สวัสดีค่าสาวๆ ขาวซิสที่น่ารักทุกคน เมื่อประมาณกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์กันไม่น้อยเลยทีเดียวกับ VDO Clip บน Youtube ของช่องคุณไอซ์ ศรัญญู ที่คุณไอซ์ได้ออกมาพูดว่าเขาประสบปัญหากับการเป็นโรค BED หรือ Binge eating Disorder และด้วยเหตุนี้ทำให้เราอยากจะพาสาวๆ ทั้งหลายมาเรียนรู้จักกับ ” 3 โรคทางจิตวิทยาแปลกๆ เป็นได้และมีอยู่จริง! ที่ไม่ควรมองข้าม” จะมีโรคอะไรกันบ้างไปลองดูกันเลย

 

” 3 โรคทางจิตวิทยาแปลกๆ เป็นได้และมีอยู่จริง! ที่ไม่ควรมองข้าม”

 

เอาละค่ะก่อนที่จะเริ่มดูโรคทางจิตวิทยาแปลกๆ ที่ใครหลายๆ คนอาจคิดว่าเอ้ แบบนี้ก็มีหรอ !?! เราลองมาดูกันก่อนว่า โรคทางจิตวิทยามันคืออะไร โรคทางจิตวิทยาหรือโรคทางจิตเวช คือ ผู้ป่วยที่มาอาการทางจิตและประสาท ส่งผลต่ออารมณ์ ความคิดและการใช้ชีวิต บางครั้งอาการเหล่านี้ส่งผลทางกายภาพด้วยเช่นกัน

โรคทางจิตวิทยาแปลกๆ

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นอาจจะกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งวิธีการรักษาก็มีหลากหลายรูปแบบ โดยเริ่มจากการปรึกษาและเข้าหา Therapist หรือ นักบำบัด ใช้การพูดคุยเพื่อเยียวยาในเรื่องต่างๆ การรับประทานยาเพื่อยับยั้งหรือรีบูสสารเคมี, ฮอร์โมนบางอย่างในสมอง และวิธีสุดท้ายเป็นวิธีในแบบที่ขั้นรุนแรงก็อาจจะใช้วิธีกระตุ้นด้วยไฟฟ้าได้ด้วยเช่นกัน

 

เอาละค่ะ เราลองมาดู 3 โรคทางจิตวิทยาแปลกๆ ที่มีอยู่จริง และไม่ควรมองข้ามกัน

 

โรคที่ 1: Binge eating Disorder

ชื่อภาษาไทย: โรคกินไม่หยุด

โรคทางจิตวิทยาแปลกๆ

ดูจากชื่อแล้วใครหลายๆ คนอาจคิดว่า เอ่อ ฟังแล้วตลกดี เป็นมีมหรือเปล่า โรคกินไม่หยุด อ้วน ตะกละ แต่! เดี๋ยวก่อน บอกเลยว่าคนที่เป็นโรคนี้ไม่ตลกกับคุณๆ นะคะ เพราะโรค Binge eating Disorder เป็นโรคทางจิตเวชอย่างหนึ่งที่เข้าค่ายในกลุ่มโรคซีมเศร้า โดยอาการของผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้คือ จะมีอาการอยากหาอาหารตลอดเวลา ต้องการกินอาหารทุกอย่าง

ถึงแม้จะไม่ได้หิวก็อยากกิน จะไม่หยุดกินจนกว่าตนเองจะรู้สึกแน่น จุก ปวดท้อง จนกินต่อไม่ได้ ไม่เพียงแค่นั้น บางครั้งการที่มีคนเตือนว่าเรื่องการกินจะรู้สึกเศร้า รู้สึกผิด และรู้สึกจมดิ่งกับพฤติกรรมการกินของตนเอง หากหนักขึ้นเรื่อยๆ คือ ไม่สามารถร่วมทานอาหารกับผู้อื่นได้ หรือ มีการซุกซ่อนอาหารด้วยเช่นกัน ซึ่งอาการเหล่านี้มันส่งผลกระทบกับการดำรงชีวิตประจำวัน
อีกทั้งมันส่งผลต่อระบบทางร่างกายทั้งในระยะสั้น และ ระยะยาว

