ฮาย ฮาย สาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน ไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นวันเด็ก หลายต่อหลายคนคงรำลึกและนึกถึงช่วงเวลาในวัยเด็กกันใช่ไหมละ และด้วยเแบบนี้ทำให้เรานึกถึงหนังประเภทอนิเมชั่นขึ้นมา และจะเป็นค่ายอะไรไปไม่ได้นอกจาก Pixar ก็เลยเกิดเป็นไอเดียในการทำบทความนี้ขึ้นกับ  “แนะนำ 5 การ์ตูนอนิเมชั่น Pixar ที่เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี” บอกได้เลยว่าคออนิเมชั่นและแฟนคลับชาว Cartoon lover ไม่ควรพลาด งั้นอย่ารอช้าไปเริ่มกันเลย

 

  แนะนำ 5 การ์ตูนอนิเมชั่น Pixar ที่เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี  

 

เรื่องที่ 1: Finding Nemo (2003)

ความยาวของเรื่อง: 1 ชั่วโมง 40 นาที
คะแนนที่ได้จาก IMDb: 8.1 / 10

การ์ตูนอนิเมชั่น Pixar

ถ้าให้พูดถึงการ์ตูนอนิเมชั่น Pixar เรื่องแรกๆ ที่เรานึกถึงกันเลยนั้น นอกจาก Toy Story แล้วละก็อีกเรื่องที่ขาดไปไม่ได้เลยคงหนีไม่พ้นเรื่องนี้ “Finding Nemo” หรือในชื่อภาษาไทยที่ว่า “ปลาเล็ก หัวใจโต๊โต” เป็นอีกหนึ่งอนิเมชั่นที่ดูผิวเผินอาจจะคิดว่าให้ความสนุกและสร้างสรรค์ในมุมมองเด็กๆ ทั่วไป แต่ถ้าพอเรามานั่งวิเคราะห์บทและสิ่งที่เรื่องนี้ต้องการจะบอกจริงๆ แล้วนั้นอนิเมชั่นเรื่องนี้ให้ข้อคิดและสอนผู้ใหญ่อย่างเราได้ดีไม่น้อยไปกว่าหนังดีๆ สักเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้

เรื่องราวพูดถึง “มาร์ลิน” ปลาการ์ตูนตัวผู้ ผู้มีลูกน้อยกลอยใจ ที่เหมือนสมบัติล้ำค่าของเขาหนึ่งตัวอย่าง “นีโม่” ในวันหนึ่งเขาเกิดผลัดหลงกับลูกและนีโม่ดันถูกมนุษย์ที่กำลังทอดแหอยู่จับตัวไปไว้ในตู้ปลา ทำให้ มาร์ลิน ต้องว่ายน้ำเดินทางออกตามหาตัวลูกชายสุดที่รักของเขา จนบังเอิญไปเจอปลาบลูแทงก์ตนหนึ่งชื่อว่า “ดอรี่” ที่อาสาร่วมเดินทางเพื่อตามหาครอบครัวของมาร์ลิน และนี่คือเรื่องราวการผจญภัยของมาร์ลิน นีโม่ และ ดอรี่ ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่

การ์ตูนอนิเมชั่น Pixar

บอกเลยว่าการ์ตูนอนิเมชั่น Pixar เรื่องนี้เรียกน้ำตาเราได้ไม่น้อยเลยทีเดียว หากมองผิวเผินการ์ตูนเรื่องนี้ให้ความบันเทิงและความสนุกในแบบเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าหากมองให้ลึกลงไป สิ่งที่การ์ตูนเรื่องนี้ต้องการจะสอนเราเลยคือหนึ่งในแง่การเลี้ยงดูลูก สิ่งที่เราทำได้คือการห่วงใยและห่วงแหนเขา แต่เราไม่สามารถกักขังและให้เขาเป็นได้อย่างใจเราได้ การที่เราขีดกรอบและจำกัดพื้นที่ของเขาด้วยความรักที่เรามี อาจจะเป็นข้อดีแต่ในทางกลับกัน เรากำลังทำให้เขาไม่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หรือ เรียนรู้โลกกว้างกับสิ่งที่เขาเจอได้

