ในยุค 2020 นี้ สกินแคร์สายมินิมอล เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่องและมีแบรนด์ใหม่ๆที่ออกมาพร้อมกับ Package เรียบๆ ดีไซน์ง่ายๆ หรือสไตล์ minimal วันนี้ Clubsister เอาใจสาย Skincare minimal ที่ชอบความเรียบง่ายความน้อยแต่มาก ส่วนจะมีแบรนด์ใดบ้างที่น่าสนใจล่ะก็ไปดูกันเลย!

 

“สกินแคร์สายมินิมอล 4 แบรนด์” คลีนๆมีระดับ

 

• Glossier 

 

  แบรนด์ดังจากฝั่งอเมริกาที่โด่งดังมาจากกระแสใน Internet นอกจากโชว์รูมหลักของแบรนด์ในนิวยอร์กแล้ว

  การจะสั่งซื้อก็ต้องผ่านระบบออนไลน์ที่ส่งแค่ในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, อังกฤษ, ไอร์แลนด์, สวีเดน และเดนมาร์ก นอกเหนือจากนี้ก็ต้องฝากเพื่อนหิ้วแล้วล่ะ และด้วยความที่มันหายาก ก็ยิ่งทำให้ Glossier เป็นที่ต้องการของตลาดเข้าไปใหญ่

  พอไปบวกกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่สร้างมาเพื่อสาวๆ ยุคนี้จริงๆ ทั้งความเป็นธรรมชาติ ความเป็นแฟชั่น ความเรียบง่ายแต่เก๋ของแบรนด์ ก็ทำให้ Glossier กลายเป็นแบรนด์บิวตี้ที่น่าจับตามองที่สุดแบรนด์หนึ่งในยุคนี้ไปแล้ว

  เรามาทำความรู้จักแบรนด์นี้กันดีกว่าค่ะ

• Glossier เป็นแบรนด์บิวตี้จากประเทศอเมริกา ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2014 โดย Emily Weiss ซึ่งก่อนหน้าที่ Emily Weiss จะมาทำแบรนด์ Glossier จนโด่งดังในหมู่สาว ๆ นั้น เธอเป็น Beauty Editor ของเว็บไซต์เกี่ยวกับความงามอย่าง intogloss.com แถมเธอก็ยังเป็นเจ้าแม่ Street Fashion ด้วย สาว ๆ สายแฟไม่มีใครไม่รู้จักเธอแน่นอน
• สังเกตไหมว่าโมเดลของ Glossier จะมีทุกลุค ทุกสไตล์ ตั้งแต่ผิวขาวซีดไปจนถึงผิวสี หุ่นอวบอ้วนไปจนถึงผอมแห้ง ซึ่งเป็นความตั้งใจของ Glossier เอง ที่ต้องการบอกเป็นนัย ๆ ว่าทุกคนไม่ได้เกิดมาเพอร์เฟคเสมอไป แต่คุณก็สามารถเลือกที่จะสวยได้ แค่สวยในแบบที่ตัวเองมั่นใจก็เป็นพอ

 

Glossier

  เหตุผลที่ Glossier ติดตลาดได้อย่างรวดเร็วจนถึงทุกวันนี้ มาจาก 2 เหตุผลใหญ่ๆ อย่างแรกก็คือ การสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่แตกต่าง และเป็นตัวของตัวเอง

 

  เอมิลี ไวสส์ เคยให้สัมภาษณ์อยู่บ่อยครั้งว่า “สินค้าที่ดีก็ส่วนหนึ่ง แต่แบรนด์ดิ้งที่ดีนี่แหละที่สำคัญ” เธอสร้างเฉดสีชมพูที่กลายเป็นเฉดหลักของแบรนด์ อย่างสีชมพูอ่อนผสมนมที่แทบจะมีชื่อเป็นของตัวเองว่า Glossier Pink อยู่แล้ว หรือภาพโปรโมตสินค้าที่เธอมักใช้นางแบบลุคธรรมชาติ แต่งหน้าน้อยๆ มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ

