เมื่อนึกถึงเทรนด์การแต่งหน้าที่ไม่เคยหายไปจากวงการบิวตี้ การแต่งหน้าแบบ Makeup No Makeup เป็นสิ่งที่ยังคงนิยมกันมาตลอด คือแต่งแล้วดูสวยธรรมชาติเหมือนไม่ได้แต่ง ถึงจะเห็นเป็นงานเบา ๆ แต่อันที่จริงเมคอัพแบบนี้มีความยากกว่าการฟาดสีสันหนัก ๆ ลงบนใบหน้าเสียอีก แต่ก็คงจะไม่ยากจนเกินไป หากเรามีเทคนิค และไอเทมดี ๆ มาช่วย ความพิเศษของลุคนี้อยู่ที่ “งานผิว” ค่ะ ซึ่งเราได้เลือกมาแล้วว่ามีชิ้นไหนที่เข้ากับการเมคอัพแบบนี้บ้าง อยากรู้ว่าชิ้นไหนมีคุณสมบัติยังไง ตามมาชมกันเลย
“งานผิว” คือจุดสำคัญของการแต่งหน้าแบบ Makeup No Makeup
1. Moisturising Facial Wash
อันดับแรกขอเริ่มต้นที่การล้างหน้าเพื่อเตรียมผิวกันก่อนเลยค่ะ เพื่อเป็นการบำรุงผิวไปในตัว เราเลือกโฟมล้างหน้าที่เป็นสูตรมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ซึ่งช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิวหลังล้างหน้า ขณะเดียวกันก็ทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึกด้วย
เนื้อเจล ไม่มีฟอง ล้างออกง่าย มีความอ่อนโยน ล้างแล้วไม่ทำให้รู้สึกว่าหน้าแห้งตึง
หลัก ๆ เจ้านี้มีส่วนผสมของโปรวิตามินบี 5 และวิตามินอี ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และยังมีบิซาโบลอลซึ่งเป็นสารสกัดจากดอกคาโมมายด์ ช่วยปลอบประโลมผิว และป้องกันการอักเสบในผิวหน้า ที่สำคัญเขาไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม และสารที่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิว มั่นใจได้ว่าคนผิวแห้ง และผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้อย่างปลอดภัยค่ะ
2. SISTAR Baby Carrot White Serum
ล้างหน้าแล้วก็ต้องมาต่อด้วยขั้นตอนของการบำรุงผิว เซรั่ม #แครอทวิตซี คือไอเทมที่เราประทับใจมาตลอด ใช้หมดไปหลายซองแล้ว เพราะสังเกตได้ว่าใช้แล้วเขากู้ผิวเสียให้กลายเป็นผิวใสขึ้นจริง ๆ ทั้งนี้เพราะว่าเขามีส่วนผสมสำคัญดังนี้ค่ะ
Baby Carrot : ช่วยลดรอยสิว รอยแผลเป็นต่าง ๆ รวมถึงจุดด่างดำให้แลดูจางลง และยังช่วยลดการเกิดสิวไปในตัวด้วย
Vitamin C : ช่วยฟื้นฟูผิวที่คล้ำเสีย ทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอ และแลดูกระจ่างใสอมชมพูขึ้น
Collagen : ทำหน้าผิวเนียนนุ่ม ละเอียด เหมือนผิวเด็ก
Hyaluron : ช่วยฟื้นบำรุงผิวที่ขาดน้ำ มีความแห้งกร้าน ให้กลับมามีความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ
เนื้อเซรั่มเป็นสีส้มขุ่นอ่อน ๆ มีเม็ดบีดส์สีส้มอยู่เล็กน้อย
เกลี่ยง่าย ทาแล้วซึมเข้าสู่ผิวไว ได้ความรู้สึกเบาสบายผิว
3. SISTAR Watermelon EE Cream
งานผิวยังไม่หมดเพียงเท่านี้ บำรุงผิวเรียบร้อยแล้ว ถัดมาคือการทาครีมกันแดดค่ะ#EEแตงโม ของ SISTAR เป็นไอเทมที่เพื่อนเราเลิฟมาก รวมถึงเราด้วย เพราะนอกจากจะกันแดดได้แล้ว เขายังช่วยปรับให้ผิวหน้าดูสว่างกระจ่างใสขึ้น แถมยังควบคุมความมันได้ดี ทำหน้าที่เป็นเบสปรับสภาพผิวก่อนแต่งหน้าได้เลย
SISTAR Watermelon EE Cream มีส่วนผสมสำคัญดังนี้ค่ะ
Watermelon : ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ สุขภาพดี
Glutathione : ช่วยปรับผิวให้สว่างขึ้น ดูอมชมพูอย่างเป็นธรรมชาติ และยังติดทนยาวนานตลอดทั้งวัน
Vitamin B6 : ทำให้รูขุมขนแลดูกระชับขึ้น และควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้า
เนื้อครีมแตกตัวเป็นน้ำ เกลี่ยง่าย และทำให้ผิวสว่างกระจ่างใสขึ้น
4. Innisfree Vivid Shine Tint
