สวัสดีค่ะสาวๆทุกคน เชื่อว่าสาวๆหลายคนเวลาจะซื้อเครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพวกสกินแคร์ต่างๆ ก็ต้องมีการค้นคว้าหาข้อมูล อ่านรีวิวสินค้าต่างๆ ที่หลายคนเค้าว่าดี เค้าว่าเด็ด ใช้แล้วไม่แพ้ ผิวดี สิวหาย หน้าไม่มัน ชุ่มฉ่ำ อิ่มน้ำ อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะบลาๆ สุดท้ายพอเราซื้อมาใช้เองกับไม่รู้สึกดีแบบนั้น จะให้เลิกใช้ก็เสียดาย แต่ถ้าใช้ต่อไปก็ไม่ได้ดีกับผิวของเรา วันนี้เราจะมาฟันธงด้วย “6 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณเลือกสกินแคร์ผิดตัว” ให้สาวๆได้รู้ไว้ หากมี 6 สัญญาณเหล่านี้บ่งบอกออกมา นั่นหมายถึงว่าสาวๆ ควรที่จะ เลิก” ใช้สกินแคร์ตัวนั้นซะก่อนที่หน้าจะพังกันค่ะ สาวๆคงอยากรู้แล้วว่า “6 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณเลือกสกินแคร์ผิดตัว” จะมีอะไรบ้าง งั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าค่ะ

 

#1 ระคายเคืองผิว (คัน, แดง ,แสบร้อน)

สาวๆที่ได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ครั้งแรก แล้วมีความรู้สึกว่าผิว แสบร้อน, คัน , มีผื่นแดง” ขึ้น ถ้าเจอกับอาการเหล่านี้ให้สาวๆรีบหยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้นทันทีนะคะ เพราะว่านั้นเป็นอาการบอกว่าผิวเราแพ้กับส่วนผสมบางตัวของผลิตภัณฑ์นั้น เกิดใช้ต่อหน้าเราจะพังได้ แต่ผลิตภัณฑ์สกินแคร์รักษาสิวบางตัวที่มีส่วนผสมของพวก benzoyl peroxide ซึ่งเป็นสารที่สามารถทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง หรือขึ้นผื่นแดงได้ แต่ถ้าเป็นแล้วไม่หายติดต่อกันหลายวัน สาวๆก็ไม่ต้องลังเลใจที่จะโยนผลิตภัณฑ์นั้นทิ้งได้เลยนะคะ  แต่ถ้าหากยังไม่แน่ใจอีกจริงๆ ลองผสมพวก Moisturizer  เข้ากับสกินแคร์นั้น เพื่อให้เจือจางลงแล้วลองทาใหม่ ถ้ายังเกิดอาการเดิมอยู่ก็ขอให้เลิกเถอะค่ะ ไม่ว่าสกินแคร์ตัวนั้นจะซื้อมาแพงแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่คุ้มที่จะเอาหน้าอันบอบบางของเรามาเสี่ยงกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ค่ะ แถมถ้าแพ้มากๆ ต้องไปให้หมอรักษาเสียค่ายาแพงหนักเข้าไปอีก ไม่คุ้มเลยนะคะ!!

 

#2 สิวผดขึ้นทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน

สำหรับสาวๆที่มีปัญหาผิวหลังจากใช้สกินแคร์แล้วเกิดสิวผด หรือเม็ดเล็กๆ เกิดขึ้นที่ใบหน้า ทำให้เวลาจับที่ใบหน้าจะสัมผัสได้ถึงความไม่เรียบเนียน สิ่งนี้เป็นอาการหนึ่งที่บ่งบอกว่าผิวของสาวๆ ไม่ถูกกับสูตรของสกินแคร์ตัวนั้น ดังนั้นเวลาเลือกผลิตภัณฑ์สกินแคร์ให้พยายามหลีกเลี่ยงสูตรเหล่านั้นไป เช่น ปกติเป็นคนหน้าเนียน แต่พอมาใช้พวกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของออยล์แล้วทำให้เกิดสิวผด หรือเม็ดเล็กๆ บนใบหน้า ดังนั้นรอบหน้าเวลาสาวๆ เลือกสกินแคร์ก็ขอให้หลีกเลี่ยงสูตรที่มีส่วนผสมของพวกออยล์ เพื่อที่จะไม่ให้ผิวเกิดอาการเหล่านี้จ้า แล้วก็อย่าไปเสียดายกับผลิตภัณฑ์ตัวนั้น เลิกใช้ซะก่อนที่หน้าสาวๆจะพังกว่าเดิมดีกว่านะคะ

 

#3 สิวขึ้นหน้า

เป็นปกติที่เวลาเราเปลี่ยนสกินแคร์ตัวใหม่ ผิวหน้าเราจะใช้เวลาปรับตัวประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ แต่ถ้าใช้มาสักพักหนึ่งแล้วรู้สึกว่ายิ่งทา สิวก็ยิ่งขึ้น หน้าจากที่เคยเนียนใส กลับกลายเป็นสาวหน้าสิวแทน ก็ให้คิดไว้เลยว่าผลิตภัณฑ์สกินแคร์ตัวนี้ไม่เหมาะกับเรา และก็ถึงเวลาที่เราจะต้องใส่ Converse แยกทางกับสกินแคร์ตัวนั้นซะ!! สำหรับสาวที่มีผิวแพ้ง่าย ให้ลองเป็นสกินแคร์พวก non-comedogenic หรือ เครื่องสำอางที่ไม่อุดตันรูขุมขน ช่วยลดการเกิดสิวอุดตัน หรือจะเป็นสกินแคร์พวกที่มีสูตร lighter water based ก็จะปลอดภัยกับผิวหน้ามากกว่าค่ะ

