ช่วงเดือน Pride Month อย่างนี้ เราได้รวบรวม หนังและซีรีส์ LGBTQ+ มาให้ดูกันถึง 6 เรื่องด้วยกัน ประกอบด้วยหนังหลากหลายแนว หลากหลายเพศ ที่ไม่ว่าเพศไหนก็ต้องอิน และแฝงแง่คิดดี ๆ และมุมมองเรื่องความหลากหลายทางเพศ แต่ละหนังและซีรีส์ที่คัดมา บอกเลยว่า เป็นหนังน้ำดีคู่ควรแก่การดู อย่างจริงแท้ !
ดีจริงๆ นะ 6 หนังและซีรีส์ LGBTQ+ เนื้อหาดี ที่อยากให้ทุกคนได้ดู
1. Heartstopper (2022)
เปิดประเดิมด้วยเรื่องแรก ซีรีส์แนวบอยเลิฟ เรื่องใหม่ใน Netflix ที่กระแสดีแบบฉุดไม่อยู่ ! เรื่องนี้ได้รับดัดแปลงมาจากกราฟิกโนเวลแนวรักวัยใส Coming of age ของคุณ Alice Oseman ซึ่งเรื่องนี้ได้รับคะแนนจากเว็บไซด์ Rotten Tomatoes จากฝั่งนักวิจารณ์ไป 100% เต็มและจากฝั่งคนดู 98% ถือเป็นคะแนนที่สูงมากเว่ออ
เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับ ชาร์ลี นักเรียนมัธยมปลายที่รู้ตัวเองดีตัวเองเป็น LGBTQ+ และแสดงออกตัวชัดว่าเป็นเกย์ ซึ่งทำให้เขาโดนบูลลี่อยู่บ่อยครั้ง แต่ชาร์ลีก็ยังมีเพื่อนที่เป็นกำลังใจให้กับเขาเสมอ จนวันหนึ่งชาร์ลีก็ได้แอบคบกับเพื่อนในโรงเรียน แต่ความสัมพันธ์ดันไปกันไม่รอด ซึ่งทำให้เขาผิดหวังเรื่องของความรักไปเลย จนกระทั่งถึงคาบเรียกคณิตศาสตร์ ชาร์ลี ได้เจอกับ นิค หนุ่มหล่อดีกรีนักกีฬารักบี้ของโรงเรียนห ซึ่งพวกเขาก็ได้เป็นเพื่อนกัน และความสัมพันธ์ก็กลายเป็นมากกว่าเพื่อน
2. Carol (2015)
หนึ่งภาพยนตร์ที่ LGBTQ+ ควรดู ! ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มากถึง 6 รางวัลเลยเชียวว เรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวสังคมอเมริกันในยุค 1950 เป็นหนังที่ดัดแปลงจากนวนิยายของ แพทริเซีย ไฮสมิธ ชื่อว่า The Price of Salt นำเสนอความรักของเพศเดียวกันระหว่าง เทเรซ เบลิเว็ท และ แครอล เอิร์ด ซึ่งการตัดสินใจของทั้งคู่สั่นคลอนกรอบอำนาจชายเป็นใหญ่ และสร้างประวัตศาสตร์ทางการเมืองแห่งเพศหญิงขึ้น และเป็นจุดขับเคลื่อนแห่งประวัติศาสตร์ของความรักระหว่างหญิงรักหญิง
3. blue is warmest color (2013)
เรื่องราวในหนังสร้างมาจากนิยายภาพชื่อเดียวกันของ จูลี มาโรห์ ที่บอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาววัยไฮสคูล อะเดล เด็กสาวที่ยังไม่รู้จักความรัก จนเมื่อเธอเริ่มที่ค้นหาความหมายความรัก โดยเธอได้ทำความรู้จักกับ โธมัส ชายหนุ่มที่แอบมองเธอมานาน อะเดลได้ตกลงคบกัน และมี sex กันในที่สุด แต่เธอกลับรู้สึกว่าความรู้สึกทางเพศที่เธอมีต่อผู้ชาย ไม่ใช่ความรู้สึกที่เธอตามหา อเดลจึงตัดขาดความสัมพันธ์ครั้งนี้ จนเธอพบเห็นหญิงสาวผมฟ้า เอมมา ผู้มีบุคลิกนิ่ง ๆ การได้เจอเอมมา ทำให้เธอเกิดความรู้สึกอะไรบางอย่าง และหลังจากนั้นทั้งคู่ได้ก่อเกิดความรัก ซึ่งทำให้อะเดลรู้จักตัวเองยิ่งขึ้น
4. Love, Simon (2018)
หนังเรื่องนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับ ไซมอน สเพียร์ส เด็กมัธยมปลายทั่วไป แต่เขาเก็บความลับ ที่เขาเป็นเกย์ มาโดยตลอดเพราะกลัวสังคมรอบข้างไม่ยอมรับ แต่มีสถานที่เดียวที่ไซมอนจะสามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาได้คือในโลกออนไลน์ และที่นี่เองเขาได้พบกับ บลู เด็กหนุ่มที่เป็นเกย์เช่นเดียวกันกับเขา พวกเขาได้คุยกันไปเรื่อย ๆ จนทำให้ไซมอนก็เกิดตกหลุมรักบลู แต่ปัญหาก็คือชื่อของทั้งคู่เป็นแค่นามแฝง โดยไม่รู้ตัวตนที่แท้จริง รู้แค่ว่าเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกับเขา แล้วไซมอนจะเจอบลูแล้ว0tเป็นยังไง ลองเข้าไปตามดู ไปลุ้นตามกัน !
