เพราะ ‘ความหอม’ สามารถช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย จากความเครียดที่ต้องเจอในทุก ๆ วัน และแม้จะเป็นเพียงของชิ้นเล็ก ๆ แต่ก็สามารถทำให้เรารู้สึกดีขึ้นอย่างมากมาย ทำให้ช่วงหลังมานี้ในโลกออนไลน์ จึงมีรีวิวเทียนหอมหลากหลายยี่ห้อ มีคอร์สสอนทำเทียนหอมให้เห็นกันมากขึ้น แต่รู้รึเปล่าคะว่า เครื่องหอมภายในบ้าน ยังมีอีกหลายชนิดด้วยกัน วันนี้เราจึงจะมาแนะนำเพื่อน ๆ กันค่ะว่า เครื่องหอมในบ้าน มีอะไรบ้าง แล้วแต่ละอย่างมีข้อดีข้อเสียอย่างไร พร้อมกันรึยังคะ มาดูกันเลยค่ะ
ชอบให้บ้านหอม ต้องรู้ ! เครื่องหอมในบ้าน มีอะไรบ้าง และมีข้อดีข้อเสียยังไง !?
1. เทียนหอม (Scented Candle)
เริ่มด้วยผลิตภัณฑ์สุดฮิต ในช่วงนี้ก่อนดีกว่า เทียนหอม คือ เทียนที่ผสมน้ำหอม เมื่อจุดแล้ว จะส่งกลิ่นหอมออกมา ผลิตได้จากหลายวัตถุดิบ ยกตัวอย่างเช่น พาราฟินแว๊กซ์ หรือ ไขจากธรรมชาติอย่างผักและถั่วเหลือง ซึ่งนอกจากจะช่วยส่งกลิ่นหอมชวนผ่อนคลายแล้ว การได้มองแสงเทียนยามค่ำคืน มันก็โรแมนติกดีอีกด้วย ไอเท็มนี้จึงเป็นไอเท็มที่ช่วยสร้างบรรยากาศได้มากเลยทีเดียว
ข้อดี
1. มีทางเลือกที่หลากหลาย หาซื้อได้ง่าย
เพราะเป็นที่นิยมนี่แหละ ผู้บริโภคอย่างเราถึงได้ประโยชน์ มีตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักพัน หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้า หรือตามอินเตอร์เน็ตก็มี อย่าง Instragram นี่มีหลายร้านเลย ไปตามดูกันได้
2. เหมาะทั้งในชีวิตประจำวัน และในโอกาสพิเศษ
อย่างที่บอกไปนะคะว่านอกจากกลิ่นหอมแล้วเนี่ยการมองแสงเทียนก็ช่วยทำให้บรรยากาศรอบข้างโรแมนติกขึ้นมามากจริงๆ ดังนั้นไม่ว่าจะในชีวิตประจำวันที่ต้องการผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าหรือวันพิเศษที่เราต้องการความสวยงาม เทียนหอมก็เหมาะทั้งนั้นค่ะ
ข้อเสีย
1. ต้องใส่ใจดูแลรักษา และวิธีการใช้ที่มีรายละเอียด
เพราะถ้าอยากใช้เทียนหอมไปนาน ๆ ก็ควรทำตามวิธีใช้ที่ถูกต้อง และไม่ควรทำบางสิ่งบางอย่างอีกด้วยนะคะ ยกตัวอย่างเช่น
- ต้องรอให้หน้าเทียนละลายเสมอกันก่อนจะดับเทียน ถ้าเรานึกจะดับก็ดับ ตอนที่หน้าเทียนยังละลายไม่ทั่ว จะทำให้เกิดหลุม และทำให้เทียนหมดเร็วได้
- วิธีในการดับเทียน ไม่ควรดับเทียนโดยการเป่า ก็จะทำให้เกิดควัน ทางที่ดีควรใช้ฝาปิด
