ทำไมคนรุ่นใหม่ไม่อยากมีลูก ? จริง ๆ แล้วการไม่มีลูกมาจากหลากหลายปัจจัย ทั้งสภาพสังคม เศรษฐกิจ จะสังเกตได้จากสถิติการเกิดใหม่ในแค่ละปีที่ผ่านมาการเกิดลดลง จนสังคมไทยกลายเป็นสังคมผู้มีอายุ  วันนี้ เราจะพาไปดู 9 เหตุผล ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงไม่อยากมีลูก

สถิติการเกิดใหม่ของเด็กไทยปี 2563 พบว่า จำนวนของเด็กไทย ลดต่ำกว่า 600,000 คน เป็นครั้งแรก มีผลการวิจัยขอมหาวิทยาลัยวอชิงตันของสหรัฐอเมริกา บอกว่า ไทยเป็น 1 ใน 23 ประเทศ ที่มีอัตราการเกิดของเด็กแรกเกิดลดลง 

ซึ่งมาในปีปัจจุบัน ปี 2565 มีรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทยปี 2565  ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หลังจากเมื่อสามปีก่อนนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี  โดยประชากรผู้สูงอายุในปี 2565 นั้นมีมากถึง 12,116,199 คน คิดเป็น 18.3% ของประชากรทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 0.5% ขณะที่ผู้สูงอายุในไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่อัตราการเกิดกลับลดลง และมีอัตราที่ช้ามาก สถานการณ์เด็กเกิดใหม่ของประเทศไทยขณะนี้ต่ำกว่า 600,000 รายต่อปี และในปีนี้ก็มีอัตราการเกิดไม่ถึง 0.5% ด้วยซ้ำ อยู่ที่ 0.18% ถือเป็นจำนวนที่ค่อนข้างน้อย  

ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงไม่อยากมีลูก

เปิด 9 เหตุผล ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงไม่อยากมีลูก มันเพราะอะไรกัน?

1. ใช้เวลากับงานเป็นหลัก

ชีวิตการทำงานในยุคนี้เจอแต่งานหนัก ๆ ค่าแรงน้อยแต่จ้างซะไม่มีเวลาพัก แต่เงินเดือนกลับสวยทางกัน พอคนรุ่นใหม่ต้องทำงาน พอกลับถึงบ้านเราก็อยากกลับไปพักผ่อนอยู่กับตัวเอง เวลาว่างเราเองก็อยากพักผ่อน เพราะบางทีวันเสาร์ อาทิตย์เอง เรายังต้องออกไปทำงาน ซึ่งหลักในแต่ละวันก็อยู่กับงาน อย่าวว่าแต่จะมีลูก แค่หาคนรักยังยากเลยค่ะ เพราะวัน ๆ นึง เราเจอเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า  ลูกค้า ชีวิตแบบนี้ จะเอาเวลาไหนไปมีแฟน มีครอบครัวหล่ะค่ะ ซึ่งต่อให้เราได้รับเงินเดือนที่เยอะ สามารถเลี้ยงดูเด็กคนนึงได้อย่างสบาย ๆ แต่การเลี้ยงลูก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องเงินเพียงอย่างเดียว แต่เราจำเป็นต้องมีเวลาในการเลี้ยงดู สั่งสอนเด็ก ให้ลูกโตมามีอย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่การเลี้ยงลูกด้วยเงิน แล้วโตขึ้นมาสร้างปัญหาให้แก่สังคม


2. ความสุขอยู่รอบตัว

ในยุคสมัยนี้ สังคมมีสิ่งเอนเตอร์เทนมากมายในชีวิต กลับมาจากที่ทำงานมาก็แค่เปิดหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ไถโซเชียลมีเดียเล่น แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกเติมเต็มด้วยความสุข จนไม่จำเป็นต้องมีคู่รัก อยู่แบบโสด ๆ แล้วสบายใจดี หรือถ้ามีคู่รักได้ใช้ชีวิตด้วยกันหากิจกรรมทำ มีสิ่งเอนเตอร์เทนมากมาย ซึ่งทำกิจกรรมสองคนแค่นี้เพียงพอ มีความสุขมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีลูก


3. อยากประสบความสำเร็จ ก่อนมีครอบครัว

คนรุ่นใหม่มองว่าความสำเร็จในหน้าที่การงาน คือเป้าหมาย และความมั่นคงในชีวิต คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับความก้าวหน้ามากกว่าการมีครอบครัว ดังนั้นคนทำงานรุ่นใหม่จึงอยากประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานก่อน  แต่การประสบความสำเร็จเรื่องงานในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาต้องใช้เวลามาก และพอถึงเวลาที่พร้อม จึงกลายเป็นมีอายุมากเกินกว่าจะมีลูก


4. อยากใช้ชีวิตตัวเองให้คุ้ม

คนรุ่นใหม่มองว่าการใช้ชีวิตที่เกิดมาครั้งเดียวให้คุ้มค่า การแต่งงานมีลูกก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่มาเติมเต็มชีวิตเท่านั้น  เราควรใช้ชีวิตให้คุ้ม ก่อนที่จะมีลูก เพราะการมีครอบครัวมีลูกต้องสูญเสียโอกาสหลายอย่างไปในชีวิต เราต้องเสียสละเวลา เสียสละเงินของเรา มาใช้กับลูก ดังนั้นคนรุ่นจึงอยากใช้เงินกับตัวเอง ใช้ชีวิตในการไปเที่ยว ใช้ชีวิตตามความฝันของตัวเอง ก่อนการมีครอบครัว


5. การแต่งงานสิ้นเปลืองเงิน

เราจะสังเกตได้ว่าในปัจจุบัน หลาย ๆ คู่อยู่ด้วยกันแบบไม่ได้แต่งงาน เป็นการตกลงของทั้งคู่ให้ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน ก่อนแต่ง ช่วยลดการหย่าร้างตามมาด้วย แต่พออยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ก็เหมือนได้ใช้ชีวิตคู่แล้วจริง ๆ การจัดงานแต่งงานก็ถือว่าไม่จำเป็น เราสิ้นเปลืองกับเงินตรงนี้ทำไม เพราะถ้ามีลูกด้วยก็ต้องใช้เงินเยอะเข้าไปอีก คนบางส่วนมองว่าใช้เงินเหล่านี้กับการเลี้ยงลูกดีกว่ากับการแต่งงาน หรือบางส่วนมองว่าลูกยังไม่จำเป็น การอยู่ด้วยกันแบบนี้มันดีอยู่แล้ว


6. เงินไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงลูก ให้คุณภาพชีวิตที่ดีกับลูกไม่ได้

พูดได้เลยว่า สภาพสังคมตอนนี้ให้คุณภาพชีวิตที่ดีกับลูกได้ยาก  ซึ่งการจะมีครอบครัวได้นั้นรายได้ต้องเยอะมาก พอจะซัปพอร์ตค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของลูกได้ 

ผศ.ดร.ภูเบศร์ สมุทรจักร อาจารย์ประจำสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และนักวิจัยด้านประชากรศาสตร์เปิดเผยว่าค่าเฉลี่ยที่ต้องใช้ต่อการมีลูกคนหนึ่งประมาณ 1.9 ล้านบาทเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายช่วงตั้งครรภ์ ทำคลอด อุปกรณ์สำหรับเลี้ยงเด็กแรกเกิด เช่น เสื้อผ้าเด็ก ผ้าอ้อม นม  ที่นอน  อาหารเด็ก ใครยังทำงานอยู่ก็ต้องมีค่าจ้างพี่เลี้ยง พอโตขึ้นมาหน่อยก็ต้องมีค่าเล่าเรียน และอุปกรณ์ทางการศึกษา รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพอย่างวัคซีนอีก

เศรษฐกิจ และสังคมไม่ได้เอื้อให้อยากมีลูก รัฐสวัสดิการก็ไม่ได้ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีมากนัก ในบางอาชีพแค่เลี้ยงตัวเองอย่างเดียวแทบไม่พอ ยังมีพ่อแม่ คนในครอบครัวที่ต้องดูแลอีก พอเจอแบบนี้ใครหลายคนจึงไม่อยากมีลูกภาระเพิ่ม แล้วถ้าคนรุ่นใหม่อยากเลี้ยงลูก เขาต้องรู้สึกพร้อมจริง ๆ เพื่อให้ลูกมีคุณภาพชีวิตที่ดี