5.The Half of It (2020)
หนัง The Half of It เป็นหนังที่มาจากเรื่อง ’Cyrano de Bergerac’ แต่ถูกปรับให้ทันสมัยมากขึ้น และเพิ่มเติมประเด็นที่ต่างไปจากเดิม โดยมีเรื่องราวเกี่ยวกับ เอลลี ชู สาวจีนผู้รักสันโดษ ที่ถูกก่อกวน และถูกตามตื้อจาก พอล มันสกี นักอเมริกันฟุตบอล ที่มาขอให้เธอเขียนจดหมายรักเป็นสื่อให้เขากับ แอสเธอร์ ฟลอร์ สาวซินยอริตาร์สุดฮอต แต่ยิ่ง เอลลี สวมรอยจีบให้พอลมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งหลงใหลในความฉลาด และช่างคิดของ แอสเธอร์ จนเธอกลับตกหลุมรักแอสเทอร์ซะเอง ทำให้เกิดเรื่องราวที่น่าประทับใจ และซาบซึ้ง เป็นเรื่องราวที่ไม่ได้เน้นที่ความสัมพันธ์ผ่านตัวอักษรของแอสเทอร์ และเอลลี แต่จะเน้นถึงมิตรภาพระหว่างพอล กับเอลลี ที่เติบโตไปตามเวลาให้ติดตาม
6. Feel Good (2020)
Feel Good ซีรีส์จาก Netflix ที่สร้างจากเรื่องจริงของ Mae Martin นักเล่าเรื่องตลก (Stand-up comedy) มาเรียบเรียงใหม่ เรื่องราวเกี่ยวกับ เม มาร์ติน ทอมบอย ที่มีอาชีพเป็นนักแสดงตลกเดี่ยวไมโครโฟน ที่ฝีมือไม่ค่อยได้เรื่องสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังมี จอร์จ ที่ขำให้กับมุกของเธอ และมาชมการแสดงของเธอ 3 วันติด จนเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ทั้งคู่เริ่มตกหลุมรักกัน แต่ประเด็นอยู่ที่ จอร์จคบผู้ชายมาตลอด จึงไม่กล้าที่จะเปิดเผยเรื่องที่ตนเองคบกับเมให้ใครรู้ จึงมีปัญหากับชีวิตคู่ตามมา
จบไปแล้ว กับ 6 หนังและซีรีส์ LGBTQ+ เนื้อหาดี ที่อยากให้ทุกคนได้ดู แค่เนื้อหาก็ทำเอาใครหลายคน อยากตามเข้าไปดูกันแล้วซิ เรื่องแต่ละเรื่องที่เอามาให้ดูในวันนี้ มีรางวัลมาการันตรีความสนุก นอกจากนี้ยังให้แง่คิดดี ๆ และมุมมองดี ๆ เรื่องความหลากหลายทางเพศอีกด้วย แนะนำเลยว่าให้ไปดู ! ป.ล. บางเรื่องมีฉาก 18 บวก บวก ใครยังอายุไม่ถึง 18 พับหนังเก็บไปก่อนน้า
วันนี้เราขอตัวลาเพื่อน ๆ ไปก่อน บาย ๆ
Photo Credit:
Source Credit:
Stay connected