- ควรสังเกตความยาวของไส้เทียน ว่ามีความยาวที่พอดีหรือไม่ หากยาวเกินไปจะเกิดควันดำ จึงควรตัดไส้เทียนก่อนใช้ แต่ระวังตัดสั้นเกิดไปนะคะ เพราะถ้าไส้เสียนสั้นเกินไป ความร้อนจะไม่มากพอ และส่งกลิ่นหอมได้ไม่เต็มที่ ซึ่งความยาวที่พอเหมาะ คือ 5 มิลลิเมตรนั่นเองค่ะ
2. มีการเผาไหม้ ก็อาจส่งผลต่อสุขภาพ
ที่จริงแล้วควันที่เราได้จากเทียนหอมเนี่ย เทียบไม่ได้เลย กับมลภาวะที่เราต้องเจอในชีวิตประจำวัน เพียงแต่ว่าการระวังเอาไว้ก่อน มันก็น่าจะดีกว่าใช่มั้ยล่ะคะ
อย่างที่เราได้พูดไปก่อนหน้านี้ เทียนหอม ผลิตได้จากหลายวัตถุดิบด้วยกัน รวมไปถึง พาราฟิน และไขจากธรรมชาติ ซึ่งถ้าเทียบกันแล้ว เทียนที่ผลิตด้วยไขจากธรรมชาติ จะมีความปลอดภัยมากกว่า เนื่องจาก การเผาไหม้ของพาราฟิน มีความร้อนไม่มากพอ ที่จะเผาโมเลกุลที่เป็นสารก่อมะเร็งอย่าง โทลูอีน และเบนซิน สารเหล่านี้ตึงถูกปล่อยออกมาพร้อมกับควัน
2. ธูปหอม (Aroma Incense)
เครื่องหอมในบ้าน รูปแบบหนึ่งที่อาจไม่เป็นที่รู้จักนัก การใช้งานก็เหมือนการจุดธูปไหว้พระทั่วไป ต่างกันตรงที่กลิ่นของธูปหอม จะหอมมากกว่า เพราะระหว่างการผลิต มีการใช้ส่วนผสมที่มีกลิ่นหอม อย่างดอกไม้ หรือน้ำมันหอมระเหย และในบางยี่ห้อ มีการหลีกเลี่ยงการใช้ขี้เลื่อยในการผลิตด้วยซ้ำ จึงทำให้ควันธูปที่ได้ ไม่มีสารก่อมะเร็ง
ข้อดี
1. ราคาถูก
ราคาของธูปหอมส่วนใหญ่ มีราคาประมาณ 100-200 บาทเท่านั้น เป็นจำนวนน้อยที่จะมีราคาสูงกว่านี้ ซึ่งใน 1 แพ็คก็บรรจุธูปจำนวนหลายสิบดอกเสียด้วย เป็นราคาที่คุ้มค่ามาก ๆ เลยค่ะ
ข้อเสีย
1. หาซื้อได้ยาก
เรียกได้ว่าไม่แมสเท่าไหร่นะคะ สำหรับเจ้าเครื่องหอมชิ้นนี้ และเมื่อ Demand ไม่ค่อยมี Supply ก็ย่อมไม่ค่อยเกิด ทำให้แบรนด์ที่น่าเชื่อถือนั้นมีน้อยมาก ๆ และตามห้างร้านทั่วไปก็แทบไม่เห็นธูปหอมวางขายเลยค่ะ
2. ดมกลิ่นหอมไม่พอ แถมควันด้วยจ้า
ถึงแม้บางยี่ห้อจะเคลมว่า ควันจากผลิตภัณฑ์ตัวเองนั้นปลอดภัย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ธูปหอม เป็นเครื่องหอมชนิดที่ก่อให้เกิดควันมากกว่าเครื่องหอมชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกรณีธูปหอมที่หาซื้อได้ทั่วไป ไม่ได้มียี่ห้อชัดเจน เราไม่สามารถทราบได้เลยว่า ผลิตมาจากอะไรบ้าง และอันตรายมากน้อยแค่ไหน
3. ก้านไม้หอม (Reed Diffuser)
เป็นอีกหนึ่ง เครื่องหอมในบ้าน ที่หาซื้อได้ไม่ยาก หลักการของมันคือใช้ก้านไม้หวาย หรือไม้งา ดูดซึมน้ำหอมภายในขวด และปล่อยกลิ่นหอมออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการใช้งานของไม้ทั้งสองชนิด มีความแตกต่างกันเล็กน้อย คือไม้หวายจะต้องคอยหมั่นกลับด้าน เมื่อกลิ่นหอมเริ่มจางลง ในขณะที่ไม้งาไม่จำเป็นต้องกลับด้าน
