สวัสดีค่าสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน ช่วงนี้เข้า Netflix ทีไรเหมือนจะได้ Recommended หรือมีอนิเมะแนะนำแนวนี้ขึ้นมาตลอด พอเห็นแเป็นแบบนี้ก็เลยลองดูซักหน่อย ไหนๆ ก็ได้มีโอกาสดูแล้ว ถือช่วงเวลานี้เก็บเกี่ยวมาเป็นลิสต์ไว้ให้สาวๆ สายเมะได้ลองดูกัน Clubsister วันนี้ขอเสนอ “4 อนิเมะเกี่ยวกับกีฬา บน Netflix บอกเลยดูแล้วลุ้น! ไม่แพ้ชีวิตจริง!” บอกเลยว่าแต่ละเรื่องเน้นกีฬาแต่ละประเภทไม่เหมือนกัน ไม่เพียงแค่นั้นยังแถมข้อคิด พร้อมวิธีการใช้ชีวิตที่นอกเหนือจากความมันส์ของกีฬาให้กับสาวๆ ได้รับชมกันอีกด้วย งั้นอย่ารอช้าไปเริ่มที่เรื่องแรกกันเลยค่า
“4 อนิเมะเกี่ยวกับกีฬา บน Netflix บอกเลยดูแล้วลุ้น! ไม่แพ้ชีวิตจริง!”
เรื่องที่ 1: Haikyuu (คลิกเพื่อรับชม)
ชื่อภาษาไทย: ไฮคิว!! คู่ตบฟ้าประทาน
จำนวนซีซั่น: 4 ซีซั่น
ประเภทกีฬา: วอลเล่ย์บอล
ระดับความสนุกของเรื่อง: 5 / 5
อนิเมะเกี่ยวกับกีฬาเรื่องแรกที่เราอยากนำเสนอและแนะนำให้สาวๆ ชาวซิสทุกคนหรือใครที่เป็นคอสายเมะได้ดูกันนั้นคือเรื่อง “Haikyuu” หรือในชื่อไทยที่ว่า “ไฮคิว!! คู่ตบฟ้าประทาน” อนิเมะชื่อดังทางฝั่งเจแปนที่สร้างมาจากมังงะที่มาจากชื่อเดียวกัน เป็นเรื่องราวของ ฮินาตะ เด็กหนุ่มวัยมัธยมที่ได้รับชมการแข่งขันวอลเลย์บอลและเกิดประทับใจขึ้น “มือตบหรือเอซของทีมที่มีฉายาว่า เจ้ายักษ์น้อย” ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาเกิดความประทับใจและเริ่มเล่นวอลเลย์บอลแบบจริงจัง เพราะความฝัน ความมุ่งมั่นนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขารู้จักคำว่ามิตรภาพและประสบการณ์ที่ดีอย่างแท้จริง
บอกตามตรงเลยว่าตอนแรกเราไม่เคยรู้จักอนิเมะที่เกี่ยวกับกีฬาเรื่องนี้มาก่อนเลย แต่พอได้ลองเข้าไปดู เท่านั้นแหละ !! งอมแงมเลยหยุดดูไม่ได้ ไม่มีวินาทีไหนเลยที่ทำให้รู้สึกเบื่อ หรือ เนือย ๆ ง่วงนอน ยิ่งดูเรายิ่งเห็นการพัฒนาของตัวละครแต่ละตัวมากขึ้น ไม่ใช่ในแง่ของเทคนิคการเล่นวอลเลย์บอล (ที่ไม่เคยรู้มาก่อน) หรือการพัฒนาทางร่างกาย แต่เห็นการเปลี่ยนแปลงในแง่ทัศนคติ ความคิด และจิตใจมากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ นี้ มันทำให้เราซาบซึ้งและอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก
อีกทั้งยิ่งดูยิ่งทำให้เรารู้จักคำว่า หน้าที่และบทบาทของเราและคนในทีมหรือในสังคมมากขึ้น และนี่คือข้อคิดใหญ่ ๆ ที่ทำให้เราประทับจำ จนน้ำตาคลอทุกครั้ง (อินมากไปหน่อย) ในสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะกลุ่มเล็กหรือใหญ่ เราทุกคนล้วนมีบทบาทและหน้าที่แตกต่างกัน และการที่เราจะพัฒนาและเดินทางไปหาจุดมุ่งหมายที่เหมือนกันได้นั้น เราไม่สามารถลุยเดี่ยวไปได้ด้วยตัวของเราเอง เรายังคงต้องพึ่งพาหน้าที่และความสามารถของทุกคนในทีม ในสังคมที่อยู่ เพราะนี่คือ “ทีม” บอกได้เลยว่าอนิเมะเรื่องนี้ ทำให้เรารู้จักคำว่าการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม / ทีม และ ทำให้เรารู้จักเคารพบทบาท หน้าที่ของคนอื่น ๆ มากขึ้น อีกทั้งต้องไม่ดูถูก ย่อท้อ หรือ มองข้ามหน้าที่ของตนเอง