และอย่างสุดท้ายเลยนั่น ข้อคิดง่ายๆ จากประโยคคำพูดที่ได้จากตัวละครรองอย่าง ดอรี่ ที่ดูไปดูมาก็ไม่เห็นจะมีอะไร แต่แท้จริงแล้ว เป็นประโยคที่กระตุ้นแรงบันดาลใจและเสริมกำลังใจในวันที่อ่อนล้าได้ดีเลยทีเดียว นั่นก็คือประโยคที่ว่า “Just keep swimming” เป็นประโยคบทสนทนาธรรมดาที่มาร์ลินถามดอรี่ว่าในวันที่เธอรู้สึกแย่เธอทำยังไง ดอรี่ตอบไปอย่างซื่อๆ ว่า ฉันก็ไม่ได้ทำยังไง ก็แค่ว่ายน้ำต่อไป เหมือนกับกำลังจะบอกผู้ใหญ่อย่างเราว่า ในวันที่เหนื่อยล้าส่งที่ทำได้ง่ายๆ ก็คือ เดินหน้าและใช้ชีวิตต่อไปเท่านั้นเอง

 

เรื่องที่ 2: Wreak it Ralph (2012)

ความยาวของเรื่อง: 1 ชั่วโมง 41 นาที
คะแนนที่ได้จาก IMDb: 7.7 / 10

การ์ตูนอนิเมชั่น Pixar

เป็นการ์ตูนอนิเมชั่น Pixar ที่นำตัวร้ายจอมทำลายล้างจากเกมยุค 90’s ชื่อดัง ขึ้นมาเป็นพระเอกที่น่าเอ็นดูใช่ย่อย พร้อมเจ้าหญิงตัวป่วนองค์เล็กที่สอยใจเราไปเต็มๆ อย่าง “Wreak it Ralph” เป็นเรื่องราวโลกของเกม “ราล์ฟ” ตัวร้ายจากเกม Fix-It Felix Junior โดยภารกิจของเขาคือการพังตึกไปเรื่อย ๆ และจะมีเฟลิกซ์ช่างซ่อมในตำนาน จะตามซ่อมให้เสร็จและสุดท้ายราล์ฟจะโดนโยนตกลงมาจากตึกทุกครั้ง

ด้วยคาร์แลกเตอร์ที่โดยมอบหมายและหน้าที่ที่ทำ ทำให้เขาโดนเหล่าเพื่อนบ้านในเกมไม่ชอบหน้า
อีกทั้งราล์ฟยังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงข้ามอาเขตเกมเพื่อไปอีกเกมหนึ่งที่เขาสามารถเป็นฮีโร่ได้ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเพราะโลกของเกมกำลังเจอกับตัวละครประหลาดที่จะกลืนกินให้ตัวละครนั้นๆ หายไป

การ์ตูนอนิเมชั่น Pixar

จากที่เราดูการ์ตูนอนิเมชั่น Pixar เรื่องนี้ทำให้เราได้ย้อนระลึกถึงความหลังต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับเกมที่เล่น ทำให้เรามีความสุขอย่างบอกไม่ถูก แต่ที่ชอบไปกว่าการได้เห็นเกมให้วัยเด็กนั่นก็คือ การเรียนรู้จากการมองหน้าที่ของตนเอง และการยอมรับตัวตนของเรา ถึงแม้หน้าที่ของเรา ที่แม้จะเลือกไม่ได้นั้นดูไม่น่าสนใจเพียงใด แต่อย่าลืมไปละว่าคนทุกคนล้วนมีบทบาทที่แตกต่างกัน

สุดท้ายบทบาทแต่ละบทบาทจะเข้ามาเป็นส่วนเติมเต็มซึ่งกันและกัน เพราะอย่างนี้ละ อย่างน้อยเราควรทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่ และจงภูมิใจกับมัน อีกทั้งเรื่องนี้ยังนำเสนอความน่ารักของมิตรภาพต่างวัยให้เห็นพร้อมให้เราได้รับรู้ว่าถึงต่างวัยยังไงก็ซี้กันได้

 

เรื่องที่ 3: Brave (2012)

ความยาวของเรื่อง: 1 ชั่วโมง 33 นาที
คะแนนที่ได้จาก IMDb: 7.1 / 10

การ์ตูนอนิเมชั่น Pixar

หากให้นึกถึงเจ้าหญิงดิสนีย์ที่ชอบที่สุดคงจะเป็นมู่หลาน แต่ถ้าให้เลือกจากค่าย การ์ตูนอนิเมชั่น Pixar ละก็เราขอยกให้เธอคนนี้จากเรื่อง “Brave” เป็นที่สุดในบรรดาเจ้าหญิงที่ชอบมากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เรื่องราวของเจ้าหญิง “เมริด้า” ที่ถูกคลุมถุงชนให้แต่งงานกับเจ้าชานต่างเมือง
อีกทั้งราชินี แม่ของเธอได้ทำการพร่ำสอนและกวดขันเธอให้รู้จักการวางตัวและเรียนรู้ที่จะเป็นเจ้าหญิงอันสูงศักดิ์

