เราเชื่อว่าในชีวิตประจำวันและในยุคปัจจุบันนั้น เราไม่สามารถใช้ชีวิตโดยการ
ไม่รู้ภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษได้ เพราะไม่ว่าจะเดินทางไปไหนมาไหน
ทุกที่เต็มไปด้วยภาษาอังกฤษ อีกทั้งประเทศไทยเราเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วย
ชาวต่างชาติมากหน้าหลายตาอีกต่างหาก ดังนั้นภาษาอังกฤษเป็นอีกภาษาหนึ่ง
ที่สำคัญในชีวิตประจำวันเป็นที่สุด แต่อย่างที่เรารู้กันเพราะภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาบ้านเกิด ทำให้บางคนขยาดภาษาอังกฤษไปเลยก็มี แต่ทุกวันนี้การเรียนภาษาอังกฤษไม่ได้ยากเสมอไปเพราะว่ามีซีรีส์ หนัง เพลง เกม และ Social Media ต่างๆ อย่างนี้เราเลยขอแนะนำ
วิธีการฝึกภาษาจากการดู ซีรีส์ภาษาอังกฤษ NETFLIX กัน เพราะเขามี
บริการ Subtitle และเสียง Audio ต่างๆ มากมาย อีกทั้งซีรีส์ของเขานั้นสนุกฝุดๆ
วันนี้ Clubsister เลยขอแนะนำ
” 5 ซีรีส์ภาษาอังกฤษ NETFLIX ที่จะช่วยฝึกภาษาให้คุณเก่งขึ้น “
บอกเลยว่าซีรีส์เหล่านี้ทำให้การฝึกภาษาของคุณนั้นไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
เรื่องที่ 1: The Crown (Original NETFLIX)
จำนวนตอน: 3 Seasons
รูปแบบภาษา: English – British
ประเภทของหนัง: Political, Drama
ระดับความยาก: 3/5
ใครที่เป็นคอหนังอิงประวัติศาสตร์ ชอบศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์และเรื่องราวที่สำคัญต่างๆ ของทั่วโลก เราว่าเรื่องนี้เหมาะที่สุดเรื่องหนึ่ง The Crown เป็นเรื่องราวที่สร้าง
มาจากเหตุการณ์จริงและเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนแผ่นดินอังกฤษเลยก็ว่าได้
ด้วยเรื่องราวและประวัติความเป็นมาของราชวงศ์วินเซอร์ที่มีอำนาจในอังกฤษ
อีกทั้งยังพูดถึงเรื่องราวที่ค่อนข้างอ่อนไหวของควีนอลิสเบธและเจ้าชายฟิลิปส์
ไม่เพียงแค่นั้นในซีรีส์ยังบอกเรื่องราวที่เป็นเสมือนความลับและความตื้นลึกหนาบางต่างๆ
ของเรื่องราวที่ชาวอังกฤษในยุคสมัยนั้นจะไม่มีวันลืม บอกเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่มีทั้งความเชือดเฉือน การเมือง และความเป็นลุ้นในทุกๆ ตอนที่ดู
แต่ทว่าด้วยสำเนียงที่ใช้นั้นเป็นสำเนียง British ที่ใครหลายๆ คนกลัวว่ามันจะฟังยากจนเกินไป แต่สำหรับเรื่องนี้ไม่ใช่เลย ด้วยเหตุการณ์อยู่ในปี 40 – 70
เลยทำให้การพูดการจานั้นค่อนข้างพูดแบบเน้นชัดถ้อยชัดคำ และจังหวะของภาษาในการพูดค่อนข้างสละสลวยฟังสบายหูอีกด้วย นอกจากฝึกภาษาแล้วเรายังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์
ที่โด่งดังระดับโลกอีกด้วย
เรื่องที่ 2: Orange is the new black (Original NETFLIX)
จำนวนตอน: 7 Seasons
รูปแบบภาษา: English – American
ประเภทของหนัง: Comedy, Drama, LGBTQ
ระดับความยาก: 3.5/5
Orange is the new black เป็นซีรีส์ Original ของ NETFLIX ชื่อดังเรื่องหนึ่ง
ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนอาจสงสัยว่า เอ้…ชื่อเรื่องมันคืออะไร
คำว่า Orange is the new black เป็นสำนวน ที่แปลว่า สีส้มกำลังมาแรง
กำลังจะกลายเป็นเทรนด์แทนสีดำ ประมาณนั้น โดยเสื้อผ้าของนักโทษหญิงนั้น
ถ้าเป็นเด็กใหม่เพิ่งเข้ามา จะมีสีเสื้อเป็นสีส้ม และเมื่อเวลาผ่านไปจะเปลี่ยนเป็นสีกากี (นั่นอาจะเป็นที่มาของชื่อเรื่อง) ซีรีส์เรื่องนี้ถูกสร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริงของอดีตนักโทษหญิงข้อหาเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่ผันตัวเองมาเป็นนักเขียนชื่อว่า Piper Kerman