ข้อดี
1. ไม่ต้องดมควัน เพราะไม่มีการเผาไหม้
หากใครต้องการหลีกเลี่ยงการสูดดมควันแล้วล่ะก็ ก้านไม้หอมเป็นทางเลือกที่ดี เพราะใช้หลักการดูดซึมและลำเลียงความหอมจากก้านไม้ ไม่มีการจุดไฟแม้แต่น้อย
2. หอมตลอดเวลา
ไม่ต้องคอยจุดไฟในการรับกลิ่นหอมอันอบอวล แต่ก้านหอมจะปล่อยกลิ่นหอมออกมาเรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน
ข้อเสีย
1. ก้านหอมแต่ละชนิด ต่างก็มีข้อจำกัด
ก้านไม้งา
ก้านไม้หวาย
หากใช้ก้านหอมที่เป็นไม้หวาย จะต้องคอยกลับด้านไม้เป็นประจำเมื่อกลิ่นหอมเริ่มจาง แต่หากเป็นไม้งาแล้วล่ะก็ ถึงแม้จะไม่ต้องคอยกลับด้าน แต่ก็มีรูปลักษณ์ที่อาจดูสวยงามน้อยกว่าไม้หวาย และทำให้น้ำหอมจะหมดเร็วมากกว่า
2. เหมาะกับห้องขนาดเล็ก หรือพื้นที่ปิด ถ้าห้องกว้างเกินไปอาจไม่ได้กลิ่นทั่วถึง
ถ้าเทียบกับ เครื่องหอมภายในบ้าน แบบอื่นๆแล้วละก็ก้่นไม้หอมเหมาะกับห้องที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก และพื้นที่ปิดอย่าง ห้องน้ำ หรือตู้เสื้อผ้า เป็นต้น
4. เครื่องพ่นไอน้ำอโรมา (Aroma Diffuser)
เครื่องพ่นไอน้ำอโรม่า เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง ที่สามารถกระจายกลิ่นหอมภายในห้อง โดยใช้การสั่นสะเทือนน้ำถึงระดับโมเลกุล ทำให้ผิวน้ำที่ผสมกับน้ำมันหอมระเหยเรียบร้อยแล้ว ระเหยออกมาเป็นไอ น้ำมันหอมระเหยที่ว่า ก็มีหลายกลิ่น หลายคุณประโยชน์มากๆ อยากรู้ หาอ่านเพิ่มได้เลยนะ
ข้อดี
1. นอกจากหอมแล้ว ยังเพิ่มความชื้นได้ด้วยนะ
เคยเป็นกันไหมคะกับการรู้สึกแห้งที่จมูก หรือเจ็บคอตอนตื่นนอน นั่นอาจเกิดจากการที่อากาศในห้องนอนแห้งมากเกินไปค่ะ ซึ่งเกิดขึ้นในกรณีที่ใช้เครื่องปรับอากาศเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการใช้เครื่องพ่นไอน้ำอโรม่า จึงสามารถช่วยทั้งการส่งกลิ่นหอมผ่อนคลาย และเพิ่มความชื้นในอากาศได้ด้วยค่ะ
2. ไม่ใช้การเผาไหม้
ไม่เสี่ยงอันตรายจากการสูดดมควัน หรือเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย เพราะเครื่องใช้หลักการสั่นสะเทือนทำให้น้ำกลายเป็นไอเท่านั้น
ข้อเสีย
1. ค่อนข้างมีราคา
จากการไปสำรวจราคามาแล้ว พบว่าราคาของเจ้าเครื่องพ่นไอน้ำอโรมานั้นมักไม่ต่ำกว่า 500 และราคาสูงสุดอยู่ที่หลายพันบาท ซึ่งสำหรับใครหลายคนอาจทำให้ยากในการตัดสินใจ