เรื่องที่ 2: Free! (คลิกเพื่อรับชม)
ชื่อภาษาไทย: ชมรมว่ายน้ำอิวาโทบิ
จำนวนซีซั่น: 1 ซีซั่น
ประเภทกีฬา: ว่ายน้ำ
ระดับความสนุกของเรื่อง: 4 / 5
อนิเมะเกี่ยวกับกีฬาเรื่องที่เราอยากจะนำเสนอให้สาวๆ กันนั้น บอกเลยว่าเราไม่ได้อยากจะมาเอาใจสาวๆ สายเมะเพียงอย่างเดียว แต่เราขอเอาใจสาวๆ สายวายด้วยเช่นกัน และอยากแอบกระซิบๆ เบาๆ ข้างหูว่า “โดนตกแน่ๆ” กับอนิเมะเรื่องนี้ Free! อนิเมะที่สร้างมาจากนิยายจากแดนปลาดิบที่ใช้ชื่อว่า “High Speed!” เป็นเรื่องราวของ นานาเสะ ฮารุกะ เด็กหนุ่มชมรมว่ายน้ำที่กำลังก้าวผ่านจากวัยมัธยมต้นสู่มัธยมปลาย เขารักการว่ายน้ำและสายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ ตอนที่เขาอยู่มัธยมต้นนั้นเคยลงแข่งทัวร์นาเม้นท์กับเพื่อนๆ ในชมรมเดิมมาแล้ว
แต่ทว่าเมื่อถึงจุดเปลี่ยนต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปใช้ชีวิต ฮารุกะตัดสินใจเข้าโรงเรียนมัธยมอิวาโทบิ จนทำให้เขาได้เจอกับ มัตซึโอกะ ริน คู่แข่งตัวฉกาจของฮารุกะในอดีต นั่นทำให้เขาฮารุกะอยากแข่งว่ายน้ำอีกครั้ง ในขณะที่แข่งอย่างไม่เป็นทางการนั้น ก็ได้รู้ผลแพ้ชนะ โดย ริน เป็นฝ่ายชนะ และสะท้อนให้เห็นว่า ฝีมือของเขานั้นก้าวไกลกว่าฮารุกะเป็นไหน ด้วยเหตุนี้ทำให้ฮารุกะ อยากกลับมาเป็นจ้าวแห่งสระและกลับมาว่ายน้ำอีกครั้ง
สิ่งที่ทำให้เราคิดว่าอนิเมะเกี่ยวกับกีฬาเรื่องนี้น่าสนใจและน่าติดตามเลยคือ หนุ่มๆ ในเรื่อง (เอ่ย!) ไม่ใช่ (ก็ด้วยแหละ) สิ่งที่ทำให้เราเกิดความสนใจในอนิเมะเรื่องนี้เลยคือ การถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กวัยรุ่น สะท้อนออกมาในรูปแบบ Coming of Age หรือ การก้าวพ้นวัย โดยเด็กหนุ่มในวัยนี้เป็นวัยที่เรียกว่าเลือดร้อน ทำตามเป้าหมายและมุทะลุเป็นที่สุด อีกทั้งในขณะเดียวกันกีฬาว่ายน้ำนั้น เราอาจจะคิดว่าเป็นกีฬาที่ไม่เห็นจำเป็นต้องมีความเป็นทีมเลย ความสามารถใครก็ความสามารถมัน แต่ไม่เลยไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันแบบใด กีฬาไหนๆ ถึงแม้จะแข่ง ด้วยตัวเราเองหรือมีวิธีนับคะแนนแบบเดี่ยว สุดท้ายแล้ว เราจะทำทุกอย่างด้วยตัวเราเองไม่ได้ ทุกคนมีความถนัดที่แตกต่างกัน และเราควรเคารพและเชื่อใจความถนัดและหน้าที่ที่ต่างคนต่างได้รับ และนั่นแหละคือ “ทีม”
- ส่อง! 5 ตัวละครจาก อนิเมะชื่อดัง ที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคจิต
- ปลุกความหึกเหิมในตัวคุณ! กับ 5 การ์ตูนอนิเมะปลุกใจ บน Netflix ดูแล้วรับรองมีไฟ
- ไม่อยากหิวตอนดึกอย่าดู!! 5 อนิเมะทําอาหาร แนะนำ เห็นปุ๊บเป็นต้องหาอะไรกินปั๊บ!