(ซึ่งเค้าโครงเรื่องจริงของเธอปรากฏอยู่ในแค่ Season 1 เท่านั้น)
โดยเรื่องราว (ของซีรีส์) มีอยู่ว่า Piper Champman หญิงสาววัย 30 กว่า
ที่ชีวิตกำลังรุ่งเรื่อง กำลังจะแต่งงาน แถมกำลังจะเป็นเจ้าของธุรกิจ กลับโดนหมายเรียกข้อหาเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งค้ายาข้ามชาติ เธอจะต้องจำคุกเป็นเวลา 1 ปีกว่า
แต่ใครมันจะไปรู้ว่าละ ชีวิตที่เป็นอิสระกับชีวิตที่ต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันและถูกขีดกรอบ
ที่ถูกล้อมด้วยรั้วนั้นมันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน แต่ที่ซวยซ้ำไปกว่านั้น
แชปแมนดันมาเจอกับแฟนเก่าสาวเท่ห์ของเธอนามว่า Alex ในคุกใต้หลังคาเดียวกัน
เรื่องราวความน่าปวดหัวของเธอก็เริ่มต้นขึ้น
หากถามว่าทำไมเราถึงเลือกดูหนังเรื่องนี้นั่นก็คือ นอกจากความสนุกและความลุ้น
ของเนื้อเรื่องแล้ว ในแง่ภาษานั้นซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหลือรวบรวมหลายสำเนียง
ภาษาอังกฤษแบบ American มาหลากหลายสำเนียงมากๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบ American – Latin / Asian และอีกๆ สำเนียงให้เราได้ฝึกปรือฝืมือตนเอง อีกทั้งเราจะได้ศัพท์แสลง
และสำนวนเยอะแยะไปหมดในนี้ (แค่ชื่อซีรีส์ก็ได้แล้ว 1 สำนวน)
เรื่องที่ 3: Stranger Things (Original NETFLIX)
จำนวนตอน : 3 Seasons
รูปแบบภาษา: English – American
ประเภทของหนัง: Sci-Fi, Drama, Thriller, Coming of Age
ระดับความยาก: 4/5
หากใครที่ชอบดูเรื่อง IT โดยฝีมือการกำกับของ Stephen King บอกเลยว่าคุณจะชอบซีรีส์เรื่องนี้ เป็นเรื่องราวในยุค 1980 ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่เกิดคดีเด็กชายนามว่า วิล หายตัวไปอย่างลึกลับ และไม่มีร่องรอย จนทำให้คนในครอบครัวต้องออกตามหา รามไปจนถึงกลุ่มแก๊งค์เพื่อนของวิล ซึ่งเป็นเด็กน้อย 3 คน ที่ออกผจญภัยตามหา จนทำให้เขาพบเจอ
กับสิ่งเร้นลับต่าง ๆ และปมปริศนา อีกทั้งหนทางที่จะนำพาไปเจอวิลนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว สิ่งที่ชอบมากที่สุดเลยคือ บทของเหล่าเด็กน้อยทั้งหลาย
เรารู้สึกว่าซีรีส์เรื่องนี้ วางคาแรคเตอร์ของเหล่าเด็กๆ ที่เป็นตัวเอกได้ดีมากๆ
เนื้อเรื่องวางบุคลิกของเด็กน้อยแต่ละคนให้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่มีมุมที่คล้ายกัน และมีความใสซื่อในแบบเด็กยุค 80s’ที่แบบเราเห็นเป็นต้องตกหลุมรัก
เหตุนี้ทำให้เรารู้สึกอมยิ้มและบรรเทาความตึงเครียดของหนังได้เมื่อมีเจ้าเด็ก 4 คน
พร้อมทั้งเรายังได้เห็นความพัฒนาต่าง ๆ ของเด็กเหล่านั้น
เราได้เห็นการดำเนินชีวิตของเขาที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ เมื่อเจอกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ด้วยแบบนี้ละมั้ง เลยทำให้เรารู้สึกว่าเป็นหนังที่นำเสนอ วัยเด็กที่เริ่มก้าวเข้าสู่วัยรุ่นได้ดี
อีกทั้งหนังวางปมและเงื่อนงำต่างๆ ได้ค่อนข้างฉลาด น่าติดตาม และบอกเลยว่าหยุดดูไม่ได้เลยซักตอนเดียว
ในส่วนของเรื่องภาษาเราว่าฟังไม่ยากด้วยสไตล์คำพูดที่ค่อยข้างลงตัวแบบ
Englist American แต่ !! สิ่งที่ทำให้รู้สึก Advance เลยคือคำศัพท์บางคำที่มีสอดแรก
