สวัสดีค่ะสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน ช่วงนี้นอกจากเราจะติดอนิเมะชื่อดังแล้ว เรายังติดซีรีส์เกาหลีที่เรียกได้ว่าเป็นกระแสใต้ดินก็ว่าได้ เพราะถึงแม้จะไม่ค่อยเป็นที่นิยมหรือมีคนรู้สึกในประเทศไทยเสียเท่าไร แต่บอกเลยว่ากระแสทางประเทศเกาหลีเองไม่น้อยหน้าเลยทีเดียว และเรื่องนี้จะเป็นเรื่องอะไรไปไม่ได้นอกจาก “รีวิว Mouse ซีรีส์เกาหลี ว่าด้วยเรื่องของศีลธรรมและจรรยาบรรณ ที่น่าติดตาม!” วันนี้ Clubsister เลยจะขอรีวิวแบบละเอียดและเจาะลึกถึงสิ่งที่น่าสนใจของเรื่อง ถึงแม้ตัวซีรีส์เองจะยังไม่จบก็ตาม งั้นอย่ารอช้าไปเริ่มกันเลยค่ะ
“รีวิว Mouse ซีรีส์เกาหลี ว่าด้วยเรื่องของศีลธรรมจรรยาบรรณ ที่น่าติดตาม!”
เรื่องย่อและที่มา:
Mouse ซีรีส์เกาหลีที่ถูกสร้างมาจากการเขียนบทของ ชเวรัน โดยเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากคดีฆาตกรรมที่น่าสะเทือนขวัญจากเรื่องจริง ซึ่งเป็นคดีฆาตกรรมในโรงเรียนประถมอินชอน เมื่อปี 2017 โดยตัวฆาตกรนั้นไม่มีความรู้สึกผิดที่ได้ฆ่าเด็กบริสุทธิ์ไป อีกทั้งไม่มีการขอโทษใดๆ กับครอบครัวของผู้ที่สูญเสีย และนั่นทำให้เกิดเป็นข้อสงสัยจนไปถึงการตรวจสุขภาพจิตของตัวฆาตกร
ทำให้รู้ว่าเขาเป็นโรค Psychopath หรือโรคจิตเภชอย่างหนึ่ง เป็นการทำงานของสมองส่วนหน้าที่เรียกว่า อะมิกดะลา ทำงานผิดปกติ โดยทำให้สารเคมีที่คอยสั่งการทางด้านอารมณ์และความรู้สึกจำพวก รัก, เศร้า, โกรธ, รู้สึกผืด หรือเสียใจนั้น ทำงานน้อยกว่าคนทั่วไป ทำให้การตัดสินใจหรือทำสิ่งใดๆ นั้นไม่มีค่อยมีอารมณ์เหล่านี้เข้ามาเกี่ยว มิหนำซ้ำการผิดปกติในเรื่องสารเคมีในสมองนี้ ส่งผลและถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้อีกด้วย นั่นทำให้อาจารย์ ชเวรัน เกิดแรงบันดาลใจในการเขียนบทละครเรื่องนี้ขึ้น เพื่อตอกย้ำและผลกรรมของสิ่งที่ฆาตกรได้ทำ
Mouse ถูกเข้าฉายครั้งแรกใน Application Viu เมื่อวันที่ 3 มีนาคม จน ณ ปัจจุบันดำเนินเรื่องมาทั้งสิ้น 8 ตอน ณ ตอนแรกที่เข้าฉายถูกปัดเรตในการเข้าชมถึง 19+ เนื่องจากเหตุการฆาตกรรม ความเข้มข้นของเรื่องและฉากความรุนแรงต่างๆ แต่ทว่าไม่ได้เป็นผลเสียกับ Rating เท่าไรเพราะถึงแม้เรตในการรับชมจะสูง แต่ก็ได้รับRating ไปไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเรื่องราวพูดถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมและคดีของฆาตกรต่อเนื่องที่มีฉายาว่า “นักล่าหัว” เป็นเรื่องราวที่น่าเศร้าและน่าสลด แถมสร้างความหวาดกลัวให้กับคนทั่วประเทศ
ด้วยเหตุนี้ทำให้ทางรัฐบาลเชิญผู้เชี่ยวชาญทางด้านพันธุกรรมมาวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ จนทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นโดยเราสามารถตรวจสอบ DNA ลูกในท้องได้ว่ามี DNA ที่มีแนวโน้มจะเป็นโรค Psychopath หรีอ มียีนความเป็นไปได้ของฆาตกรต่อเนื่องหรือไม่ ประจวบเหมาะกับทางการ
จับกุมตัวฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นนักล่าหัวได้ แต่ทว่าตัวของฆาตกรเอง มีลูกที่อยู่ท้องอยู่ แน่นอนผลการตรวจ DNA ของลูกในท้องออกมามีแนวโน้มการเป็นโรค Psychopath นั่นทำให้เกิดข้อสงสัยและตั้งคำถามที่ว่า “หากสามารถตรวจลูกในท้องได้ว่า จะมีแนวโน้มเป็นฆาตกรต่อเนื่องคุณเลือกที่จะเก็บในท้องนี้ไว้ไหม?”