เรื่องที่ 3: Kuroko’s Basketball (คลิกเพื่อรับชม)
ชื่อภาษาไทย: คุโรโกะ นายจืดพลิกสังเวียนบาส
ประเภทกีฬา: บาสเก็ตบอล
จำนวนซีซั่น: 3 ซีซั่น
ระดับความสนุก: 4.5 / 5
และก็มาถึงอนิเมะเรื่องรองสุดท้ายของลิตส์นี้กัน สาวๆ ที่เป็นสายเมะและสายอนิเมะเกี่ยวกับกีฬา น่าจะคุ้นชื่อหรือคุ้นหน้าคร่าตาของตัวละครในเรื่องกันมาบ้าง และเรื่องนี้ก็คือ “Kuroko no Basket” หรือ “คุโรโกะ นายจืดพลิกสังเวียนบาส” เป็นเรื่องราวของ คุโรโกะ เท็ตสึยะ อดีตนักบาสเก็ตบอลในชมรมทีมบาสเก็ตบอลของโรงเรียนมัธยมต้นเทย์โค ที่เรียกได้ว่าเป็นทีมบาสระดับมัธยมที่เก่งอันดับต้นๆ ของประเทศ คุโรโกะเป็นอดีตนักบาสลำดับที่ 6 ที่ได้รับฉายาที่ว่า “ผู้เล่นมายาคนที่ 6” เป็นผู้เล่นในเงามืด หรือ เรียกได้ว่าเป็นตัวพลิกเกมเลยก็ว่าได้
แต่เมื่อเวลาผ่านไป สมาชิกคนอื่นๆ ต่างแยกย้ายไปเข้าทีมโรงเรียนมัธยมปลายที่มีชื่อเสียงกันทั้งนั้น ในส่วนของคุโรโกะเข้ามัธยมเซย์ริน จนเขาได้เจอคู่หูคนใหม่อย่าง คางามิ ไทกะ นักกีฬาบาสเก็ตบอลชั้นปีที่ 5 ที่เพิ่งกลับจากต่างประเทศ และนั่นทำให้ คุโรโกะ และ คางามิ เจอผู้ร่วมอุดมการณ์ร่วมกันอย่างการขึ้นเป็นทีมลาสอันดับหนึ่งของประเทศและล้มอดีต 5 นักบาสที่เก่งอันดับต้นๆ ให้ได้
ความเข้มข้นและความสนุกของอนิเมะเกี่ยวกับกีฬาเรื่องนี้อาจจะมีความคล้ายคลึงกับ Haikyuu เล็กน้อย แต่ทว่าจุดเริ่มต้นของแต่ละตัวครแตกต่างกัน Haikyuu อาจจะมีจุดเริ่มต้นมาจากแรงบันดาลใจที่อยากจะเก่งและเท่เหมือนคนในอดีตจนทำให้ค้นพบอะไรบางอย่าง แต่สำหรับเรื่องนี้
Kuroko no Basket จุดเริ่มต้นอาจเกิดจากคนที่มีความรักและความมุ่งมั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่แค่อยากขึ้นไปถึงจุดสุดยอดของความชอบของตนเองให้ได้
แน่นอนพล็อตของเรื่องอาจไม่ได้แตกต่างอะไรจากอนิเมะกีฬาหรืออเนิมะวัยมัธยม แต่สิ่งที่ทำให้อนิเมะเรื่องนี้มีสเน่ห์และน่าติดตามเลย คือความดุเดือดและการได้เห็น Character Development เหมือนเรื่องอื่นๆ บางตัวละครที่เราเห็นในตอนแรก เราอาจคิดว่าเอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่เท่าไร แต่ระยะเวลาผ่านไปกลับเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขาทีละเล็กละน้อย ไม่ใช่แค่ทางร่างกายหรือทักษะ แต่มันรวมถึงสภาพจิตใจและความคิดของแต่ละตัวละครอีกด้วย
เรื่องที่ 4: Run with the wind (คลิกเพื่อรับชม)
ชื่อภาษาไทย: วิ่งตามฝัน
ประเภทกีฬา: วิ่งผลัด
ระดับความสนุก: 4 / 5