Specific Word (ศัพท์เฉพาะ) ทางด้านวิทยาศาสตร์เข้ามา และบางช่วงที่ประโยคพูด
ที่ค่อนข้างเร็วซักกะนิดแต่ไม่ได้ยากเกินความสามารถของเราแน่นอน
เรื่องที่ 4: Sex Education (Original NETFLIX)
จำนวนตอน: 2 Seasons
รูปแบบภาษา: English – British
ประเภทของหนัง: Comedy, Drama, Coming of Age
ระดับความยาก: 4.5/5
** คำเตือน !! ใครที่สนใจอยากดูเรื่องนี้ ไม่ควรดูในที่สาธารณะ และไม่ควรเปิดเสียงดัง
Sex Education ซีรีส์ฝั่งอังกฤษที่สร้างชื่อเสียงเป็นอันมากบน NETFLIX
พูดถึงโอทิส เด็กชายวัยมัธยม ผู้ซึ่งมีคุณแม่เป็นนักบำบัดเฉพาะเรื่องบนเตียงและความสัมพันธ์ อาจจะเพราะเขามีแม่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านแบบนี้ ทำให้เขารู้จักวิธีการพูด
และให้คำปรึกษาเรื่องอย่างว่า และด้วยเหตุนี้ทำให้เมฟเด็กสาวสุดแซ่บเพื่อนร่วมชั้นของเขา
เห็นเรื่องนี้เป็นโอกาสเลย ลองก่อตั้งศูนย์รับคำปรึกษาเรื่องอย่างว่าซะเลย แต่ทว่า ! ใครจะไปรู้ว่าเด็กหนุ่มอย่างโอทิสที่รับหน้าที่เป็นนักบำบัดชั่วคราวนั้นยังเวอร์จิ้นอยู่
สำหรับเรารู้สึกว่าซีรีส์เรื่องนี้นำเสนอปัญหาของวัยรุ่นได้ดี แทบจะในทุก ๆ เรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก ความอยากรู้อยากเห็น รวมถึงเรื่องสัพเพเหระอื่นๆ
และด้วยเหตุนี้ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้หยิบยกประเด็นความสนใจและอยากรู้อยากเห็นของเด็กวัยนี้มา พร้อมสอดแทรกความรู้ ความแนะนำ ตามสไตล์ของมันเอง ซึ่งทำออกมาได้ค่อนข้างดีสุดๆ
เรารู้สึกว่าเป็นการสอนเรื่องเพศที่เห็นภาพได้ชัดเจน และก็ไม่ได้ยากที่จะเข้าถึง
นอกจากเรื่องบนเตียง เรื่องความสัมพันธ์ ความรักต่าง ๆ แล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ยังหยิบยกประเด็น
ของการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมของเด็กวัยรุ่นวัยนี้ได้ดีมากเรื่องหนึ่ง เพราะมันมีเรื่องอื่นๆ มากมาย
ตัวอย่างง่ายๆ อย่างเลือกการถูก Labelization หรือเรียกอีกอย่างว่าการถูกตีตรา
หลายครั้งที่เราจะเห็นว่ามีเพื่อนคนหนึ่งที่ถูกมองว่าเป็นคนแบบนี้ แบบนั้น
แต่อย่าลืมว่าคนเรามักมีสองด้านเสมอ ซึ่งเรื่องนี้ทำออกมาได้ค่อนข้างครอบคลุม
และสร้างเสียงหัวเราะให้เราได้เป็นอย่างดี แต่ในส่วนภาษานั้นอาจจะ Advance ขึ้นมากซักนิด และอาจจะเหมาะกับคนที่อยากฝึกภาษาอังกฤษแบบ British อีกทั้งยังได้คำศัพท์วัยรุ่นไปในตัวอีกด้วย ในเรื่องของภาษาส่วนตัวเราคิดว่าภาษาของเรื่องนี้ค่อนข้างยากนิดนึง
เพราะด้วยพอเป็นยุคปัจจุบันปุ๊บ การพูดและสำนวนต่างๆ จะค่อนยาก เร็วและแปลกใหม่
แต่ก็เป็นการวัดสกิลและสร้าง Challenge ในตัวเองระดับนึงเหมือนกันนะ
เรื่องที่ 5: Sherlock
จำนวนตอน: 4 Seasons
รูปแบบภาษา: English – British
ประเภทของหนัง: Crime, Comedy, Mystery
ระดับความยาก: 5/5
ถ้าสาวๆ คนไหนเป็นคอหนังสืบสวน และชื่นชอบวรรณกรรมอย่างเรื่องเชอร์ล็อคโฮมแล้วละก็ต้องรู้จักเรื่องนี้เป็นที่สุด แต่ทว่าเรื่องราวของเชอร์ล็อคโฮมในซีรีส์นี้คือเชอร์ล็อคในปี 2010
ที่มีความทันสมัยและเข้ากับสถานกาณร์ในปัจจุบันมากกว่านิยาย
ความสนุกของซีรีส์เรื่องนี้นอกจากความตลกกวนๆ ของสองคู่หูวัตสันและเชอร์ล็อคแล้วนั้น
นั่นก็คือรูปแบบคดีต่างๆ ที่เราจะได้เห็น การสืบสวนสอบสวนที่ชวนน่าติดตาม
และลุ้นแทบในทุกๆ ตอน แต่ทว่าในมุมของภาษานั้นบอกได้เลยเฉียบ !!