วันเวลาผ่านไปเหตุการณ์เหล่านี้เหมือนจะจบแต่ว่าไม่ เหตุการณ์และคดีของฆาตกรต่อเนื่องเหมือนจะซ้ำรอย จากการฆ่าในแบบเดียวกันอีก ทำให้นายตำรวจสองคนอย่าง จองบารึม นายตำรวจที่รักความยุติธรรมและซื่อสัตย์ ต้องจับคู่กับ โกมูชี นายตำรวจที่เลือดร้อนและชอบใช้ความรุนแรง แต่ว่าแท้จริงแล้วเขาคู่ลูกชายของเหยื่อนักล่าหัวในอดีต นั่นทำให้เกิดความแค้นและความโกรธภายในจิตใจ ทำให้โกมูชี ตั้งใจไว้ว่าไม่ว่ายังไงเขาจะต้องลากคอฆาตกรคนนี้มาลงทัณษ์ให้ได้
ตัวละครในเรื่อง Mouse:
ตัวละครตัวที่ 1: ฮันซอจุน รับบทโดย Jae-wook Ahn
เรื่องราวทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นหากไม่มีชายคนนี้ ฮันซอจุน ศัลยแพทย์ทางประสาท ผู้มีชื่อเสียงอันดับต้นในเกาหลี ที่ภายใต้หน้ากากคนดีนั้นเขาเป็นเพียงฆาตกรต่อเนื่องที่ป่วยเป็นโรคทางจิตเภช อย่าง Psychopath เขาคือ “นักล่าหัว” ที่สร้างความหวาดกลัวให้คนทั่วประเทศในอดีต แต่ทว่าเขาได้ให้กำเนิดทายาทที่สามารถส่งต่อพันธุกรรมและลักษณะนิสัยเหล่านี้ได้ทาง DNA
ตัวละครที่ 2: จองบารึม รับบทโดย Lee Seung-gi
ตำรวจหนุ่มผู้มีจิตใจดี รักความยุติธรรม วงสบเยือกเย็น และซื่อสัตย์ เขาได้รับหน้าที่และมอบหมายให้สืบคดีฆาตกรต่อเนื่องซึ่งมีวธีการฆ่าที่คล้ายคลึงกับฆาตกรในอดีตอย่าง “นักล่าหัว” นั่นทำให้เกิดเป็นข้อสงสัยและคำถามมากมายว่าฆาตกรเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้เพราะอะไร เหตุผลที่ทำเพราะ? แต่ทว่าในขณะเดียวกันที่เขาทำคดีนี้ มันทำให้เขาเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายต่อความคิดและชีวิตของเขาเช่นกัน
ตัวละครที่ 3: โกมูชี รับบทโดย Hee-joon Lee
ตำรวจหนุ่มเลือดร้อน ชอบใช้ความรุนแรง แต่ก็เป็นผู้ที่มีใจกล้าหาญ ในอดีตเขาเป็นเด็กน้อยผู้รอดชีวิตจากการถูกนักล่าหัวฆ่าล้างครอบครัว ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาเติบโตมาเพื่อตั้งใจเป็นตำรวจและมีความมุ่งมั่นว่าต้องการจะลากคอฆาตกรคนนี้มาลงทัณษ์ด้วยมือของเขาเองให้ได้
ประเด็นและสิ่งที่น่าสนใจ:
เอาละค่ะ ถึงแม้ว่าซีรีส์เรื่องนี้จะยังไม่จบดี แต่ทว่าจาก 8 ตอนที่ได้ฉายถึง ณ ปัจจุบันนี้ ทำให้เราเกิดความสนใจและแตกย่อยประเด็นต่างๆ ที่ซีรีส์เรื่องนี้นำมาใช้ ส่วนตัวเรามองว่าผู้เขียนบทหยิบยกประเด็นเหล่านี้มาเล่นได้เจ็บแสบ และ เป็นการเชื่อมโยงเรื่องได้อย่างร้อยเรียงได้ ไม่สะดุดเลยซักนิด เริ่มจากเรื่องแรกประเด็นศีลธรรมและจรรณยาบรรณความเป็นแม่ แค่มาในตอนแรกก็เสียดสีเรื่องราวศีลธรรมและความเชื่อว่า แม่จะต้องปกป้องลูกได้ออกมาเป็นอย่างดี คำถามก้อนใหญ่ที่ตอนแรกทิ้งไว้ให้คนดูนั้นคือ “หากคุณรู้ว่าลูกของคุณที่อยู่ในท้อง มี DNA ของฆาตกรต่อเนื่อง และอาจจะทำให้คนอื่นตายมากมาย คุณจะให้กำเนิดเด็กคนนี้หรือไม่”
สิ่งนี้แหละที่เป็นคำถามปลายเปิดที่ทำให้เหล่าคนดูอย่างเราคิดไม่ตกกับการตัดสินใจ ด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ แน่นอนสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกเหมือนถูกขีดและชี้ชะตากำหนดมาแล้วว่าูเป็นแม่ต้องปกป้องลูก หากเราเก็บลูกเราเอาไว้ เราจะทำถูกต้องด้วยจรรณยาบรรณและสัญชาตญาณความเป็นแม่ แต่หากเราฆ่าลูกเราที่อยู่ในท้องเพื่อเป็นการป้องกันและช่วยชีวิตคนอื่นบนโลกอีกไม่น้อย นั่นจะถือว่าเราทำถูกศีลธรรมหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดคำถามที่ไม่กล้าตอบกับคนดูหลากหลายคนเลยทีเดียว ไม่เพียงแค่นั้นสิ่งที่ทำให้สัมผัสได้มากกว่าเรื่องนี้คือการนำเอาหลักคำสอนความเชื่อทางศาสนาคริสต์และพระคำภีร์มาเสียดสีได้อย่างเจ็บแสบ