ถึงขั้นตอนของการแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าแล้ว เราใช้ Vivid Shine Tint ของ Innisfree ทั้งในส่วนของแก้มและด้านในปาก เพื่อให้สีหน้าดูสุขภาพดี มีเลือดฝาดมากขึ้น เม็ดสีมีความสวย เด่นชัด แต่เนื้อทินต์ก็เกลี่ยง่ายมาก เลยไม่ค่อยกังวลเลยว่าตอนแต้มลงบนแก้มแล้วมันจะแห้งก่อนจนเกลี่ยแล้วเป็นคราบ สามารถเพิ่มเลเยอร์ความเข้มสีได้สบาย ๆ หากแก้มยังแดงไม่พอ ทุกวันนี้เราก็ใช้ทินต์เป็นส่วนมากเพราะทำให้สีแก้มติดทนนานมากขึ้น ที่สำคัญยังเอื้อกับการแต่งหน้าในช่วงนี้ด้วย เพราะเราต้องใส่แมสก์ตลอดเวลาเมื่อออกนอกบ้าน การใช้ทินต์มาแต่งบริเวณพวงแก้ม จึงไม่ทำให้เลอะแมสก์อีกต่างหาก
เนื้อทินต์เกลี่ยง่าย เพิ่มระดับความเข้มได้ ทำให้สีสันบนใบหน้าติดทนนาน
เราเลือกใช้เบอร์ 2 สีจะออก Coral นิด ๆ เน้นความสดใสค่ะ
5. CARMEX Cherry Moisturizing Lip Balm
เนื่องจากเป็นคนริมฝีปากแห้ง เลยต้องมีลิปมันอยู่ทุกที่ ทั้งที่บ้าน และในกระเป๋าเครื่องสำอาง CARMEX Cherry Moisturizing Lip Balm เป็นลิปบาล์มที่ทาแล้วจะรู้สึกได้ถึงความเย็นบนริมฝีปาก ช่วยบำรุงริมฝีปากที่แตก แห้งลอก ให้กลับมาชุ่มชื้นได้อีกครั้ง แถมยังมี SPF15 ป้องกันแสงแดดไปในตัวด้วย เราเลือกใช้กลิ่นเชอร์รี่ ได้กลิ่นหอมชื่นใจดีมาก เป็นอีกไอเทมที่หมดแล้วจะต้องซื้อต่อแน่นอนเลยเชียว
6. Eglips Blur Powder Pact
จริง ๆ แล้วไม่ว่าแป้งพัฟหรือแม้แต่แป้งฝุ่น เป็นสิ่งที่เราได้ใช้น้อยมาก ตั้งแต่การมาของโควิด-19 แต่แป้งตัวนี้ตอบโจทย์เราตรงที่เขาช่วยเบลอรูขุมขนได้ เลยได้หยิบมาใช้บ้าง เพราะกังวลเรื่องรูขุมขนกว้างที่จมูกอยู่สักหน่อย และจริง ๆ ก็เป็นคนผิวผสมด้วย ระหว่างวันบริเวณจมูกจะมีความมันเป็นพิเศษ โดยมากจึงเอามาใช้ทัชอัพในยามที่จำเป็นมากกว่าค่ะ
7. KMA Pro Eyebrow Pencil
เป็นสิ่งที่หลายคนกังวลมากทีเดียวสำหรับเรื่องคิ้ว โดยปกติเราเป็นคนคิ้วค่อนข้างเข้มอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยห่วงอะไรตรงนี้มากนัก ส่วนมากเรามักจะใช้ที่เขียนคิ้วเนื้อฝุ่นมากกว่าดินสอ แต่สำหรับการแต่งหน้าแบบเมคอัพโนเมคอัพ ของเรา บางครั้งเราจะใช้ดินสอค่อย ๆ เติมหางคิ้ว และส่วนที่รู้สึกว่าขาดหายไปเท่านั้น ที่สำคัญคือเน้นว่าต้องเบามือ อย่าลงน้ำหนักให้สีเข้มเกินไป
เพราะดินสอเขียนคิ้วของ KMA ที่เอามาเขียนอันนี้ ถึงจะเขียนลื่น แต่สีเขาจะออกมาทางน้ำตาลแดงอยู่สักหน่อย เลยอาจทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติเอาได้ถ้าเขียนจนมันออกสีจัดเกินไปค่ะ
8. MARIO BADESCU Facial Spray With Aloe, Cucumber And Green Tea
ตัวสุดท้าย “สเปรย์น้ำแร่” เป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้เลย เพราะชอบเอามาฉีดหน้าระหว่างวัน ทำให้รู้สึกสดชื่น อย่าง MARIO BADESCU เป็นแบรนด์จากทางฝั่งอเมริกาที่เราสนใจมานาน เพราะมาทางสายออแกนิคด้วย เราเลือกใช้ขวดสีเขียว ซึ่งเขามีส่วนผสมของว่านหางจระเข้, แตงกวา และชาเขียว เอามาฉีดหลังจากเมคอัพ ก็ทำให้ติดทนนาน ไม่มีหลุดเลย ที่สำคัญเขามีกลิ่นอ่อน ๆ ออกแนวอโรม่า ทำให้รู้สึกผ่อนคลายนิด ๆ ด้วย
น่าเสียดายที่ขวดนึงมีปริมาณนิดเดียว กลัวใช้เปลืองค่ะ 5555
และเราก็ได้ฟินิชลุคผิวใสเมคอัพโนเมคอัพ
ที่เป็นเสมือนการ Woke Up Like This คือตื่นนอนมาก็หน้าสวยแบบนี้เลย><
ใครอยากลองแต่งหน้าเบา ๆ แบบ Makeup No Makeup บ้าง ก็ลองลิสต์ของที่มีและมาแต่งตามกันดูได้นะคะ ของบางอย่างหาซื้อง่ายมาก ตามร้านสะดวกซื้อก็มี อย่างแครอทวิตซี กับ EE แตงโม แค่เดินเข้าเซเว่นก็เจอแล้ว ซองละ 39 บาทเท่านั้นเอง
และที่สำคัญต้องอย่าลืมเลยนะคะว่าทุกอย่างต้องใช้ ต้องลงแต่พอดี อย่าหนักจนเกินไป เพื่อให้ดูแล้วไม่หลอกตา และมีความเป็นธรรมชาติที่สุดค่ะ
Stay connected