เป็นเหมือนการฝึกขั้น Advance แบบสุดๆ เพราะนอกจากสำเนียงที่ค่อนข้าง British แล้วนั้น
ความรวดเร็วในการฟังต้องดี ถือว่าเป็นการฝึก Listening ในตัว มากไปกว่านั้น
เป็นซีรีส์ที่บท Conversation เยอะเอามากๆ ใน 1 ประโยคเราจะได้คำศัพท์
และวิธีการพูดมากมาย บอกเลยว่าถ้าใครคิดว่าอยากออกจาก Comfort Zone
และฝึกสกิลตัวเองลองดูเรื่องนี้เลยค่ะ
สุดท้ายแล้วก่อนจะแยกย้ายกันไป เราขอแนะนำเทคนิคในการฝึกภาษาอังกฤษแบบง่ายๆให้สาวได้นำไปใช้ นำไปลองกัน (แต่อาจจะต้องใช้เวลาซักนิด เพราะทุกอย่างจะเก่งได้ต้องใช้เวลาอะเน่อะ) โดยเทคนิคนี้มีไม่กี่ข้อลองดูกันเลย
Step 1: ดูหนัง 1 ตอน 2 รอบ โดยรอบแรกให้เราดูเพื่อฝึก Listening และเอาความบันเทิงก่อนโดยเปิด Sub – Thai ปกติ แต่ทว่ารอบ 2 เป็นการดูเพื่อ Readingและจดจำรูปคำ
จาก Sub – Eng
Step 2: ดูไปพูดไป เราเชื่อว่าจำต้องมีฉากหรือตัวละครที่สาวๆ ชอบในเรื่องแน่นอน
ดังนั้นเลือกเลยค่ะซีนนี้ ตัวละครนี้ราชอบ พูดตามประโยคนั้นๆ ทันที เพื่อฝึก Skill Speaking
Step 3: จดศัพท์ให้ได้ตอนละ 5 คำ ใน Step 1 ช่วงที่เปิด Sub – Eng เราเชื่อว่าตอนที่เราเปิด มันต้องมีคำศัพท์ซักนิดแหละที่เราไม่เข้าใจความหมาย เลือกคำนั้นออกมาเลยค่ะ
แต่อย่างน้อยตอนละ 5 คำ เมื่อเลือกออกมาได้แล้ว จดใส่สมุดหรือพิมพ์ใส่ Google Sheet ไว้ เพื่อค้นหาความหมาย และค้นหารูปแบบของคำนั้นๆ เช่นคำนี้ที่เราหามาคือคำ Noun
และถ้าในรูปแบบ Verb จะเขียนว่าอะไรยังไง เพื่อประยุคในการใช้อีกทั้งยังได้คำศัพท์เพิ่ม สาวๆ ลองคิดดูซิคะ ซีรีส์ 1 Season มีทั้งหมดอย่างน้อย 8 ตอน ถ้าเราจดศัพท์ 5 คำใน 1 ตอน 1 Season เราได้ตั้ง 40 คำแน่ะ
Step 4: ลองดูรูปแบบ Grammar กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในฉาก เราว่าคนเรามักคิดว่า Grammar เป็นเรื่องยากบางคนให้เหตุผลว่าเพราะเราไม่รู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้
ต้องใช้ Tense อะไร แต่ถ้าเราดูเทียบกับฉากในหนังจะทำให้เรามองเห็นภาพนั้นได้มากขึ้น
อีกทั้งจะได้เรียนรู้วิธีการใช้ของมันอีกด้วย
เอาละค่ะเราก็ได้บอกทั้งลิสต์ซีรีส์และเทคนิคให้สาวๆ หมดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหากใครอยากฝึกภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ ลองดูกันนะคะ รับลองเลยว่าจะทำให้เราเก่งขึ้นได้อย่างแน่นอน
รูปภาพเพิ่มเติม:
– celebmix
– imdb
– themarysue
– justwatch
Stay connected