 

#4 หน้ามันเกิน หรือ หน้าแห้งเกิน

สำหรับสาวๆที่ใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ตัวใหม่แล้วรู้สึกว่าหน้ามันมากขึ้น หรือหน้าแห้งมากขึ้นก็ควรที่จะหยุดใช้สกินแคร์ตัวนั้นนะคะ เพราะว่านั้นหมายถึงเราไม่ถูกกับส่วนผสมบางตัวในสกินแคร์ตัวนั้น เช่นสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์จะทำให้ผิวหน้าแห้งมากขึ้นได้ หรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมันที่แรงจนเกินไปก็อาจทำให้ใบหน้าของเราผลิตน้ำมันออกมามากกว่าเดิม คราวนี้หน้ามันเพิ่มขึ้นไปอีก ถ้าเจออาการเหล่านี้ก็ขอให้เลิกใช้ และเปลี่ยนเป็นสกินเคร์ตัวอื่นแทนนะคะ

 

#5 ผิวมีความไวต่อแสง

สาวๆที่ใช้สกินแคร์ที่มีสาร AHA และ benzoyl peroxide ผสมอยู่ ซึ่งส่วนมากจะพบอยู่ในสกินแคร์ที่ช่วยรักษาสิว ซึ่งสารเหล่านี้จะทำปฏิกิริยาบางอย่างกับผิวทำให้ผิวมีความไวต่อแสงมากกว่าปกติ ถ้าใช้สกินแคร์เหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าผิวไวต่อแสงแดด รู้สึกแสบร้อนบนใบหน้ามากขึ้นเวลาโดนแสง ก็อาจจะเลิกใช้สกินแคร์ตัวนั้นไปเลย หรือไม่สาวๆ ก็ลองเปลี่ยนเวลาในการทาครีมตัวนั้นจากที่เคยทาตอนเช้าก็เปลี่ยนมาทาตอนกลางคืนก่อนนอนแทน หรือทาเมื่อเวลาเราไม่ต้องออกไปข้างนอกก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ทำให้ผิวหน้าของเราเสียด้วย

 

#6 ใช้แล้วไม่มีผลใดๆ ต่อผิวหน้าเลย

เวลาที่สาวๆลองผลิตภัณฑ์สกินแคร์ตัวใหม่มันยากเหมือนกันที่จะไม่ใจร้อน เพราะใครๆ ก็อยากเห็นผลลัพธ์ที่ดีอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องเข้าใจนะคะว่าครีมปกติที่เราทาไม่ได้เป็นครีมวิเศษที่สามารถเสกให้หน้าสวยได้เลยภายในข้ามคืน เราอาจจะต้องให้เวลากับมันบ้าง แต่เวลาเราควรให้มากน้อยเท่าไหร่? อันนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละประเภทของผลิตภัณฑ์นั้นเลยค่ะ ถ้าเป็นครีมที่ช่วยบำรุงผิวหรือรักษาสิวเฉพาะจุด จะใช้เวลาประมาณ 10 วัน ส่วนครีมลดเลือนริ้วรอย และรอยคล้ำใต้ตาปกติใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ส่วนพวกผลิตภัณฑ์ Moisturizer และมาสก์ที่ช่วยเติมน้ำให้กับผิวมักจะเห็นผลในทันทีหลังใช้ ส่วนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ถ้าลองสกินแคร์เหล่านี้แล้ว ให้เวลากับมันแล้ว ยังไม่เห็นผลใดๆ ก็ถึงเวลาที่สาวๆ จะบอกลากับสกินแคร์เหล่านั้นไปเลยค่ะ ไม่ว่าจะถูก จะแพงแค่ไหน แต่ถ้าใช้แล้วไม่เห็นผล ก็เท่านั้นล่ะเนอะ

 

และนี่ก็คือ หยุดก่อนหน้าพัง!! กับ 6 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณเลือกสกินแคร์ผิดตัว” จะลงทุนซื้อสกินแคร์บำรุงผิวครั้งหนึ่งก็อยากให้สาวๆลองให้แน่ใจกันก่อนว่าทาแล้วจะไม่มีแพ้ ไม่ทำให้หน้าพัง ปลอดภัย และที่สำคัญต้องเห็นผลด้วย หากไม่ครบตามคุณสมบัติเหล่านี้สาวๆก็ไม่ต้องไปเสียดาย อาลัยอาวรณ์มากมาย ลองเปลี่ยนเป็นสกินแคร์ตัวอื่น สูตรอื่น แบรนด์อื่นดูบ้าง บางทีสิ่งที่เราใช้แล้วโดน อาจไม่ใช่ตัวเดียวกันกับสิ่งที่หลายๆคนใช้กันก็เป็นได้ค่ะ ถ้าเจอตัวที่ใช่ ราคาแพงแค่ไหนก็ยอมสู้ 555 ><

อ้างอิง: http://www.herworld.com/beauty/tips/6-signs-you-are-using-wrong-skincare

Comments

comments