  ซึ่งยิ่งส่งเสียงสะท้อนยุคมิลเลนเนียลส์ได้เป็นอย่างดี หรือการแถมสติกเกอร์ลายเส้นน่ารักไปพร้อมกับโปรดักต์ เพื่อให้คนเอาสติกเกอร์เหล่านั้นไปติดเล่นตามที่ต่างๆ ได้

  และถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ สกินแคร์สายมินิมอล และยังมีเครื่องสำอางให้เลือกอีกหลากหลายตัวด้วยค่ะซิส

Credit : www.cosmenet.in.th , thestandard.co/

 

• Biosance 

 

  หนึ่งใน สกินแคร์สายมินิมอล ที่ต้องบอกว่าขายดีมากกที่ Sephora ต่างประเทศด้วยตัว แพ็คเกจ ที่ดู minimal มากๆและมีความน่าสนใจตรงที่ Nontoxin Paraben Free Fragrance Free Vegan 100% 

  เรื่องราวของแบรนด์ Biossance เริ่มต้นจากภายในห้องทดลองของ Berkeley ที่มีวิสัยทัศน์ในการสร้างผลกระทบเชิงบวกผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ด้วยความเป็นมาของวิทยาศาสตร์และความยั่งยืนนี้ Biossance ถือเป็นผู้บุกเบิกที่จะเปลี่ยนแปลงสกินแคร์ด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผสานส่วนผสมธรรมชาติอย่างใช้น้ำมันสควาเลนที่อุดมด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้น, ส่วนผสม 100% ที่มาจากพืชเป็นหลัก และ อ้อยที่ปลูกหมุนเวียน

 

Squalane + Vitamin C Rose Oil

ข้อมูลผลิตภัณฑ์

น้ำมันบำรุงผิวหรูหราที่ช่วยให้ผิวแลดูขาวกระจ่างใส, กระชับ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

คุณประโยชน์

• น้ำมันมอบความชุ่มชื้นที่บางเบาที่ได้จากอ้อย พร้อมน้ำมันสควาเลนที่ยั่งยืน ผสานพลังจากวิตามินซีและน้ำมันกุหลาบที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย เผยผิวที่นุ่มชุ่มชื้นแลดูกระจ่างใสสุขภาพดี
• Vegan & Cruelty-free ไม่มีส่วนผสมที่ทำมาจากสัตว์ และไม่ทดสอบผลิตภัณฑ์กับสัตว์ ปราศจากกลูเตน

ส่วนผสมเด่น:
– Vitamin C: ช่วยเพิ่มความกระชับและทำให้ผิวเปล่งปลั่งกระจ่างใส – Squalane: เพิ่มความชุ่มชื้นและล็อกความชุ่มชื้นได้ยาวนาน

Clean at Sephora – ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการันตี Clean at Sephora จะต้องไม่มีสารเคมี 50 ชนิด รวมถึงซัลเฟต (SLS และ SLES), พาราเบน, พาทาเลต และอื่นๆ สามารถดูรายละเอียดทั้งหมดได้ใน Ingredients

  และสำหรับคนที่สนใจลองใช้ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์นี้ ก็สามารถหาซื้อได้ที่ Sephora ได้เลยค่า

credit : www.sephora.co.th

 

 

• HERBIVORE BOTANICALS

 

  เป็นอีกแบรนด์นึงที่ไม่ได้มีแค่ความดีงามของ Package เท่านั้น ยังมีความดีงามของ Story อีกด้วย โดยแบรนนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2011 ก่อตั้งโดย 2 สามีภรรยา>> Julia Wills และ Alexander Kummerow ที่ Seatle USA ซึ่งทั้งคู่ต่างมีความสนใจในสารสกัดจากธรรมชาติ และอยากจะหา skincare ที่ทำจากธรรมชาติ เพื่อดูแลอาการผิวแห้ง (eczema) ของ Alex นั้นเองค่ะ

