทรีตเมนต์เพื่อกระชับใบหน้า อาจมีการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทาครีมบำรุง และนวดหน้า ทั้งสามวิธีการที่ทำร่วมกันนี้คือการทำทรีตเมนต์เพื่อกระชับใบหน้านั่นเอง โดยควรทำเดือนละครั้ง การทำทรีทเม้นท์ใบหน้าแต่ละสถานที่ให้บริการ และแต่ละโปรแกรมมีจุดประสงค์ในการทำต่างกันออกไป แต่โดยส่วนมากมักทำเพื่อผลลัพธ์ตามนี้
- ยกกระชับใบหน้า
- ลดเลือนริ้วรอย
- ผิวหน้ากระจ่างใส
- รักษาสิว
- ลดรอยคล้ำใต้ตา
- ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้า
3. ทำเลเซอร์
วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ การทำเลเซอร์จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูใสขึ้น จึงควรทำต่อเนื่องทุกเดือน จนกว่าจะหมดปัญหา การทำงานของเลเซอร์ ตัวเลเซอร์จะเข้าไปจับกับเม็ดสีเมลานินของผิว โดยไม่ทำลายผิวบริเวณอื่น ๆ แต่หลังจากทำแล้วจำเป็นต้องเลี่ยงแดด เลเซอร์ที่ใช้ในการทำหัตถการความงามมีหลายตัวมาก ๆ แต่ส่วนใหญ่จะมีผลข้างเคียงคือทำให้ผิวตกสะเก็ด แต่มีเลเซอร์บางตัวที่อ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวลอกตกสะเก็ด แต่ต้องทำต่อเนื่อง ในหลาย ๆ เดือนจึงได้รับผลลัพธ์ที่ดี
4. โบท็อกซ์
โบท็อก (Botox) เป็นนวัตกรรมที่นิยมใช้สำหรับลดริ้วรอย ยกกระชับหน้า และลำคอ รวมถึงลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ เช่น น่องและกราม การฉีดโบท็อกซ์จะช่วยในการสลายการทำงานของกล้ามเนื้อ ช่วยลดขนาดกราม และลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ซึ่งโบท็อกซ์ส่วนมากจะมีฤทธิ์อยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน จากนั้นจะสลายไปเอง จึงแนะนำให้ทำทุก 3-6 เดือน ซึ่งริ้วรอย และขนาดกรามอาจจะกลับมาอีก ดังนั้นจึงควรฉีดซ้ำ ซึ่งหากเติมโบท็อกซ์บ่อย ๆ ก็มีแนวโน้มว่าสามารถป้องกันริ้วรอยในระยะยาวได้
5. HIFU
เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูง โดยส่งเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวหนังในชั้น SMAS หดตัว คล้ายกับการเย็บที่เนื้อ กระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนหรือสร้างเนื้อเยื่อใหม่ใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นการดึงหน้า ที่ส่งผลให้ผิวดูยกกระชับและอ่อนเยาว์มากขึ้น โดยการทำงานคล้าย Ulthera แต่ HIFU ไม่สามารถลงลึกสู่ชั้นผิวได้มากเท่า Ulthera ผลการคงอยู่จึงสลายเร็วกว่า แต่ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บเท่า HIFU จะอยู่ได้ 4-6 เดือน จึงควรทำซ้ำทุก ๆ 6 เดือน เพื่อผิวกระชับเต่งตึง
6. ฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA ช่วยเติมเต็มหรือเสริมชั้นในผิวหนัง และใต้ผิวหนัง ที่ช่วยลด และแก้ไขปัญหาผิว ริ้วรอยร่องลึก บริเวณต่างๆ ของใบหน้า ให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ กระชับ เปล่งปลั่ง ซึ่งช่วยลดริ้วรอย ได้ทั้ง เติมร่องแก้ม ขมับ ใต้ตา หรือเพื่อเสริมความงาม เช่น เสริมจมูก เติมริมฝีปากอวบอิ่ม เสริมคาง แต่ฟิลเลอร์เป็นสารธรรมชาติที่สามารถสลายหายไปได้ โดยมีระยะเวลาประมาณ 4-6 เดือน ดังนั้นจึงควรฉีดฟิลเลอร์ทุก ๆ 6 เดือน
7. Thermage
เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูงชนิดขั้วเดียวที่ส่งพลังงานลึกถึงชั้นหนังแท้ ใช้ในการยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้าเรียว และสามารถกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ผลจากการทำเทอร์มาจจะสามารถอยู่ได้ประมาณ 1 ปี จึงควรทำซ้ำทุกปี เพื่อให้ผิวกระชับไปตลอด แนะนำให้ทำทุก 1-2 ปี
8.Ulthera
การยกกระชับผิวด้วยคลื่นพลังงานอัลตราซาวด์ โดยไม่ต้องผ่าตัด ช่วยกระชับผิวบริเวณใบหน้า และลำคอได้ดี ทำให้ผิวไม่หย่อนคล้อยไปตามวัย ผลของการทำอัลเธอราสามารถอยู่ได้ประมาณ 2 ปี จึงควรทำซ้ำทุก ๆ 2 ปี เพื่อให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย ซึ่งไม่ควรทำเทอร์มาจควบคู่กับการทำอัลเธอรา แต่ให้ทำอย่างใดอย่างนึงต่อเนื่อง
9. ร้อยไหม
ร้อยไหมคือการใช้ไหมที่สามารถละลายได้ร้อยไปข้างในใบหน้า เพื่อสร้างแผลเล็ก ๆ ให้ผิวหนังสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมา การร้อยไหมจะช่วยยกกระชับใบหน้าได้อย่างเห็นผล ทำให้ใบหน้าเรียวกระชับขึ้น ความหย่อนคล้อยหายไป โดยทั่วไปแล้ว ไหมจะอยู่บนใบหน้าประมาณ 1-2 ปี หากไหมละลายหมด แต่ต้องการความตึงกระชับ สามารถไปร้อยไหมใหม่ได้ แนะนำให้ทำทุก 1-2 ปี
เพื่อน ๆ คงได้รับเข้าใจเกี่ยวกับ หัตถการความงาม ไปแล้ว นี้เป็นแค่คำแนะนำเบื้องต้น ทางที่ดีก่อนทำหัตถการ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการทำหัตถการได้อย่างปลอดภัย และเห็นผลมากที่สุดนะคะ
Photo Credit:
Source Credit:
Stay connected