เมื่อเกิดแผลบนผิว ก็มักจะเป็นแผลเป็น ซึ่งแผลเป็นธรรมดาก็รักษายากจะแย่อยู่แล้ว แต่บางคนโชคร้าย เกิดเป็นแผนเป็นนูน หรือแผลคีลอยด์ แผลเป็นแบบนี้รักษาหายยากมาก แถมยังทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนอีกต่างหาก ทำให้สาว ๆ กลุ้มใจกันมาก ๆ ว่าแต่ แผลคีลอยด์ รักษาได้ไหม ต้องทำยังไงถึงหาย มาหาคำตอบกันค่ะซิส
แผลคีลอยด์ รักษาได้ไหม ต้องทำยังไงถึงหาย ??
แผลเป็นเรียบ ๆ หรือจุดด่างดำก็น่ารำคาญพอแล้ว พอเจอแผลคีลอยด์เข้าไปคืออยากร้องไห้ เพราะทั้งนูน ทั้งมีสีเข้ม บางแผลก็ใหญ่เหลือเกิน มันเกิดจากอะไร ทั้งที่เราก็ไม่ได้ไปทำอะไรกับมันเลย มาหาสาเหตุ และวิธีแก้ไขกันค่ะ
แผลคีลอยด์ เกิดจากอะไร
คีลอยด์คือแผลเป็นที่เกิดขึ้นเมื่อแผลเริ่มสมาน แต่ผิวหนังดันสร้างเนื้อเยื่อมาซ่อมแซมผิวมากกว่าขนาดของแผลที่ถูกทำลายไป ทำให้บริเวณนั้นนูนขึ้นมากลายเป็นคีลอยด์นั่นเอง ส่วนใหญ่มักจะพบในผู้ที่มีผิวคล้ำมากกว่าผิวขาว ไม่มีสาเหตุแน่ชัดว่าแผลแบบไหนจะเกิดเป็นคีลอยด์ เพราะมักจะเกิดขึ้นจากร่างกายของคนคนนั้น อาจจะมาจากกรรมพันธุ์ก็มีส่วน และทุกแผลก็สามารถกลายเป็นคีลอยด์ได้ ไม่ว่าจะเป็นแผลธรรมดา แผลไฟไหม้ หรือเป็นสิวรุนแรง แถมยังพัฒนาได้หลังจากที่เจาะร่างกาย สัก หรือผ่าตัด บางครั้งคีลอยด์ก็เกิดหลังจากเป็นแผลไปแล้ว 3 เดือน แถมแผลคีลอยด์ยังโตขึ้นได้เป็นปี ๆ ด้วย โอย ปวดหัว
รักษาแผลคีลอยด์ยังไงดี
เมื่อเป็นแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ อย่าเพิ่งตกใจ เพราะรักษาได้ค่ะ มีทั้งวิธีที่จะรักษาเองที่บ้าน และรักษาทางการแพทย์ มาดูกันค่ะซิส ว่าต้องทำยังไงบ้าง
รักษาด้วยตัวเอง
การรักษาแผลคีลอยด์เองที่บ้าน มีหลายวิธีค่ะซิส สามารถหาของในครัว หรือหาซื้อได้ตามร้านและซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป แต่ละวิธีง่ายมาก ๆ ทำยังไง มาดูกัน
1. ใช้แอสไพริน – มีผลการศึกษาในปี 2013 และ 2015 พบว่า แอสไพรินช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์กระตุ้นแผลเป็นเข้าสู่บริเวณที่เป็นคีลอยด์ วิธีนี้จะทำให้ทั้งเม็ดสีและขนาดคีลอยด์ลดลง วิธีการคือ บดยาแอสไพริน 3-4 เม็ดผสมกับน้ำเปล่าให้พอเป็นเนื้อครีม นำไปทาบริเวณที่เป็นคีลอยด์แล้วทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 1 ชั่วโมง ทำซ้ำเป็นประจำทุกวัน แผลคีลอยด์จะค่อย ๆ เล็กลง
2. ใช้กระเทียม – ตามรายงานโรคผิวหนังประจำปี 2011 พบว่ากระเทียมมีการทำงานคล้ายแอสไพริน นั่นคือจะเข้าไปบล็อกเอ็นไซม์บางชนิดไม่ให้เข้าสู่บริเวณที่มีส่วนทำให้เกิดเนื้อเยื่อและการสร้างเม็ดสี ที่จะก่อให้เกิดคีลอยด์ พอทาไปนาน ๆ ก็จะทำให้คีลอยด์เล็กลงได้ วิธีการคือ บดกระเทียม 2-3 กลีบให้ละเอียด นำมาทาบนแผลคีลอยด์ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก จากนั้นทามอยส์เจอไรเซอร์ ทาได้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง แต่อย่าทาบ่อยเกิน เพราะกระเทียมมีความเป็นกรดสูง อาจกัดผิวให้ไหม้ได้