โดย Concept แบบนี้หากใครที่เป็นคอหนังสืบสวนสอบสวน น่าจะเคยได้ดูหนังสืบสวนหักมุมระดับตำนานอย่างเรื่อง Se7en ที่นำเอา Concept ในเรื่องการฆาตกรรมตามหลักความเชื่อทางศาสนาอย่างเรื่องบาปทั้ง 7 ของ Dante หรือ Hell and Heavens in Dante’s La Divina Commedia ซึ่งเป็นเรื่องราวของนักเขียนเชิงปรัชญาและศาสนาในยุคสมัยของคริสจักรยังรุ่งเรื่อง
โดยเป็นเรื่องที่พูดถึงคนดีได้ขึ้นสวรรค์ คนชั่วจะต้องตกนรก ซึ่งเป็นหลักคำสอนทางศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค ที่พูดเรื่องราวของบาปหรือสัญชาตญาณดิบต่าง ๆ ที่มนุษย์ได้พึงกระทำ 7 อย่างผ่านปีศาจ 7 ตน ซึ่งประกอบด้วย ‘ความโลภ ขี้เกียจ อิจฉา โทสะ ยะโสโอหัง ความตะกละ และราคะ’ หลักคำสอนนี้มีไว้เพื่อบอกกับเหล่ามนุษย์ว่าไม่ให้เราทำตามสัญชาตญาณดิบเหล่านี้มากจนเกินไป
แต่ในอีกมุมหนึ่งบาปทั้ง 7 นี้ทางศาสนาคริสต์นั้นถือว่าเป็นบาปเบา ซึ่งถ้าพึงกระทำเพียงเล็กน้อย ตราบใดที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครก็ถือว่าเป็นบาปที่สามารถยอมความหรือให้อภัยกันได้ แต่อย่างว่าอะไรที่มากจนเกินไปมักจะส่งผลร้ายกับเราเสมอ โดยเราคิดว่า Mouse ซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้หยิบยกประเด็นนี้และวาง Mood and Tone ออกมาแอบคล้ายเรื่องนี้เล็กน้อย แต่บิดประเด็นวิธีการฆ่าเหยื่อที่แตกต่างกัน โดย Se7en จะฆ่าเหยื่อ ที่กระทำพฤติกรรมตามบาป 7 ประการ แต่ทว่าในเรื่อง Mouse ฆาตกรจะฆ่าเหยื่อที่ไม่ได้ประพฤติ หรือทำพฤติกรรมตามบาป 7 ประการ หรือเรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้กระทำผิดอะไรร้ายแรงเลยทั้งสิ่น นั่นทำให้เนื้อเรื่องและการสันนิฐานประเด็นของเรื่องนี้น่าสนใจยิ่งขึ้น
สุดท้ายถึงแม้ Concept ของซีรีส์และหนังชื่อดัง จะคล้ายคลึงกัน แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้แตกต่างและน่าติดตาม คงเป็นการคาดเดาตัวคนร้าย, การสอดแทรกการสืบสวนสอบสวน ที่มาพร้อมกับหลักจริยธรรม, จรรณยาบรรณ และเรื่องของศีลธรรมที่เข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนั้นเรายังได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นในตัวของ จองบารึม หรือ โกมูชี เองก็ตาม ถึงแม้ซีรีส์เรื่องนี้จะยังไม่จบ แต่บอกเลยว่าสามารถฮุคคนดูได้ตั้งแต่ ตอนแรกเสียด้วยซ้ำ
และสิ่งที่สะกดเราอยู่ตั้งแต่ตอนแรกคงหนีไม่พ้นดาราเด็กอย่าง คิมคังฮุน นักเด็กชายผู้เป็นทายาทของนักล่าหัว สิ่งที่น่าประทับใจและน่าชื่นชมคงหนีไม่พ้นแววตาและการแสดงออกทางท้วงท่า ที่ไม่ว่าดูยังไง เด็กคนนี้ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ หากสาวๆ คนไหนสนใจอยากดูซีรีส์เรื่องนี้ สามารถติดตามได้ที่ VIU ทุกวันพฤหัสกับศุกร์เวลา 9.00 เลยค่า และคอยดูกันว่าใครคือฆาตกรตัวจริง ! ขอบคุณที่ติดตามกันจนถึงตรงนี้ พบกันใหม่บทความหน้า บ๊ายบายค่ะ
Photo Credit:
Stay connected