2. กลิ่นหอมเจือจาง
กลิ่นหอมจากเครื่องพ่นไอน้ำมักจะมีลักษณะหอมจาง ๆ เพราะต้องผสมน้ำก่อนใช้เครื่อง ซึ่งทำให้บางคน ใช้แล้วรู้สึกว่าหอมไม่สะใจนั่นเองค่ะ
5.เตาเผาอโรม่า (Aroma Burner)
เพื่อจะได้กลิ่นหอม เพียงแค่หยดน้ำมันหอมระเหยลงบนเตาเซรามิก และให้ความร้อนด้วยการจุดเทียนด้านล่าง น้ำมันหอมระเหยก็จะหอมฟุ้งทั่วห้อง
ข้อดี
1. หอมเข้มชื่นใจ
สิ่งที่ระเหยออกมามีแค่น้ำมันหอมระเหยเพียว ๆ ไม่ได้ผสมกับน้ำ แน่นอนว่าจะต้องมีความเข้มข้นมากกว่า
2. ราคาไม่แรงมาก
ถ้าไม่นับค่าน้ำมันหอมระเหยดี ๆ แล้วล่ะก็ ตัวเตาเผาราคาไม่แรงเลยค่ะ ประมาณ 100-300 บาทเท่านั้น ส่วนน้ำมันหอมระเหยนั้น มีหลายราคาด้วยกัน ตั้งแต่หลักร้อยต้น ๆ ไปจนถึงหลักพัน สามารถเลือกซื้อตามกำลังทรัพย์ได้เลยค่ะ แต่ขอแนะนำว่าควรดูให้ดีก่อนซื้อนะคะ บางทีหลอกขายว่าเป็นน้ำมันหอมระเหย แต่จริงๆเป็นน้ำหอมสังเคราะห์เบสน้ำมันก็มีค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้จะไม่หอมเอานะคะ
3. หาซื้อง่าย
ไม่ว่าจะตามอินเตอร์เน็ต หรือไปเดินจตุจักร ก็หาได้ไม่ยากนะคะ นอกจากนี้แล้ว ดีไซน์ของเตาเผาเซรามิกก็มีให้เลือกหลากหลายตามความชอบค่ะ
ข้อเสีย
1. ต้องจุดเทียน
เรื่องแรกที่น่ากังวลสำหรับอะไรก็ตามที่ต้องใช้ไฟ คือความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้นั่นเองค่ะ ควรดูให้ดีว่า ตำแหน่งที่วางเตา ไม่ได้อยู่ติดกับอะไรที่เผาไหม้ได้ง่ายๆ เพื่อความปลอดภัยนะคะ
และสำหรับใครที่กังวลเรื่องการสูดดมควัน อาจต้องเช็คเทียนที่เราใช้ ว่ามีความปลอดภัยแค่ไหน อย่างไรก็ตามเตาเผาอโรม่า ไม่ได้มีแค่แบบใช้เทียนเท่านั้น มีแบบเตาเผาไฟฟ้า ที่ใช้หลอดไฟในการให้ความร้อนแทนเทียนด้วยค่ะ แต่มีข้อเสียตรงที่ หลอดไฟ จะให้ความร้อนน้อยกว่า ความหอมที่ได้ก็จะน้อยลงตามมาค่ะ
หมดไปแล้วนะคะกับการแนะนำ ” เครื่องหอมในบ้าน ” ในวันนี้ เป็นยังไงบ้างคะทุกคน มีเครื่องหอมตัวไหนที่ถูกใจกันบ้างเอ่ย หวังว่าทุกคนจะได้เจอของที่ชอบและตรงกับความต้องการนะคะ สำหรับวันนี้ลาไปก่อนนะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่า
Pictures credits : Aroma-Aroma , Ikea , Instock photo , Noppamas , Freepik
Content credits : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ , MGRonline , Line today , Phraphai , Mt sapola , Pantip 1 , Pantip 2
Stay connected