แต่เมริด้าไม่ได้ต้องการแบบนั้น เธอชอบที่จะมีชีวิตเป็นอิสระ เธอรักในศิลปะการต่อสู้และยิงธนู และวันหนึ่งเธอเจอดวงวิญญาณประหลาดเชื้อเชิญเธอเข้าไปในป่าลึกจนเจอกระท่อมแม่มด
ด้วยเหตุนี้เธอจึงสาปแม่ของเธอให้กลายเป็นหมี โดยไม่ตั้งใจ จากนั้นเธอจึงต้องหาวิธีการแก้คำสาปกับความผิดพลาดของเธอ

การ์ตูนอนิเมชั่น Pixar

บอกได้เลยว่าเราค่อยข้างชอบเนื้อเรื่องของ การ์ตูนอนิเมชั่น Pixar เรื่องนี้ เรามีความรู้สึกว่าหลังจากที่ดูเสร็จ เหมือนการ์ตูนกำลังบอกเราถึงความแตกต่างระหว่างมุมมองของแม่กับลูก บ่อยครั้งที่เราจะเห็นว่าทำไมแม่เราถึงชอบจู้จี้ ขี้บ่น บังคับให้เราทำโน้นนี่บ่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่เราไม่อยากทำ
และจนสุดท้ายเพราะความห่วยใยที่มากเกินไป กลับนำพาความเสียใจมาให้เราได้หลายครั้ง

ช่นเดียวกันกับ ความดื้อรั้นและเอาแต่ใจของลูกที่มักมองไม่เห็นความหวังดีในใจของคนเป็นแม่ จนสุดท้ายเมื่อเกิดึความผิดพลาดใดๆ เรามักจะกลับมาซบอกคนเป็นแม่ทุกครั้งไป สุดท้ายนี้การ์ตูนเรื่องนี้เป็นกระจกสะท้อนตัวตนของคนเป็นแม่ และ หน้าที่ของลูก สอนเราให้เห็นถึงความกึ่งกลางและประนีประนอมของแม่และลูกได้ดีขึ้น บางครั้งเราต้องมองให้เห็นถึงความหมายเบื้องลึกของจิตใจอีกฝ่ายให้ชัดเจนที่สุดเท่านั้นเอง (ตอนจบดูแล้วร้องไห้เลย)

 

เรื่องที่ 4: Inside Out (2015)

ความยาวของเรื่อง: 1 ชั่วโมง 35 นาที
คะแนนที่ได้จาก IMDb: 8.1 / 10

การ์ตูนอนิเมชั่น Pixar

“Inside Out” เป็นการ์ตูนอนิเมชั่น Pixar อีกเรื่องหนึ่งที่เราชอบที่สุดในบรรดาการ์ตูนอนิเมชั่นเลยก็ว่าได้ เพราะมันไม่ได้นำเสนอความบันเทิงและความน่ารักในมุมเด็กๆ และกำลังทำให้เราเข้าใจอารมณ์ในเชิงจิตวิทยาที่ผู้ใหญ่อย่างเราก็ควรรู้ด้วยเช่นกัน ว่าด้วยเรื่องราวของไรลีย์ เด็กสาวย่างเข้าอายุ 11 ปี ผู้ที่ร่าเริงแจ่มใส เป็นคนมองโลกในแง่ดี แถมเป็นนักกีฬาฮอกกี้ฝีมือดี กำลังย้ายบ้านไปตามธุรกิจของคุณพ่อไปต่างเมือง

จากเหตุการณ์นี้ ทำให้เราได้รู้ว่า ในสมองของไรลีย์มีเหล่าอารมณ์ต่าง ๆ คอยควบคุมการทำงานสภาพจิตใจและอารมณ์ ความคิดของเธออยู่ นั่นก็คือ Joy (ความสุข) , Sadness (ความเศร้า) , Anger (ความโกรธ) , Fear (ความกลัว) และ Disgust (ความน่าขยะแขยง) และจากการทำงานที่ผิดพลาดของเหล่าอารมณ์ตัวน้อย จึงส่งผลกระทบต่อไรลีย์ ทำให้เธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