โรคทางจิตวิทยาแปลกๆ

หากถามว่าโรคนี้หรืออาการเหล่านี้เกิดจากสาเหตุอะไร โดยส่วนมากมักเกิดจากความเครียด การติดสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ คึนที่เคยประสบปัญหาโรคอ้วนมาก่อน คนที่เครียดและกดดันตัวเองจากการลดความอ้วน พยายามเปลี่ยนรูปร่างตนเอง เพราะการขาดความมั่นใจต่างๆ , การประสบปัญหาการสูญเสีย หรือ เจอเรื่องสะเทือนใจที่รุนแรงมา มีภาวะทางจิต อย่างภาวะซึมเศร้า โรคเครียด โรคไบโพลาร์ โรคกลัว (Phobias) และภาวะป่วยทางจิตหลังเหตุการณ์รุนแรงก็เป็นได้ด้วยเช่นกัน

โดยวิธีรักษาโรคกินไม่หยุดนี้อาจจะมีการเข้ารับการบำบัดจากนักจิตบำบัดในมุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสด้านการรับรู้ทางด้านอารมณ์ การจัดการอารมณ์ การเยียวยาจากสาเหตุต่างๆ ที่อาจส่งผลให้เกิดโรคนี้ และอาจจะมีการทานยาต้านอาการซึมเศร้า หรือ ยาที่ช่วยปรับสารเคมีในสมองบางอย่าง ที่ส่งผลต่อการกินด้วยเช่นกันค่ะ

 

โรคที่ 2: Panic Disorder

ชื่อภาษาไทย: โรคตื่นตระหนก

โรคทางจิตวิทยาแปลกๆ

โรคทางจิตวิทยาแปลกๆ โรคที่สอง สาวๆ บางคนอาจจะเคยได้ยินโรคนี้กันมาบ้างแล้ว แต่รู้ไหมคะว่า อาการของมันนั้น แอบเหมือนกับคนที่วิตกกังวลมากจนเกินไป จนไปถึงโรคหัวใจด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคตื่นตระหนกนี้ จะเกิดอาการวิตกกังวล ตกใจ หวาดกลัว อึดอัด ไม่สบายใจ ไม่สบายตัวอย่างรุนแรงจนถึงขีดสุด โดยจะมีเวลาอยู่ที่ 5 – 10 นาที และอาการจะหายไปประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง ซึ่งผู้ป่วยโรคนี้มักมีอาการทางกายภาพดังต่อไปนี้

เริ่มจากเหงื่อออกที่ตัว, มือ, หน้า หน้าซีด ใจสั่น ใจเต้นแรงมาก จนบางครั้งให้ความรู้สึกเหมือนจะทะลุออกมา, มือสั่นเท้าสั่น, หายใจไม่ออก, หายใจติดขัด, คลื่นไส้, มวนท้องอยากอาเจียน เหมือนจะเป็นลม หนาวสั่นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว กลัวจนจะเป็นบ้า ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ ซึ่งอาการเหล่านี้ส่งผลต่อการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นในหน้าที่อาการ การใช้ชีวิตประจำวัน ความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัวต่างๆ

โรคทางจิตวิทยาแปลกๆ

โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้ส่วนมากมาจากความผิดปกติในสารเคมีในสมองส่วนที่ควบคุมระบบ “ความกลัว” ความเครียดในชีวิตประจำวัน การเจอความเปลี่ยนแปลงฉับพลัน หรือ แม้กระทั่งการใช้สารเคมีบางตัว หรือ ยาเสพติดก็ทำให้เกิดโรคนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งวิธีการรักษาก็คล้ายๆ กับโรคทางจิตวิทยาอื่นๆ ที่จะมีการให้เข้าพบนักจิตบำบัด พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการควบคุมอารมณ์ ความเข้าใจตัวตน ความคิด ทัศนคติต่างๆ ปรับความเข้าใจในการใช้ชีวิต รวมถึงการทานยา เพื่อปรับสมดุลสารเคมีในสมอง

