การฉีดวิตามินผิวกำลังเป็นที่นิยมมากในสมัยนี้ เพราะการฉีดผิวจะช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวได้รวดเร็วกว่าการทาครีม และวิธีอื่นๆ หลายๆ คนจึงหันมาฉีดวิตามินแทนการทาครีมในแต่ละวัน เป็นตัวช่วยผิวขาวใสสำหรับคนไม่มีเวลา แถมยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันอีกด้วย ใครที่ไม่มีความรู้และไม่เคยฉีดมาก่อนอาจอสงสัยว่าการฉีดวิตามินผิวดีจริงไหมมีให้เลือกทำแบบไหนบ้าง ระหว่างการดริปและฉีดต่างกันอย่างไร หลังทำไปแล้วจะมีผลข้างเคียงและอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ สามารถศึกษาได้จากหัวข้อต่อไปนี้ได้เลย

 

ฉีดวิตามินผิว ช่วยให้ขาวจริงไหม ? แล้วต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล

 ฉีดวิตามินผิวคือ

การผลักวิตามินเข้าไปยังเส้นเลือดดำโดยตรง มีชื่อเรียกว่า IV Vitamin therapy หรือ IV Vitamin drip เรียกสั้นๆ ว่า IV (ไอวี) ที่ย่อมาจาก Intravenous (หลอดเลือดดำ) นำวิตามินเข้าไปซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยตรงทันทีจึงทำให้เห็นผลไวกว่าการทาครีมหรือทานยา อาหารเสริม และมีส่วนช่วยในการป้องกันแสงแดด และป้องกันหวัด จึงเหมาะมากๆ สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้อีกด้วย เพราะตัวยาหลักส่วนใหญ่จะเป็น ‘วิตามินซี’ (Vitamin C)


การฉีดวิตามินผิว มีแบบไหนบ้าง?

การรับวิตามินผิวเข้าสู่ร่างกายที่ปลอดภัยมีอยู่ 2 ประเภท คือ การฉีดเข้าที่หน้าหรือที่เราเรียกกันว่า การฉีดเมโส และการฉีดวิตามินเข้าสู่ร่างกาย ส่วนการฉีดวิตามินเข้าสู่ร่างกายจะมีอยู่ 2 วิธีคือ

– การให้วิตามินผ่านสายน้ำเกลือ หรือคำว่า ดริปวิตามิน/ดริปผิว

– การฉีดวิตามินผิว โดยฉีดวิตามินเข้าเส้นเลือดดำบริเวณข้อมือ หรือข้อพับแขน เป็นการผลักวิตามินเข้าเส้นเลือด

ฉีดวิตามินผิว


วิธีการเลือกสูตรวิตามินให้เหมาะกับสภาพผิว?

วิธีการเลือกฉีดวิตามินผิวเลือกว่าเรามีปัญหาผิวด้านไหน และสูตรวิตามินของแต่ละคลินิกก็จะแตกต่างกันออกไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้วในส่วนวิตามินหลักๆ จะมีส่วนประกอบของวิตามินเหล่านี้ เช่น

-วิตามินซี เป็นวิตามินสามัญประจำบ้านที่ทุกคลินิกต้องมี ช่วยในเรื่องของความกระจ่างใสลบเลือนจุดด่างดำ รอยสิว ป้องกันผิวจากแสงแดด รวมถึงยังสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีอีกด้วย

– วิตามินเอ เหมาะสำหรับลดอาการอักเสบของผิว ช่วยลบเลือนจุดด่างดำได้ ช่วยในการลดสิว โดยเฉพาะสิวอักเสบ

– วิตามินบีรวม ในประโยชน์ในหลายๆ ด้าน เรื่องเกี่ยวกับระบบไหลเวียนของเลือด มอบออกซิเจนให้กับผิว ต่อต้านการเกิดการอักเสบในร่างกาย

Vital Glow เป็นสูตรที่มีวิตามินซีเข้มข้น ที่จะมาช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย เร่งผลัดเซลล์ผิว

– Vitamin White Plus ช่วยในเรื่องของบำรุงผม ผิว และ เล็บ หรือคนที่มีปัญหาเรื่องผมร่วงหรือผิวแห้งกร้าน

– Meso Blink เป็นวิตามินที่เข้มข้น ที่ช่วยในเรื่องของความกระจ่างใสมีออร่า

– Extra White plus ฟื้นฟูความเต่งตึงให้กับผิว เน้นการเติมให้ผิวดูฉ่ำมากขึ้น

– Aura White skin มีหัวเชื้อเข้มข้นทำให้ผิวขาวขึ้นอย่างรวดเร็ว

– Fairy Cocktail วิตามินรวม บำรุงให้ผิวกระจ่างใจและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย

– Perfect White Radiance ช่วยในเรื่องของการลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นเช่นเดียวกัน