การ์ตูนอนิเมชั่น Pixar

เราบอกได้เลยว่าหากเราดูการ์ตูนอนิเมชั่น Pixar เรื่องนี้แบบผิวเผินเราก็จะได้ลิ้มรสความสนุกสนานเพลิดเพลินตามปกติ แต่ถ้าเรามองให้ลึกลงไปอีกนิด เราจะรู้เลยว่า การ์ตูนเรื่องนี้ เหมาะกับผู้ใหญ่อย่างเรายิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับผิดชอบหน้าที่ของแต่ละคนที่มีในการทำงาน จะมีบ้างละที่เรารู้สึกหงุดหงิดกับคนนี้ กับหน้าที่ และการปฏิบัติงานเหล่านั้น แต่ยังไงเสียสุดท้ายคนเราแต่ละคนย่อมมีหน้าที่ที่แตกต่างกันไป

อีกทั้งการ์ตูนเรื่องนี้ยังสอนให้เรารู้จักเรียนรู้และเข้าใจบุคลิกของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป พฤติกรรม ความชอบต่าง ๆ ของบุคคล มักขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดู สภาพแวดล้อม ครอบครัว เพื่อน รวมถึงการปรับตัวทางอารมณ์ต่าง ๆ ทุกอย่างนี้ หล่อหลอมเราเป็นเราได้ สุดท้ายการ์ตูนเรื่องนี้ยังบอกเราเกี่ยวกับความทรงจำที่ดี อะไรบางอย่างถึงแม้ว่ามันจะมีค่าต่อใจเรามากเพียงใด เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งเหล่านั้นอาจกลายเป็นเพียงความทรงจำ และ จางหายไปในที่สุด เหลือไว้เพียงความรู้สึกที่ดี ไว้ให้คิดถึงเท่านั้นเอง

 

เรื่องที่ 5: Coco (2017)

ความยาวของเรื่อง: 1 ชั่วโมง 35 นาที
คะแนนที่ได้จาก IMDb: 8.4 / 10

การ์ตูนอนิเมชั่น Pixar

และเราก็มาถึงการ์ตูนอนิเมชั่น Pixar เรื่องสุดท้ายนี้ ที่ส่วนตัวเรามองว่าผู้ใหญ่อย่างเราได้อะไรจากการ์ตูนเรื่องนี้มากกว่าเด็กๆ เสียด้วยซ้ำ กับ “Coco” เรื่องราวของ “มิเกล” เด็กหนุ่ม ที่มีชื่นชอบดนตรีดั่งดวงใจ อีกทั้งมีความฝันที่อยากเป็นนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ แต่โชคร้าย มิเกล อาศัยอยู่ในครอบครัวที่เรื่องดนตรีเป็นข้อห้ามอันเด็ดขาด

ดังนั้นมิเกลจึงฝ่าฝืนกฏข้อห้ามไปแข่งขันประกวดดนตรี ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาหลุดเข้าไปในโลกแห่งความตาย และจำเป็นต้องกลับมาที่โลกมนุษย์ให้ได้ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นอีกวัน มิฉะนั้น มิเกลจะต้องอยู่ในนั้นตลอดกาล

การ์ตูนอนิเมชั่น Pixar

ที่เราบอกว่าการ์ตูนอนิเมชั่น Pixar เรื่องนี้เป็นการ์ตูนที่ทำให้ผู้ใหญ่อินได้มากกว่าเด็ก ๆ เสียด้วยซ้ำ เพราะเรื่องราวส่วนใหญ่พูดถึงความครอบครัว และ ความตาย สิ่งที่ไปสะกิดต่อมน้ำตาของเราเลยคือ เรื่องของความตาย ตายเพื่อให้ยังระลึกถึงอยู่ บ่อยครั้งที่การจากลามักทำให้เราเจ็บปวด แต่สิ่งที่ทำให้ทรมานมากกว่านั้นคือการจากลาโดยที่ไม่มีวันหวนคืน แต่ทุก ๆ การจากลามักทิ้งร่องรอยของความสุขเอาไว้เพื่อให้เราได้จดจำเสมอในจิตใจ

อีกทั้งทุกๆ ครั้งที่คนในครอบครัวมารวมตัวกันนั้น มักมีสีสันและบรรยากาศของความสุขปกคลุมอยู่ตลอด เราจะได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวแห่งความทรงจำซึ่งกันและกัน เหมือนกำลังจะบอกว่าถึงแม้จะจากลากันไป แต่ถึงอย่างไรเรื่องราวทั้งหมดจะยังอยู่ในใจชั่วนิรันดร์

 

Photo Credit:

Comments

comments