หากรุนแรงมากจนกระทบกับการนอน บางครั้งแพทย์ก็จะสั่งยานอนหลับเพื่อช่วยลดความกังวลและความเครียดด้วยเช่นกัน นอกจากการทานยาและพบนักจิตบำบัดแล้ว บางครั้งคุณหมอจะให้ผู้ป่วยโรคนี้ฝึกการหายใจเพื่อเพิ่มสติและการรับรู้มากยิ่งขึ้น

 

โรคที่ 3: Narcissistic Personality Disorder

ชื่อภาษาไทย: โรคหลงตัวเอง

โรคทางจิตวิทยาแปลกๆ

เอาละค่ะและเราก็มาสู่โรคทางจิตวิทยาแปลกๆ โรคสุดท้ายกันแล้ว และโรคนี้คือโรคหลงตัวเอง ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ป่วยที่ป่วยด้วยโรคนี้ส่วนมากไม่รู้ตัวและคิดว่าเป็นพฤติกรรมหรือนิสัยพื้นฐานของกลุ่มคนเหล่านี้

แต่ทว่ามันจะมีอาการที่รุนแรงมากกว่านั้น โดยเริ่มจากผู้ป่วยโรคนี้จะมองตนเองเป็นจุดศูนย์กลาง, เชื่อว่าตนเองดีกว่าผู้อื่น, เชื่อว่าตัวเองถูกต้องเสมอ, หมกมุ่นแต่ความสำเร็จ ความสวย หุ่นดี มีฐานะ ความรั่วรวย และอื่นๆ ที่จะสามารถยกระดับตัวตนของพวกเขาได้ จนบางครั้งลามไปจนถึงการทำร้ายคนอื่น เพื่อความสำเร็จหรือเป้าหมายของตนเองด้วยเช่นกัน

ซึ่งสิ่งที่ทำให้ผู้ป่วยเหล่านี้มีปัญหาในชีวิตประจำวันคือ โดยส่วนมากเขามักจะเข้ากับสังคมหรือคนรอบข้างไม่ได้ ไม่เข้าใจความคิดเห็นของผู้อื่น จนบางครั้งมีอาการโมโห ก้าวร้าว และซึมเศร้าร่วมด้วยเช่นกัน

โรคทางจิตวิทยาแปลกๆ

โดยอาการรักษาผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้ส่วนมากจะเน้นไปที่การเข้ารับจิตบำบัด ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านให้คำปรึกษา ปรับความคิด และทัศนคติบางอย่าง บางครั้งแพทย์อาจจะให้ออกกำลังกายที่ฝึกจิตใจ ความสงบของสมาธิ อย่างโยคะ หรือให้ออกกำลังกายเพื่อเอาทัศนคติเหล่านี้ไปใช้ ให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า ซึ่งสาเหตุการเกิดโรคนี้อาจะเกิดจากการเลี้ยงดูที่ถูกตามใจมากจนเกินไป หรือ การเลี้ยงดูที่ละเลยมากเกินไปได้ด้วยเช่นกัน 

 

สุดท้ายนี้หากสาวๆ คนไหนเริ่มมีคามผิดปกติทางอารมณ์ ความคิด ที่ไม่สามารถแก้ไขมันได้ด้วยตนเอง เราแนะนำว่าสามารถไปปรึกษาจิตแพทย์หรือนักบำบัดได้นะคะ เพราะการไปหาหมอจิตแพทย์หรือนักบำบัด ไม่ได้หมายถึงว่า สาวๆ เป็นโรคจิตหรือเป็นบ้า เอาละค่ะขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตรงนี้ ขอบคุณอีกครั้ง และพบกับใหม่ในบทความหน้าค่า

 

Sources:

Photo Credit: unsplash

Comments

comments