สวัสดีค่ะ ชาว Clubsister ทุกคน ในวันนี้ เรามีเรื่องราวเกี่ยวกับ ตำนานมัมมี่ และ ชีวิตหลังความตาย ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ มาเล่าให้ฟังกันค่ะ
เนื่องจากวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา มีงานพิธีของประเทศอียิปต์ ที่จัดขบวนแห่ ย้ายมัมมี่ ของฟาโรห์ และ ราชินี ทั้งหมดจำนวน 22 ร่าง ไปยังพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ ซึ่งหลาย ๆ คนได้แสดงความคิดเห็น ชื่นชมการจัดงานครั้งนี้ เนื่องจากความ ยิ่งใหญ่ อลังการ ของงาน
และหลังจากที่ได้ดูด้วยตัวเอง ก็รู้สึกอินค่ะ! รู้สึกว่า ความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย และ ตำนานมัมมี่ ของอียิปต์ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ มันทั้ง มีเสน่ห์ ลึบลับ และน่าพิศวงสุด ๆ และก็คิดว่า หลาย ๆ คนที่ได้ดูงานนี้ก็คงจะรู้สึกเหมือนกัน จึงอยากค้นหาเรื่องราวเหล่านี้ และมาเล่าให้ทุกคนได้ฟังกันค่ะ
เมื่อย้อนกลับไปนับพันปีก่อนคริสตศักราช ยังเป็นเวลาที่อารยธรรมอียิปต์โบราณ ยังรุ่งเรืองอยู่ พวกเขาเป็นนักสร้างสรรค์อารยธรรม ทั้งสร้างสิ่งก่อสร้าง ทำระบบชลประทาน ทำการเกษตร เป็นนักคิด นักปรัชญา และได้ทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ อันน่าทึ่งให้แก่โลกของเรา แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว พวกเขายังมีความเชื่อ เกี่ยวกับชีวิตหลังความตายอีกด้วย!
พวกเขามีแนวคิด ที่เกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย ทั้งหมด 3 ข้อหลัก ๆ คือ
ยมโลก , การมีชีวิตนิรันดร์ และ การกลับมาเกิดใหม่ของดวงวิญญาณ
ตำนานมัมมี่ ของชาวอียิปต์โบราณ ชีวิตหลังความตายเป็นยังไง!
- ชีวิตนิรันดร์ ชาวอียิปต์โบราณทั่วไปหวังว่า จะได้ใช้ชีวิตที่เป็นนิรันดร์ในทุ่งต้นกก ซึ่งก็มีลักษณะคล้ายกับโลกที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ เพียงแต่ว่าดีกว่า แต่ก่อนจะมาใช้ชีวิตที่นี่ได้ จะต้องผ่าน บททดสอบ ณ ยมโลกก่อน
- ยมโลก หรือที่เรียกเป็นภาษาอียิปต์ว่า “ดูอัต” (Duat) ซึ่งจะสามารถเข้าผ่านทางสุสานฝังศพเท่านั้น เมื่อเข้ามาที่ดินแดนแห่งนี้ จะต้องยืนต่อหน้าคณะตุลาการ 42 องค์ และสาบานว่าไม่เคยทำบาปใด ๆ เมื่อสาบานเรียบร้อยแล้ว จะมีการชั่งน้ำหนักหัวใจโดยเทียบน้ำหนักกับขนนกแห่งความจริง ถ้าหัวใจหนักกว่าขนนก จะถูกปีศาจที่มีหัวเป็นจระเข้กินและหายไปตลอดกาล แต่ถ้าน้ำหนักเท่ากัน จะพบกับเทพเจ้าที่ชื่อว่า โอซิริส (Osiris) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความตาย และการฟื้นคืนชีพ และได้เดินทางไปดินแดนต้นกก
- การกลับมาเกิดใหม่ เนื่องจากแนวคิดเรื่อง ‘ชีวิตนิรันดร์’ ของชาวอียิปต์ มักมาในรูปแบบของการเกิดใหม่ไปเรื่อย ๆ ดังนั้น ดวงวิญญาณของผู้ที่ ได้ใช้ชีวิตอย่างดี จะถูกนำไปหาเทพ โอซิริส เพื่อเกิดใหม่อีกครั้ง
และเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตหลังจากที่ตายที่ดินแดนต้นกกแล้ว ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ จะต้องทำความดี ตามค่านิยมของอียิปต์โบราณ และต้องผ่านการทำพิธี ตามประเพณีต่าง ๆ ของอียิปต์ ซึ่งส่วนนี้ จะเป็นหน้าที่ของคนเป็น หรือคนที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นเอง และทั้งหมดนี้ ก็เพื่อการเดินทางไปสู่โลกหลังความตายได้อย่างราบลื่น
ซึ่งการทำพิธีงานทำงานศพนั้น มีส่วนประกอบมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ การทำมัมมี่ นั่นเอง!