ฉีดวิตามินผิว


ข้อดี-ข้อเสียของการฉีด

ข้อดี

– แก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด รวดเร็ว ผิวกระจ่างใส ริ้วรอยลดลง และยังสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้อีกด้วย

– เห็นผลลัพธ์ชัดกว่าการบำรุงผิวด้วยวิธีอื่นๆ เพราะเป็นการผลักวิตามินเข้าสู่ผิวโดยตรง

– ปลอดภัย 100% หากเป็นวิตามินแท้ วิตามินจะสลายไปเอง ทำให้ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย

– สามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังแล้วนำไปใช้งานได้ทันที

– เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

ข้อเสีย

– เพราะวิตามินสามารถสลายได้ ต้องทำให้เติมวิตามินเข้าสู่ผิวอยู่เป็นประจำ

– อาจจะได้รับผลกระทบจากการที่รับวิตามินมากเกินไป ทำให้เกิดอาการต่างๆ ได้

– มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนฉีด เพื่อความปลอดภัย

– ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวร


ฉีดวิตามินผิวช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้นได้จริงไหม

การฉีดวิตามินผิวจะเห็นผลชัดเจนขึ้นหลังจากทำไปแล้วประมาณ 3-5 ครั้งขึ้นไป ทั้งนี้ก็จะชึ้นอยู่กับส่วนผสมของตัวยาที่ใช้ เพราะหากในตัวยาดังกล่าวมีส่วนผสมของวิตามินซีอยู่ก็จะช่วยให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงขึ้น ให้สีผิวที่หมองคล้ำค่อยๆ กระจ่างใสขึ้น รวมไปถึงช่วยแก้ปัญหารอยสิว รอยดำให้ค่อยๆ จางลงได้ดีอีกด้วย เนื่องจากตัววิตามินซีนั้นมีส่วนช่วยในการปกป้องผิวจากแสงแดด ช่วยในการสร้างเซลล์ผิวใหม่นอกจากนั้นยังช่วยยับยั้งเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ตัวการในการเกิดรอยดำ เกิดปัญหาผิวหมองคล้ำได้นั่นเอง

ฉีดวิตามินผิว


ฉีดวิตามินผิวบ่อย ๆ ได้หรือไม่ มีผลเสียต่อร่างกายไหม?

เราควรจะฉีดเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ครั้ง อย่างต่อเนื่อง 3-5 สัปดาห์เมื่อได้เห็นผลลัพธ์ที่พึงพอใจแล้วค่อยทิ้งระยะห่างตามลำดับ ตามที่แพทย์แนะนำ เพราะถ้าฉีดวิตามินเข้าสู่ผิวมากเกินไป อาจทำให้เกิดผลเสียได้


ผลข้างเคียงของการฉีดวิตามินผิว

ผลข้างเคียงของการฉีดวิตามินผิว ได้แก่ อาการหน้ามืด เนื่องจากร่างกายได้รับตัวยาในเวลาอันรวดเร็ว รวมไปถึงเกิดอาการอ่อนเพลีย โดยข้อแนะนำคือหลังฉีดคนไข้ควรนั่งพัก ดื่มน้ำและอยู่ในที่อากาศเย็น หายใจสะดวกสัก 15 นาทีเท่านั้นอาการดังกล่าวก็จะหายเป็นปกติ


ฉีดวิตามินผิวแต่ละครั้งใช้ระยะเวลานานไหม

ระยะเวลาในการฉีดวิตามินผิวแต่ละครั้งนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 15-45 นาทีขึ้นอยู่กับวิธีฉีดวิตามินผิว ซึ่งเป็นเป็นการฉีดวิตามินผิวเข้าเส้นเลือดโดยตรงก็จะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 15 นาที แต่เป็นการให้วิตามินผ่านน้ำเกลือหรือแบบดริปจะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 30-45 นาที ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของเราอีกด้วยว่าสามารถรับวิตามินได้ไวมากขนาดไหน


เลือกคลินิกฉีดผิวอย่างไร?

การฉีดวิตามินผิวเป็นการผลักเข้าในเส้นเลือดสามารถเกิดอันตรายต่อตัวเราเองได้หากเราไม่เลือกสถานที่ที่จะเข้ารับการบริการ เพื่อความปลอดภัยของเราและเพื่อจะให้มาช่วยแก้ปัญหาผิวของเราอย่างคุ้มค่า

– เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาต รวมถึงแพทย์ก็ต้องมีการรองรับจากแพทย์สภา

– ราคาที่ไม่แพงหรือถูกจนเกินไป ราคาต้องได้ระดับมาตรฐาน

– เลือกคลินิกที่มีสูตรวิตามินผิวที่จะมาช่วยแก้ปัญหาของเราได้ มีให้เลือก เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด

– รีวิวจากผู้ใช้บริการก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญในการช่วยตัดสินใจ หากมีรีวิวจากผู้ใช้จริงเห็นผลจริงก็สามารถเชื่อถือได้

– มีสาขามากมายใกล้บ้าน เข้าไปใช้บริการได้สะดวก


ใครที่ไม่เหมาะกับการฉีดวิตามินผิว

– บุคคลที่โรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตต่ำ

– ตั้งครรภ์หรือช่วงให้นมบุตร วิตามินสามารถไปเจือปนในเลือด อาจส่งผลกระทบต่อเด็กได้

– ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลิน

– ผู้ที่มีประวัติการแพ้ยา หรือ ประวัติการแพ้วิตามินในรูปแบบของการฉีด

ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ ในแต่ละกรณี แนะนำก่อนเข้ารับควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดถี่ถ้วน


ขั้นตอนในการฉีดวิตามินผิวนั้นมีอะไรบ้าง

  1.       การฉีดวิตามินผิวบางตัวคนไข้อาจจะต้องรับการตรวจสุขภาพก่อน
  2.       ทำความสะอาดผิวบริเวณข้อพับ
  3.       เริ่มฉีดวิตามินและค่อยๆ ปล่อยวิตามินเข้าสู่ร่างกายจนครบโดส
  4.       ทำการแปะพลาสเตอร์ปิดแผลและห้ามเลือดในจุดที่ฉีด
  5.       ในการฉีดวิตามินบางตัวคนไข้อาจจะต้องมีการนั่งพักสัก 15 นาทีแล้วจึงค่อยกลับบ้าน 

การดูแลตัวเองก่อนฉีดวิตามินผิว

  นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมดูดซึมรับเอาวิตามินไปใช้

  ก่อนฉีดวิตามินไม่ควรอดอาหารอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียและหน้ามืดได้ง่ายกว่าปกติ

  หากก่อนหน้ามีการไปฉีดวัคซีนต่างๆ เช่น วัคซีน HPV, วัคซีน COVID-19 ควรเว้นระยะสัก 1-2 สัปดาห์ก่อนค่อยมาฉีดวิตามิน

  ก่อนฉีดคนไข้ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมินสุขภาพร่างกายเพื่อใช้เลือกสูตรวิตามินที่เหมาะสมกับร่างกาย รวมทั้งควรแจ้งเกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่ทานเป็นประจำ รวมถึงประวัติการแพ้ยาให้แพทย์ทราบ


การดูแลตัวเองหลังการฉีดวิตามินผิว

หากต้องการให้ผลลัพธ์จากการฉีดวิตามินผิว เห็นผลและอยู่ได้นาน ก็สามารถขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดด้วย หลังการฉีดวิตามินแล้วควรทำอย่างไรบ้าง

– ดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ ให้เพียงพอ เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพจากภายใน

– หลีกเลี่ยงการออกแดด หรือกิจกรรมกลางแจ้ง ควรจะต้องทากันแดดอย่างเป็นประจำ

– ทาครีมบำรุง เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว

– ดูแลบำรุงควบคู่ไปกับวิธีอื่น เช่น การกินวิตามิน อาหารเสริม ทางอาหารที่มีประโยชน์

– พักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อคงสภาพผิวไม่ให้กลับมาเสื่อมโทรม

– หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะอาจจะทำให้วิตามินเสื่อมสภาพได้


ฉีดวิตามินกินอาหารเสริมได้ไหม

หลังเข้ารับการฉีดวิตามินคนไข้สามารถทานอาหารเสริมบำรุงร่างกายได้ตามปกติ แต่อาจจะต้องงดเว้นการทานก่อนใน 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีดเพื่อป้องกันการรับวิตามินเกิดความต้องการของร่างกายได้


ราคาฉีดวิตามินผิว แพงไหม?

ราคาของวิตามินขึ้นอยู่กับแต่ละสูตรและแต่ละคลินิก โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ราคา 500 – 5,500 บาท ต่อครั้ง สำหรับการฉีดวิตามินผิว

สรุป

การ ฉีดวิตามินผิว เข้าสู่เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากเพราะเป็นการผลักวิตามินเข้าสู่ผิวโดยตรง การฉีดวิตามินผิวถือเป็นการ เติมสารอาหารและวิตามินที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึก และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน แก้ไขปัญหาตรงจุด รวดเร็ว และปลอดภัย  แต่อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้หากได้รับในปริมาณที่ไม่เหมาะสม หรือ ไม่ได้เข้ารับการบริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การเลือกวิตามินให้เหมาะสมกับผิว ควรทราบสาเหตุหรือความต้องการของตัวเอง และมองหาวิตามินที่สามารถตอบโจทย์ได้

Comments

comments