3. ใช้น้ำผึ้ง – น้ำผึ้งมีสารต้านการอักเสบที่อาจช่วยลดการเกิดคีลอยด์ ซึ่งได้รับการศึกษาในปี 2015 ว่ามีศักยภาพในการรักษาคีลอยด์โดยไม่เกิดผลข้างเคียง วิธีการคือ ทาน้ำผึ้งแท้ลงบนแผลคีลอยด์ ทิ้งไว้จนแห้งแล้วล้างออก สามารถทำซ้ำได้วันละ 2-3 ครั้ง จนกว่าแผลคีลอยด์จะนุ่มและเล็กลง
4. ใช้หัวหอม – ทางเมืองนอกเขามีผลการศึกษาในปี 2013 พบว่า การใช้สารสกัดจากหัวหอมช่วยยับยั้งการทำงานของไฟโบรบลาสต์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่สร้างเนื้อเยื่อแผลเป็น ไม่ให้เข้าสู่ผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยว่า เจลสารสกัดจากหัวหอมช่วยเร่งการรักษาและลดรอยแผลเป็น และต้านอนุมูลอิสระได้ วิธีการคือ หั่นหัวหอมเป็นชิ้นเล็ก ๆ สามารถใช้หัวหอมได้ทุกประเภท นำใส่ลงในผ้าขาวบาง แล้วคั้นน้ำหัวหอมออกมา ทาน้ำหัวหอมที่แผลคีลอยด์ แล้วทิ้งไว้จนแห้ง จากนั้นล้างออก สามารถทำได้วันละ 3-4 ครั้ง
รักษาทางการแพทย์
สำหรับซิสคนไหน ที่รู้สึกว่า การรักษาแผลคีลอยด์ด้วยตัวเองที่บ้าน เป็นวิธีที่ช้า ไม่ทันใจ อยากหายจากคีลอยด์เร็วขึ้น ลองมาดูวิธีทางการแพทย์เหล่านี้กันค่ะ
1. ใช้ครีมเรตินอยด์ – ครีมเรตินอยด์เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ หรือเรตินอล ที่มีความใกล้เคียงกับการดูแลตามธรรมชาติ อย่างการใช้กระเทียมหรือหัวหอม ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยลดแผลคีลอยด์ได้ แต่ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้นนะ
2. ใช้ผลิตภัณฑ์ซิลิโคนเจลหรือซิลิโคนแผ่น – เป็นไอเทมที่ใช้แปะแผลคีลอยด์ เพื่อลดขนาดให้มันยุบลง โดยต้องเป็นซิลิโคนเจลทางการแพทย์นะคะซิส วิธีนี้พบว่า ได้ผลพอ ๆ กับครีมเรตินอยด์เลย ก่อนจะใช้ลองปรึกษาแพทย์ดูนะ
3. ใช้วิธีจี้เย็น หรือ Cryotherapy – เป็นวิธีการรักษาแผลคีลอยด์ด้วยความเย็น เพื่อลดความแข็ง และลดขนาดของคีลอยด์ จะใช้ได้ดีกับแผลคีลอยด์ขนาดเล็ก
4. ทำเลเซอร์ – การทำเลเซอร์สามารถรักษาคีลอยด์ได้ โดยเลเซอร์สามารถทำให้คีลอยด์แบนลง ยุบตัวลง นอกจากนี้ยังทำให้สีของแผลเป็นคีลอยด์จางลงด้วย
5. ผ่าตัด – การผ่าตัดคีลอยด์ออกสามารถทำให้แผลคีลอยด์หายไปทันใจ แต่วิธีการนี้ก็มีโอกาสทำให้แผลคีลอยด์เกิดซ้ำได้เช่นกันค่ะ
อันที่จริงแล้ว แผลคีลอยด์ไม่ได้เป็นอันตรายต่อสุขภาพใด ๆ แต่ทำให้เราไม่มั่นใจ เพราะเหมือนเป็นรอยบาปในชีวิต ดังนั้น หากทำใจที่จะอยู่กับมันไม่ได้ ก็ลองหาวิธีรักษาตามที่ซิสแนะนำมานะคะ ขอให้แผลคีลอยด์ยุบลง แผลเป็นจางลงกันทุกคนเลย จะได้มีผิวสวย ๆ ไว้อวดได้อย่างมั่นใจ
Credit Information from familydoctor.org, www.healthline.com
Credit pictures from drhmliewskinclinic.com.sg, th.aliexpress.com, www.rattinan.com, www.nytimes.com, www.medicalnewstoday.com, www.dailysabah.com, www.perfecthomedigest.com, freepik, www.wattpad.com
Stay connected