เพราะการทำมัมมี่ เป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อ เรื่องการมีชีวิตหลังความตาย ชาวอียิปต์โบราณ เชื่อว่าจำเป็นต้องเก็บรักษาร่างกายของผู้ที่ตายแล้วเอาไว้ เพื่อการกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ในชีวิตหลังความตาย
เริ่มแรก ชาวอียิปต์เชื่อว่า ร่างกายของพวกเขาจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากกทารท่องโลกหลังความตาย (ดินแดนต้นกก) เสร็จสิ้นแล้วเรียบร้อย และเมื่อชาวอียิปต์ตระหนักว่าร่างกายของคนตายจะสลายไป พวกเขาจึงหาวิธีป้องกันร่างกายไม่ให้เสื่อมสลาย เพื่อรอวันที่ดวงวิญญาณจะกลับมา
วิธีการทำมัมมี่ ได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องเล่า เกี่ยวกับเทพเจ้าในอียิปต์ ซึ่งนี่ก็คือ ตำนานมัมมี่ ที่เรากำลังจะพูดถึงกัน เป็นเรื่องของเทพเจ้าองค์เดิม ที่เราเคยพูดถึงไปแล้วก่อนหน้านี้ นั่นก็คือ ‘โอซิริส’
โอซิริส มีน้องสาว ชื่อ ‘ไอซิส’ และน้องชายชื่อ ‘เซท’ โดยที่โอซิริส ทำหน้าที่ปกครองโลก จนกระทั้ง ‘เซท’ ได้ฆ่าเขา จากนั้นจึงตัดชิ้นส่วนของโอซิริสออกเป็นส่วน ๆ กระจายทั่วอียิปต์ โชคดีที่ไอซิส มีเวทมนตร์ จึงตามหาชิ้นส่วนทั้งหมดของโอซิริส และนำมาเชื่อมต่อกันโดยใช้ ผ้าลินิน ทำให้โอซิริส กลับมามีชีวิต และมีลูกชายด้วยกันชื่อ ฮอรัส เมื่อฮอรัสเติบโต จึงแก้แค้นที่พ่อของตัวเองถูกฆ่า และขึ้นปกครองโลก ในขณะที่โอซิริสกลายเป็นเจ้าแห่งความตายและการฟื้นคืนชีพ
จะเห็นว่า วิธีที่ไอซิส ชุบชีวิตให้โอซิริสด้วยผ้าลินินนั้น เป็นวิธีเดียวกันกับการทำมัมมี่ นั่นเอง
แล้วนอกจากการทำมัมมี่แล้ว ส่วนประกอบอื่น ๆ ที่สำคัญ ในพีธีศพของของอียิปต์โบราณ มีอะไรอีกบ้าง เรามาดูกันดีกว่า
- สุสาน
แม้จะมีดีไซน์ที่แตกต่างกันในแต่ละยุคสมัย และตามฐานะของเจ้าของ แต่หน้าที่ที่เหมือนกันก็คือเป็นที่อยู่ของมัมมี่ และเป็นทางผ่านไปยังโลกใต้ภิภพ หรือก็คือยมโลก
- Afterlife text
ชาวอียิปต์จะตกแต่งสุสาน และโลงด้วยตัวอักษรที่เกี่ยวข้องกับศาสนา เพื่อช่วยเหลือคนที่ตายไปแล้วในชีวิตหลังความตาย - Pyramid text
การเขียนตัวหนังสือที่ผนังถ้ำนั้น จะทำขึ้นเฉพาะกับฟาโรห์เท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็มีการทำให้ราชินี และเหล่าคนชั้นสูงทั้งหลายเช่นกัน - Coffin text
การจารึกตัวอักษรที่โลง มีไว้เพื่อปกป้อง และเป็นคู่มือ ให้กับผู้ที่เสียชีวิตแล้ว นอกจากนี้เป็นการให้เวทมนตร์ที่จำเป็น ในการท่องโลกหลังความตาย (ดินแดนต้นกก) อีกด้วย
โดยตัวอักษรชนิดนี้ จะพบได้ทั่วไปมากกว่า เนื่องจากเป็นการให้ทุกคน ได้มีโอกาส ใช้ชิวิตหลังความตายอย่างเหมาะสม
- หนังสือแห่งความตาย (Book of dead)
มักจะถูกเขียนบน กระดาษ Papyrus ซึ่งเป็นการดาษโบราณ ที่มีลักษณะหนา แต่ก็พบว่าถูกเขียนบนผนังหรือโลกเช่นกัน มีหน้าที่คล้ายกับ Coffin text คือช่วยปกป้อง แนะนำ และให้ความรู้แก่คนตาย ในการเดินทางไปยมโลก - หนังสือแห่งโลกใต้ภิภพ (Book of Netherworld)
มีเพื่อแนะนำผู้ตาย ให้เห็นภาพของการเดินทางในชีวิตหลังความตายมากขึ้น โดยเป็นการเล่าเรื่อง ของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ที่เคยเดินทางในชีวิตหลังความตายเช่นกัน - หนังสือแห่งท้องฟ้า (Book of sky)
เป็นตัวหนังสือ ที่สลักอยู่ตรงเพดานของสุสาน ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้า ที่ชื่อว่า Nut ซึ่งเธอมีหน้าที่ในการปกป้องดวงวิญญาณ ในการเข้าสู่ชีวิตหลังความตาย - โลง
สำหรับบรรจุร่างผู้เสียชีวิต และมีรูปร่างภายนอกที่สะท้อนตัวตัวของบุคคลที่อยู่ด้านใน - ของเซ่นไหว้
เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ และอาหาร โดยจะวางไว้ไม่ไกลจากร่างมัมมี่
Credits : Wikipedia, Gulfnews, Businessinsider, Pinterest, Fandom.com, Istock, Amazon , National Geographic, secrets of the Saqqara tomb on Netflix
Stay connected