และอนิเมะเกี่ยวกับกีฬาเรื่องสุดท้ายที่เราอยากแนะนำให้สาวๆ ได้ดูกันนั้น อาจจะขอออกตัวก่อนว่าอนิเมะเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่อนิเมะแนววัธยมวัยใสหรือวัยรุ่นที่มีความใฝ่ฝันอันแรงกล้า แต่เป็นอนิเมะที่สะท้อนให้เห็นการวิ่งตามความฝันและการเดินออกจาก Confort Zone ของตนเอง โดย Run with the wind เป็นอนิเมะที่สร้างมาจากนิยายและมังงะชื่อดังโดยที่ใช้ชื่อญี่ปุ่นว่า “Kaze ga Tsuyoku Fuiteiru” หรือนิยายชื่อไทยที่ว่า “วิ่งตามฝัน” เป็นผลงานการเขียนของอาจารย์ Shion Miura
พูดถึงเรื่องราวของกลุ่มนักศึกษาชายที่อาศัยในหอพักเก่าๆ ใกล้มหาวิทยาลัยคันเซ แต่เดิมทีในหอพักนี้มีนักศึกษาเข้าพักทั้งหมด 9 คน ซึ่งหน้าที่ในการดูหอพักและอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้กับคนในหอคือ ไฮจิ หรือที่ใครๆ เรียกเขาว่า ไฮจิซัง แต่ทว่าความฝันของไฮจิซังนั้น คือการเฝ้ารอสมาชิกหอพักคนที่ 10 เพื่อก่อตั้งชมรมวิ่งผลัดและนำเอาชมรมนี้เข้าแข่งขันให้จงได้ จนกระทั่งเขามาเจอกับ คุโระฮาระ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่เป็นอดีตนักกีฬาชมรมวิ่งที่มีอนาคตไกล ได้เข้ามาพักที่นี่ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการวิ่งตามความฝันของเหล่าสมาชิกชมรมวิ่งทั้ง 10 คน
สิ่งที่ทำให้เราชอบอนิเมะเกี่ยวกับกีฬาเรื่องนี้เลย คงหนีไม่พ้นการดำเนินเรื่องและการให้ข้อคิดที่เหมาะกับวัยผู้ใหญ่และวัยทำงานอย่างเราเสียเหลือเกิน เราอาจจะคุ้นชินกับอนิเมะวัยมัธยมที่ถ่ายทอดจุดประสงค์อันแรงกล้าของเด็ก โดยที่มีเพียงหน้าที่เดียวคือการเรียน แต่ทว่าเรื่องนี้กลับนำเสนอออกมาได้อย่างแตกต่าง พอเราเข้าใกล้วัยทำงานอย่างการเป็นนักศึกษานั้น การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ได้มาถึง ภาระหน้าที่ ที่แตกต่างออกไป การบริหารเวลา การวิ่งตามความฝันในสายอาชีพและการดำเนินชีวิตเริ่มเข้ามาแทนที่
อนิเมะเรื่องนี้ถ่ายทอดและสะท้อนให้เราตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี ในแต่ละตอนที่เราดูเราจะได้เห็นความแตกต่างของแต่ละตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่มีความฝันที่ชัดเจน, ตัวละครที่ใช่ชีวิตผ่านไปวันๆ, ตัวละครที่ความสุขคือการไม่ทำอะไรและนั่งอ่านการ์ตูนพร้อมจินตนาการถึงสิ่งที่ตนเองทำไม่ได้ และอื่นๆ อีกมากกมาย แต่ทว่าทุกๆ คนมีจุดเดียวที่เหมือนกันนั้นก็คือ การอยู่ในชมรมวิ่ง ซึ่งบางคนเต็มใจ บางคนไม่เต็มใจ และนั่นก็คือบททดสอบของการก้าวข้าม Comfort Zone ที่เราอยู่ บอกเลยว่าอนิเมะเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งอนิเมะที่สะท้อนสังคม, ความกดดัน และ การสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตวัยผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี
Photo Credit:
Stay connected