  ทั้งคู่ก็เริ่มลองทำสบู่ออกมาก่อนใน apartment ของตัวเอง และได้ทำหลายๆอย่างให้หลายๆคนลองแล้วชอบ หลังจากนั้นก็ลองขายใน Etsy (website ขายของ Handmade) จนมาถึงปัจจุบัน Herbivore Botanicals มีขายในหลายสาขาของ Sephora แล้วค่ะ

 

  ซึ่งแม้แต่ตอนนี้เค้าก็ยัง pack มือกันเอง โดยมีทีมงานช่วยกันทำผลงาน handmade ห่อกันชิ้นต่อชิ้น จาก Seatle สู่ Sephora ทุกสาขาทั่วโลก จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าแบรนด์ Herbivore นั้นเป็นแบรนด์ที่ให้ใจและใส่ใจในรายละเอียดก่อนที่จะถึงมือลูกค้านั่นเองค่ะ เห็นมั้ยว่า Story เค้าน่ารักมากๆเลยย ซึ่งสินค้าในแบรนด์ก็ยังมีหินนวดหน้าที่มีคสวามนิยมเป็นอย่างมากในฝั่งอเมริกา เพราะหินนั้นสามารถให้ความเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อผิวและด้านของสุขภาพจิตอีกด้วยค่ะ 

  ราคาของแบรนด์นี้จะเริ่มต้นที่ 500 – 2,000 บาทโดยประมาณ ถ้าสนใจลองใช้ก็ดิ่งไปที่ Sephora เลยค่า

 

• LUSH

 

  LUSH คือแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากทั่วโลกเพราะเป็นแบรนด์ที่ห่วงใยในเรื่องของการ Reuse การรีไซเคิลและส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ 100% และการทำผลิตถัณฑ์โดยการทำ Handmade ที่ต้องบอกว่าเป็นแบรนด์ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของผลิตภัณฑ์มากๆ และเอกลักษณ์ของแบรนด์คือ packaging สีดำสนิทและ Bath bomb นั่นเองค่ะ

• แชมพูแบบ ‘ก้อน’ ของ Lush Cosmetics สระผมได้ 100 ครั้งและแทนที่แชมพูในขวดพลาสติกขนาด 250 กรัมได้ 3 ขวด นอกเหนือจากการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การ ‘เปลือย’ สินค้าจากแพ็กเกจจิ้งทำให้ลูกค้าสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ได้โดยตรงด้วย
• มาร์ก คอนสแตนติน ผู้ก่อตั้ง Lush มองว่า เขาอยากให้ธุรกิจเครื่องสำอางหยุดทำตัวเป็น ‘แผนกย่อย’ ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ เครื่องสำอางในปัจจุบันใช้แพ็กเกจจิ้งปริมาณมหาศาล เขามองว่าผู้บริโภคกำลังจ่ายให้ค่าบรรจุภัณฑ์มากกว่าค่าสินค้าจริงๆ

 

  ผลิตภัณฑ์ของ Lush Cosmetics เป็นมิตรกับคนที่เป็นมังสวิรัติและวีแกน (Vegan) ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากสัตว์ เช่น สบู่จากไขมันสัตว์ และไม่มีส่วนผสมจากน้ำมันปาล์ม วัตถุดิบเจ้าปัญหาที่ทำลายล้างป่าไม้และบ้านของสัตว์ป่า เช่น ลิงอุรังอุตังและสร้างปัญหาหมอกควันในหลายพื้นที่ เช่น อินโดนีเซีย ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของเรา

  สิ่งแวดล้อมถือเป็นหนึ่งในหัวใจของการทำธุรกิจของ Lush Cosmetics บริษัทถือเป็นผู้บุกเบิกผลิตภัณฑ์แชมพู สบู่ โลชันแบบไม่มีบรรจุภัณฑ์ คือ ซื้อขายเป็นก้อนใส่ถุงกระดาษรีไซเคิล

 

 

 

Comments

comments