7. สังคมปัจจุบันที่ไม่น่าอยู่ เป็นห่วงลูกในอนาคต

สังคมปัจจุบันมีความน่ากลัว จากข่าวต่าง ๆ เกี่ยวกับเด็ก ทั้งการโดนล่วงละเมิดทางเพศ โดนลักพาตัว โดนพี่เลี้ยงทำร้ายร่างกาย มีความรุนแรงในสังคมมากมายที่เกิดขึ้นในสังคมไทยปัจจุบัน  การมีกัญชาในการครอบครอง ซึ่งเด็กนักเรียนสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย สังคมไทยในปัจจุบันจึงไม่ได้เอื้อต่อเด็กในการเติบโตไปโดยมีชีวิตที่ดี 


8. ผู้หญิงที่มีลูกหางาน หรือได้เงินน้อยกว่าคนที่ไม่มีลูก

การมีลูกส่งผลกระทบต่อการหางาน และค่าจ้างที่ลดลงในปัจจุบัน ในตลาดแรงงานหลายประเทศพบว่าอัตราค่าจ้างของผู้หญิงที่มีลูกต่ำกว่าผู้หญิงที่ไม่มีลูก หรือเรียกว่าผลกระทบทางลบต่อค่าจ้างของแรงงานหญิง (Motherhood Wage Penalty) รวมถึงในประเทศไทยเองก็มีหลายบริษัทที่เลือกจ้างผู้หญิงที่ไม่มีลูกมากกว่าผู้หญิงที่มีลูก ด้วยสาเหตุที่ว่าคนมีลูกเล็กส่วนใหญ่มีข้อจำกัดเยอะ เช่น ต้องออกก่อนเวลาเลิกงาน เพราะต้องไปรับลูก ต้องลางานไปทำธุระเรื่องลูกบ่อย บางคนขอเอาลูกมาเลี้ยงที่ออฟฟิศ หรือบางทีต้องไปดูงานค้างคืนที่ต่างจังหวัด คนมีลูกเล็กก็ไม่สามารถไปได้แล้วข้อจำกัดมากมายเหล่านี้ ทำให้คนว่าจ้างมองว่าคนที่มีลูกต้องให้ความสำคัญกับลูกมากกว่างาน ทำให้เป็นพนักงานที่ทำงานให้บริษัทได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

อีกหนึ่งปัญหาที่ตามมาคือพอผู้หญิงลาออกจากงานเพื่อไปดูแลลูกให้เต็มที่ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานานถึง 2-3 ปี พอจะกลับเข้าไปทำงานใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีตำแหน่งงานจำนวนมากที่จำกัดอายุพนักงานให้ไม่เกิน 30 ปี หรือบางครั้งก็บริษัทก็มองทักษะความสามารถในการทำงานที่เคยมีอาจจะลดลง เพราะขาดการทำงานมานาน ดังนั้นเพราะสาเหตุเหล่านี้จึงทำให้ผู้หญิงหลายคนเลือกที่จะยังไม่มีลูก


9. เลี้ยงลูกไปทำงานไปเป็นไรที่เหนื่อย

การทำงานไปเลี้ยงลูกไปไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการมีลูกค่อนข้างกระทบกับงาน ทำให้เราทำงานเต็มเวลา หรือทำงาน แต่ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงมาก ต้องใช้พลังงงานมากมายในการเลี้ยงเด็กคนนึงให้โตมา เริ่มด้วยกฎหมายจะให้ลาคลอด 90 วัน เป็นเวลาที่น้อยไปสำหรับการดูแลลูกเล็กที่เพิ่งเกิดหรือฟื้นฟูร่างกายแม่ และพอเด็กขึ้นมา เรายังต้องตื่นเช้าไปรับไปส่งลูกเข้าเรียนอีก ซึ่งต้องสู้กับความเหนื่อยล้าหลาย ๆ เรื่อง

คงตอบคำถามหลาย ๆ ข้อ ว่า “ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงไม่อยากมีลูก” การที่คนรุ่นใหม่ไม่อยากแต่งงานมีลูกจริง ๆ แล้วถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญ ซึ่งถ้าไม่มีการแก้ไขเราอาจจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และไม่มีแรงงานหรือกลุ่มคนที่จะเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศ  ประเทศจึงจำเป็นต้องใช้ความร่วมมือจากทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ และเอกชนในการปรับเปลี่ยนนโยบายต่าง ๆ เพื่อซัพพอร์ตการมีลูกให้มากขึ้น 

Photo Credit:

theasianparent

Source Credit:

marketeeronline

jobthai

Comments

comments